หลวงพ่อพระชีว์ พระประธานเมืองสุรินทร์
หลวงพ่อพระชีว์ ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระวิหารจัตุรมุข วัดบูรพาราม หน้าตักกว้าง ๒ เมตร ๙ เซนติเมตร โดยประมาณเป็นพระพุทธรูปสมัยโบราณกาล ที่ไม่มีท่านผู้ใดสืบประวัติให้เป็นที่แน่ชัดว่า สร้างเมื่อปี พ.ศ. ไหนแน่นอน ทั้งนี้เพราะไม่มีการจารึกเป็นลายลักษณ์อักษร ให้ปรากฏไว้ในที่ใดเลย เป็นพระแบบปางสะดุ้งมาร เนื้อดินเผาอัดแน่น โดยไม่อาจทราบว่าด้านในนั้นเป็นอะไรบ้าง และมีพุทธลักษณ์ละม้ายไปทางศีลปะแบบขอมในยุคขอมเรืองอำนาจ ฯ ด้วยเหตุที่ไม่มีใครทราบประวัติความเป็นมาที่แน่นอนดังกล่าวนั่นเอง จึงมีการสืบสานเล่าต่อ ๆ กันมา ที่ไม่ค่อยจะตรงกันมากนัก ทั้งนี้ก็แล้วแต่ท่านผู้ใดจะสืบทราบกันมาอย่างไร ฯ แต่ก็พอจะสรุปได้โดย ๓ นัยด้วยกัน คือ
นัยหนึ่ง เล่าสืบ ๆ ต่อกันมาพอได้เค้าความว่า ในราว พุทธศักราช ๒๓๒๙ พระสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ ผู้ครองเมืองสุรินทร์ในสมัยนั้น ได้เริ่มว่างแผนผังเมือง มีการสร้างหลักเมืองตลอดถึงวัดที่มีความสำคัญไว้หลายจุดของเมืองในขณะนั้นได้ส่งผู้คนที่เป็นบริวารจำนวนหนึ่ง ให้ไปตั้งรกรากเป็นหมู่บ้านแถบห้วยน้ำลำชี โดยสร้างคอกและเลี้ยงโคกระบือนั้น ถือว่าเป็นพาหนะและแรงงานที่สำคัญที่สุดในยุดนั้น เขาเหล่านั้นก็ต้องประกอบอาชีพการงานเลี้ยงตัว ด้วยการทำไร่ทำนา และทอดแหหาปลาไปตามประสาชาวบ้าน ขณะนั้นมีชาวบ้านมีชาวบ้ากลุ่มหนึ่ง นัดแนะกันไปทอดแหหาเป็นกรณีพิเศษ เพราะจะพากันลงตรงจุดลึกและกว้างที่สุดของลำชี ในขณะที่กำลังพากันทอดแหอยู่นั้น มีท่านผู้หนึ่งได้ดำน้ำลงไปตรงจุดที่ลึกนั้น มือได้ไปคว้าสัมผัสกับสิ่งลึกลับ และแปลกในใจอย่างยิ่งว่า ไม่เคยได้สัมผัสหรือเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย จึงชวนหมู่เพื่อให้ช่วยดำน้ำไปพร้อมกัน เพื่อสัมผัสหรือคลดูว่าเป็นอะไรกันแน่ ครั้นดำลงไปอีกครั้งก็พบสิ่งดังกล่าวจึงช่วยกันยกขึ้นมา
เพียงเมื่อวัตถุนั้นโผล่พ้นน้ำขึ้นมา สายตายของผู้คนที่จองมองดูอยู่แล้ว ก็อุทานขึ้นพร้อมกันว่า "โอ พระพุทธรูป" ต่างคนก็แปลกใจ และดีใจอย่างยิ่ง จึงพร้อมใจกันว่าจะอัญเชิญมามอบให้ท่านเจ้าเมือง แต่ก็มีเสียงความแสดงความคิดเห็นออกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายหนึ่งเห็นว่าทำเช่นนั้นไม่ได้เพราะของนี้อาจเป็นของศักดิ์สิทธิ์ และมีเจ้าของหรือมีเทพเจ้าหวงแหนอยู่ หากนำไปโดยพละการอาจเกิดเหตุเภทภัยอะไรตามมาก็ได้จึงจัดคนผู้มีฝีเท้าจำนวนหนึ่ง ให้รีบเดินทางไปกราบเรียนท่านเจ้าเมืองทราบทันที เมื่อเจ้าเมืองพระยาสุรินทรภักดี ฯ ทราบเรื่องแล้ว ก็ให้อัญเชิญนำมาไว้ที่ วัดบูรณ์ (ชื่อเดิม) ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง หน้าศาลากลางจังหวัดพอดี ส่วนศาลเก่าขนาดเล็กนั้นอยู่เยื้องไปทางตะวันตกมาก เมื่อท่านเจ้าเมืองได้เห็น ก็ศรัทธาปีติอย่างยิ่งเพราะเป็นพระเนื้อสำริด หน้าตักขนาดสองคืบ จึงจัดประกอบพิธีสมโภชอัญเชิญประดิษฐานในโบสถ์ต่อไป
หลวงพ่อพระชีว์มีความศักดิ์สิทธิ์มาก
เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วทั้งจังหวัดสุรินทร์และใกล้เคียง สำหรับท่านที่จะมาสักการะที่นี่ ลุงนุ่งผ้าขาวม้า
แกบอกผมว่าขอพรได้ครอบคลุมทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องหน้าที่การงาน และโรคภัยไข้เจ็บ
+++การขอพรเรื่องโรคภัยไข้เจ็บนั้นให้ผู้ป่วยเดินอ้อมไปสักการะขอพรด้านหลังองค์หลวงพ่อ +++ของถวายที่ท่านโปรด ท่านโปรดดอกบัว 21 ดอกหากใครจะมาบนให้บนด้วย ดอกบัว 21 ดอก(อันนี้ลุงนุ่งผ้าขาวแกบอกมาครับ)
+++คำบูชาหลวงพ่อพระชีว์ นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสะ (3 จบ)
นะโมพุทธายะ โมพุทธายะอะนะพุทธายะอะนะโม ธายะอะนะโมพุท
ยะอะนะโมพุทธา นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ
นะมะอะอุหลวงพ่อพระชีว์ ประสิทธิเม อะหัง ปูเชมิ สาธุ
คาถาบูชาหลวงพ่อพระชีว์
|