เสี่ยกังลุกพรวดพราดด้วยความตกใจที่ไฟไหม้บ้าน จึงวิ่งลงมาจากชั้นบน ตะโกนเรียกคนในบ้านให้ตื่น แล้วลนลานเปิดประตูหน้าบ้านทันที สมุนมือปืนที่อยู่หลังบ้าน เพิ่งจะงัวเงียลุกขึ้น พอประตูหน้าเปิดผาง เสี่ยกังก็เผชิญหน้ากับทองปานที่ยืนถือปืนคอยอยู่แล้ว ทองปานก็เหนี่ยวไกลั่นกระสุนเข้าใส่เสี่ยกัง 2 นัดซ้อน “เปรี้ยง เปรี้ยง” เสี่ยกังล้มฟาดตรงหน้าประตูทันที แล้วทองปานก็ออกวิ่งหนี ในจังหวะนั้นบ้านใกล้เรือนเคียงได้เสียงร้องตะโกนว่าไฟไหม้ ก็กรูกันออกมาดู พร้อม ๆ กับลูกน้องมือปืนของเสี่ยกังที่พรวดออกมาเห็นเจ้านายนอนฟุบจมกองเลือดก็เผ่นตามทันที ทองปานที่ยังอ่อนหัด เมื่อเห็นคนกรูเกรียวกันออกมาก็ตกใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรถือปืนเร่อร่าอยู่กลางถนน สมุนมือปืนเห็นเข้า ก็ระดมยิงเข้าใส่จนทองปานถลาแต่ว่ากระสุนทุกนัดไม่อาจจะทะลวงผ่านเนื้อหนังของเขาเข้าไปได้เลย ไม่ทันที่ทองปานจะตะเกียกตะกายลุกขึ้น ชาวบ้านและลูกน้องเสี่ยกังก็กรูมาถึงตัว ทั้งตีทั้งแทงจนทองปานสลบคาที่ แล้วก็ถูกมัดนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเสี่ยกังตายคาที่ ทองปานปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เถ้าแก่กิมเจียงก็ตั้งทนายขึ้นสู้ความเต็มที่ แต่พยานหลักฐานทางอัยการแน่นหนากว่า ศาลราชบุรีจึงพิพากษาตัดสินประหารชีวิตทองปานให้ตายตกไปตามกัน ทองปานถูกส่งตัวมายังเรือนจำกลางบางขวางเพื่อรอการประหาร เขาพยายามทำฎีกาพิเศษเพื่อทูลเกล้าถวายฎีกาขอพระมหากรุณาธิคุณลดโทษจากประหารชีวิตลงมาเป็นตลอดชีวิต แต่ฎีกาพิเศษถูกยกเสีย ดังนั้นทองปานจึงหมดหวังที่จะมีชีวิตรอดต่อไปได้ ทองปานผู้กลายเป็นนักโทษประหารเพราะความกตัญญู รอคอยความตายที่จะมาถึงอย่างเศร้าซึม ในที่สุดวันประหารชีวิตก็ถูกกำหนดลงมาให้ประหารเวลาเช้ามืดของวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๐ วันนั้นเวลาตีห้า เจ้าพนักงานก็คุมตัวทองปานไปยังแดนประหาร ที่นั่นผู้บัญชาการเรือนจำและเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ก็มารอคอยอยู่พร้อมแล้ว ทางเรือนจำได้นิมนต์หลวงปู่พลอย วัดบางแพรก มาเทศน์ให้ฟังเป็นครั้งสุดท้าย หลวงปู่พลอยก็นำเอาเรื่องกรรมดีกรรมชั่วมาเทศน์ซึ่งทองปานนั้นก็พนมมือรับฟังอย่างสงบ หลังจากหลวงปู่เทศน์จบลง ทองปานก็ได้ถวายปัจจัย ๒๐ บาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนสุดท้ายที่มีติดตัว ต่อจากนั้นพนักงานก็ประคองทองปานเข้าหลักประหาร มัดลำตัวข้อศอกตรึงกับไม้กางเขน ในมือก็มีดอกไม้ธูปเทียนพนมเอาไว้ แล้วก็รูดม่านสีน้ำเงินปิดเป็นฉากกั้น เลื่อนเป้าตาวัวที่เป็นเป้าปืนให้ตรงกับตำแหน่งหัวใจ นายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง เพชรฌาตมือหนึ่ง กับนายติ๊บ มียศ เพชรฌาตมือสอง ก็เข้าประจำที่ นายเหรียญปรับศูนย์ปืนกลแบล็คมันบนแท่นเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าแผนกผู้คุมก็ชูธงแดงขึ้นเป็นสัญญาณเตรียมยิงทันทีที่ธงแดงถูกตวัดลง นายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง ก็กดไกปืนกลแบล็คมันด์ทันที กระสุนทั้งชุดก็พุ่งทะลวงผ่านเป้าตาวัวเข้าไปอย่างแม่นยำ แต่น่าอัศจรรย์ยิ่งที่กระสุนไม่ระคายผิวหนังของทองปานแม้แต่นัดเดียว หัวหน้าแผนกควบคุมก็โบกสัญญาณธงแดงอีกครั้ง เพื่อให้นายติ๊บ มียศ เพชรฌาตมือสองประหารต่อ นายติ๊บก็ลั่นไกปืนกลแบล็คมันด์กระบอกที่ ๒ จนหมด แต่กระสุนชุดที่ ๒ ก็ไม่สามารถปลิดชีวิตทองปานได้อีก หัวหน้าแผนกควบคุมจึงเข้าไปรายงานต่อผู้บัญชาการว่า ทองปานอยู่ยงคงกระพันยิงไม่เข้า ผู้บัญชาการก็สั่งให้เพชรฌาตทั้งสองยิงซ้ำอีกคนละชุด ผลปรากฏออกมาเหมือนเดิมคือยิงทองปานไม่เข้า คราวนี้ผู้บัญชาการก็เข้าไปสอบถามทองปานด้วยตัวท่านเอง บอกว่า “นายทองปาน เธอมีเครื่องรางของขลังอะไรอยู่ในตัว” ทองปานก็ตอบว่า “ไม่มีอะไรเลยครับ ผมมีลิ้นดำมาแต่กำเนิดเท่านั้นเอง” ผู้บัญชาการจึงสั่งให้พักการประหารไว้ก่อน แล้วทำรายเหตุงานเรื่องราวยื่นเสนอต่อพระกล้ากลางสมร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ในสมัยนั้น ส่วนตัวทองปานก็ได้รับการปลดพันธนาการออก แล้วก็นำตัวมาอยู่ที่ตึกบัญชาการ ๗ ชั้นอีกครั้ง เพื่อรอคำสั่งต่อไป สถาพของทองปานมีอาการบอบช้ำอย่างหนักที่กลางแผ่นหลัง แม้ว่าเขาจะหนังเหนียวยิงไม่เข้า แต่ว่าแรงปะทะของหัวกระสุนที่ทะลุเสื้อเข้าไปกระแทกเนื้อหนังอย่างเต็มอานุภาพ ก็ทำให้เกิดอาการช้ำเป็นปื้นสีม่วงปูดบวมเป่งออกมาตรงแผ่นหลัง แม้ว่าทองปานจะดีอกดีใจที่รอดตายมาได้จากการประหารครั้งแรก แต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่าโอกาสที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่อไปนั้นไม่มีอีกแล้ว เพราะว่ากรมราชทัณฑ์ได้ระบุกฎข้อบังคับเอาไว้ว่า “ถ้านักโทษประหารคนใด คงกระพันชาตรี ยิงไม่เข้า ก็ให้ประหารชีวิตด้วยสันขวาน โดยให้ใช้สันขวานทุบศีรษะ ให้ตายตกไปตามกัน” แต่ว่าดวงชะตาของทองปานยังไม่ถึงฆาตจริง ๆ เย็นวันนั้นทางรัฐบาลได้มีประกาศ พระราชทานอภัยโทษในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๘ คือวันที่ ๒๐ กันยายน ผู้ต้องโทษประหารชีวิตก็เหลือเพียงตลอดชีวิต ทองปานถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความปิติยินดีสุดขีด ที่เขารอดมาได้เหมือนปาฏิหาริย์ด้วยพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า ทองปานได้รับการลดโทษเหลือตลอดชีวิตและเขาได้ประพฤติตัวเป็นนักโทษชั้นดีมาตลอด และได้รับการลดโทษลงเรื่อย ๆ กระทั่งได้รับอิสรภาพอีกครั้งหนึ่ง หลังจากพ้นโทษแล้วทองปานก็ตัดสินใจบวชเป็นพระภิกษุ แล้วก็ไม่สึกตราบชั่วชีวิต นี่คือเรื่องมหัศจรรย์ของคนที่อยู่ยงคงกระพัน โดยที่ไม่มีอานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ของเครื่องรางของขลัง หรือว่าวัตถุมงคลคุ้มครองตัวเองแม้แต่อย่างเดียว นอกจากมีลิ้นดำมาแต่กำเนิดเท่านั้น เป็นเรื่องเหลือเชื่อแต่เป็นเรื่องจริงที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งอีกเรื่องหนึ่ง…. ที่มาจาก William Lhue
|