ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2552
ตอบกลับ: 2
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

พระสมเด็จหลวงพ่อสุรินทร์ วัดลาดบัวขาว จ.ราชบุรี

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2019-8-30 20:35

สมเด็จหลวงพ่อสุรินทร์ วัดลาดบัวขาว จ.ราชบุรี


         

        สมเด็จรุ่นแรกของหลวงพ่อประมาณปี พ.ศ. 2492

พระสมเด็จของท่าน จัดได้ว่ามีน้อย หายาก และคนแถววัดเองยังแทบจะไม่มีกันเลย


เพราะสมัยก่อนลูกศิษย์ที่มาจาก กรุงเทพจะเก็บกลับไปจนหมด
ชาวบ้านเองถือว่าอาจารย์สุรินทร์ยังอยู่ก็เลยไม่ได้สนใจจะเก็บเอาไว้เท่าไหร่
        สมเด็จของท่านจะเป็นพิมพ์ก้างปลา และอีกพิมพ์เป็นพิมพ์พิเศษ ที่หายากสุดๆ

แต่เนื้อหาเดียวกัน สมเด็จของท่านนั้น เวลาทำ ท่านจะลบผมเองทั้งหมด


และท่านจะพูดเสมอว่าคนอยากได้พระ"สมเด็จวัดระฆัง"กันมาก

พระของข้าก็มี "พระสมเด็จของสมเด็จโต" ท่านผสมอยู่ด้วย
โดยท่านบอกกล่าวกับลูกศิษย์ท่านว่า"ข้าเป็นมหาดเล็กในสมเด็จฯ
(เจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ) ท่านมอบพระสมเด็จของขรัวโตให้กับข้าหลายองค์ทีเดียว

ข้าก็เอามาสร้างพระแจกให้กับลูกศิษย์...เอาไว้เป็นมง คลชีวิต"




2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2019-8-30 20:33 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

ประวัติ หลวงพ่อสุรินทร์ สันตจิตโต วัดลาดบัวขาว จ.ราชบุรี

"พระอาจารย์สุรินทร์ สันตจิตโต" หรือที่ชาวบ้านเรียกขานว่า "หลวงพ่อสุรินทร์" ในแถบจังหวัดภาคกลางย่านจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม ต่างเลื่อมใสศรัทธา และเชื่อในความเข้มขลังแห่งพระเครื่อง วัตถุมงคลของท่าน

อัตโนประวัติ ท่านเกิดในสกุล นาคฤทธิ์ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2457 ที่บ้านตำบลท่าเสา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี มีชื่อเล่นว่า "จุก" แต่ญาติผู้ใหญ่ชอบเรียกว่า "อ้ายจุก" สาเหตุที่เรียกจุกนั้น เพราะสมัยเด็กไว้จุก

เมื่อเจริญวัยพอสมควร มารดาของท่านได้ส่งไปเรียนอยู่ที่สำนักวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ โดยอาศัยกับพระภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลวงลุง ในปลายสมัยสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ด้วยความฉลาดปราดเปรื่องของท่านในวัยเยาว์ ทำให้ต้องพระทัยของสมเด็จฯ ต่อมาไม่นานมีรับสั่งให้เป็นมหาดเล็ก (ลูกศิษย์สมเด็จฯ) โดยมีเบี้ยรางวัลเดือนละ 3 บาท ในสมัยนั้น

สมัยเป็นมหาดเล็ก ท่านเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า "เวลานอนกลางคืน สมเด็จฯ ท่านรับสั่งให้นอนใต้แท่นบรรทมของสมเด็จฯ แต่นอนได้ไม่ตลอดคืน คือนอนได้ตั้งแต่หัวค่ำถึง 05.00 น. ของวันใหม่ก็ต้องออกไปนอนข้างนอกวิสูตร(มุ้ง) ของสมเด็จฯ ด้วยพอถึง 05.00 น. เป็นเวลาบรรทมของสมเด็จฯ ถึงเวลานี้ก็ต้องถูกปลุกให้ไปนอนข้างนอก ทุกๆ วัน"

อายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดรางวาลย์ อ.บ้าน โป่ง จ.ราชบุรี มี เจ้าอธิการชื่น เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการสิน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระหนุน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "สันตจิตโต"

เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้ศึกษาพระธรรมวินัยจนสอบได้นักธรรมชั้นโท

นอกจากนี้ ยังศึกษาทางด้านวิทยาคม โหราศาสตร์ แพทย์แผนปัจจุบันและแผนโบราณ จนมีความเชี่ยวชาญนำความรู้มาช่วยสงเคราะห์ชาวบ้านจนเป็นที่เคารพศรัทธา อย่างมาก

เมื่ออุปสมบทพอมีพรรษาและความรู้พอสมควร ได้รับอาราธนามาเป็นพระครูปริยัติที่วัดโกสินารายณ์ และจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ระยะหนึ่ง ต่อมาได้รับอาราธนามาเป็นเจ้าอาวาสวัดลาดบัวขาว ซึ่งสมัยนั้นเรียกว่า "วัดท่าวัว" ซึ่งเป็นวัดที่ยังไม่เจริญ ตั้งแต่สร้างมาก็ยังไม่มีเจ้าอาวาสเลย มีแต่ผู้รักษาการเจ้าอาวาสสมัยหนึ่งๆ เท่านั้น

เมื่อดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสพอสมควร ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลลาดบัวขาว และได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาอีกจนได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นตรีในราชทินนาม "พระครูวิจิตร สารคุณ"

เมื่อท่านได้รับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดลาดบัวขาว ได้เปิดสอนปริยัติธรรม แผนกธรรม และได้ให้การร่วมมือกับทางราชการ โดยการให้ใช้ศาลาการเปรียญและที่ดินของวัดให้ที่เรียนของเด็กๆ และเป็นที่ตั้งโรงเรียนประชาบาลจนทุกวันนี้

หลังจากนั้นได้เริ่ม สร้างอุโบสถ สร้างกุฏิ ซึ่งเป็นอาคารตึกชั้นเดียว 4หลัง (ปัจจุบันเหลือ 3 หลัง) สร้างบ้านพักเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สร้างศาลาการเปรียญ แต่ยังไม่เสร็จท่านก็มรณภาพ คณะศิษย์และคณะกรรมการวัดได้ช่วยกันสร้างต่อจนสำเร็จ

ท่านได้เทศน์ สั่งสอนชาวบ้านและชาววัดใกล้เคียงจนเป็นที่เลื่องลือ เป็นที่เลื่อมใสของประชาชนใกล้เคียงทั่วไป แม้ขณะที่ท่านกำลังป่วยอยู่ยังไปเทศน์อบรมสั่งสอนจนใกล้มรณภาพ คือก่อนหน้าที่ท่านจะมรณะสองสามวันยังไปเทศน์อบรมประชา ชน โดยที่อาการเจ็บป่วยไม่ได้ทำให้ท่านท้อถอยแม้แต่น้อย

พระครูวิจิตรสารคุณ ได้มาพัฒนาให้วัดนี้เจริญเป็นวัดที่สมบูรณ์แบบ มีอุโบสถ กุฏิ ศาลา ซึ่งใช้ในการบำเพ็ญศาสนกิจ ในพุทธศาสนาในถิ่นนี้ครบแทบทุกอย่าง จนกระทั่งตัวท่านเองป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ขากรรไกร ขณะที่ท่านป่วยอยู่นั้น ท่านที่เคารพและศิษย์ยานุศิษย์จะพาท่านไปให้แพทย์รักษา ท่านก็บอกว่า "จะขอสร้างศาลาให้เสร็จเสียก่อน แล้วจึงจะไป" คำพูดของท่านประโยคนี้ เป็นที่ซาบซึ้งแก่บรรดาผู้ที่เคารพและบรรดาศิษย์ยานุศิษย์เป็นอันมาก

วัตถุมงคลที่ หลวงพ่อสุรินทร์ สร้างไว้ อาทิ พระสมเด็จรุ่นแรก สร้างประมาณปี 2492, รูปหล่อขนาดบูชา แต่ที่ได้รับความนิยมจนถึงทุกวันนี้ คือ "เหรียญหมูตาม-หมูขวาง" สร้างปี 2512 ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นแรกรุ่นเดียวของท่าน และมีประสบการณ์มากมาย
  
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้