ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 5220
ตอบกลับ: 5
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ หลวงปู่ซุน ติกขปัญโญ วัดบ้านเสือโก้ก ~

[คัดลอกลิงก์]


หลวงปู่ซุน ติกขปัญโญ
วัดบ้านเสือโก้ก
ต.เสือโก้ก อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม


ประวัติและปฏิปทา

๏ อัตโนประวัติ

“หลวงปู่ซุน ติกขปัญโญ” หรือ “พระครูสุนทรสาธุกิจ” แห่งวัดบ้านเสือโก้ก ต.เสือโก้ก อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม เป็นพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าที่เรืองวิทยาคม มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วภาคอีสานรูปหนึ่ง เมื่อเกือบร้อยปีที่ผ่านมา ท่านมีนามเดิมว่า ซุน ประสงคุณ เกิดเมื่อปีพุทธศักราช 2429 ณ บ้านเปลือย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนาเหมือนกับชาวอีสานทั่วไป ต่อมา ครอบครัวของหลวงปู่ซุนได้อพยพย้ายที่ทำมาหากินมาอยู่ที่บ้านเสือโก้ก จ.มหาสารคาม ในช่วงวัยเยาว์ ท่านได้ช่วยงานครอบครัวด้วยความขยันขันแข็ง ยามว่างจากทำไร่ทำนาจะคอยต้อนวัวควายออกไปเลี้ยงกลางทุ่งนา

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-8-26 02:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๏ การบรรพชาและอุปสมบท

เมื่ออายุได้ 18 ปี ในวันหนึ่ง ขณะที่กำลังเลี้ยงวัวควายตามปกติ ปรากฏว่ากระดิ่งแขวนคอวัวควายหล่นหาย ท่านเกิดความกลัวว่าบิดาจะลงโทษ ประกอบกับเป็นคนใฝ่รู้และมีใจเอนเอียงเข้าหาพระธรรมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ด.ช.ซุน ประสงคุณ จึงได้ขอร้องบิดาของเพื่อนคนหนึ่ง ให้นำไปบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดบ้านเสือโก้ก เพื่อหนีความผิด ครั้น โยมบิดา-โยมมารดา ทราบว่าบุตรชายได้เข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์เป็นที่เรียบร้อย ท่านมิได้คัดค้านหรือตำหนิแต่อย่างใด อีกทั้งได้ร่วมอนุโมทนาบุญด้วย

กระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ สามเณรซุน ประสงคุณ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีพระอธิการสา เป็นพระอุปัชฌาย์ ภายหลังอุปสมบทแล้ว ท่านได้มุ่งมั่นศึกษาพระธรรมวินัยด้วยความขยันขันแข็ง


๏ การศึกษากัมมัฏฐานและวิทยาคม

ด้วยความเป็นพระภิกษุที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย วัตรปฏิบัติสวดมนต์เช้าเย็นไม่เคยขาด หลังจากฉันภัตตาหารเพล ท่านจะนั่งวิปัสสนากัมมัฏฐานภายในกุฏิ

นอกจากนี้ หลังออกพรรษาทุกปี ท่านจะออกเดินธุดงควัตรไปตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อแสวงหาความหลุดพ้นตามป่าเขาลำเนาไพรในภาคอีสาน

รวมทั้งยังได้ไปศึกษาวิทยาคมจากสมเด็จลุน พระเกจิชื่อดังจากประเทศลาว ในด้านอักขระโบราณ ทำให้หลวงปู่ซุนมีความรู้สามารถเขียนอักษรลาว-ขอม และอักษรไทยอย่างแตกฉาน

ในเวลาต่อมา ชื่อเสียงของหลวงปู่ซุนโด่งดังเป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันจะมีคณะศรัทธาญาติโยมจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม ประพรมน้ำพุทธมนต์ และปรารถนาวัตถุมงคลตะกรุดโทน และตะกรุดคู่ที่เข้มขลังจากหลวงปู่กันอย่างล้นหลาม

ยุคสมัยนั้น ราคาเช่าวัตถุมงคลตะกรุดหลวงปู่ซุน 1 ดอก เท่ากับทองคำหนักหนึ่งบาท
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-8-26 02:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๏ พระธรรมเทศนา

อย่างไรก็ดี ท่านมักจะพร่ำสอนญาติโยมอยู่ตลอดเวลาว่า

“อย่าได้ประมาท และอย่าเบียดเบียนกัน แล้วชีวิตจะพานพบแต่สิ่งดีงาม”


๏ งานด้านการศึกษา

หลวงปู่ซุนยังเป็นพระนักการศึกษา ตลอดเวลาที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านเสือโก้ก ได้ให้ความสำคัญด้านการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยทราบดีว่าการบวชเรียนเป็นหนทางหนึ่งของคนยากคนจนชาวอีสาน

ท่านรับหน้าที่เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมสำนักเรียนวัดบ้านเสือโก้ก พระภิกษุ-สามเณรที่เรียนกับท่านต้องเรียนหนักมาก บางวันเรียนไปจนถึง 3 ทุ่ม ทำให้สำนักเรียนวัดบ้านเสือโก้กยุคนั้น มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ละปีจะมีพระภิกษุ-สามเณรมาอยู่จำพรรษาศึกษาพระธรรมวินัย จำนวนประมาณ 100 รูป


๏ ลำดับงานปกครองและสมณศักดิ์

พ.ศ.2461 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลเสือโก้ก

พ.ศ.2477 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.2497 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูสุนทรสาธุกิจ
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-8-26 02:19 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๏ สร้างวัดกู่สุนทราราม (วัดกู่สนาม)

หลวงปู่ซุน อยู่จำพรรษาที่วัดบ้านเสือโก้ก จนถึงปี พ.ศ.2493 ท่านได้มาทำพิธีสรงน้ำที่ซากกู่เทวสถานสมัยขอม ภายในป่าโคกบ้านสนาม ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งวัดกู่สุนทราราม (วัดกู่สนาม) บ้านสนาม ในปัจจุบัน ชาวบ้านญาติโยมลือกันว่า ในป่าโคกบ้านสนามแห่งนี้ผีดุมาก ไม่มีใครกล้าบุกรกุเข้าไป

หลวงปู่ซุนมีความตั้งใจสร้างวัดขึ้นในบริเวณดังกล่าว จึงขอความร่วมมือจากชาวบ้านญาติโยมในการสร้างวัด ก่อนแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2500 วัดแห่งนี้มีชื่อว่า วัดกู่สุนทราราม (วัดกู่สนาม) บ้านสนาม นับแต่นั้นเป็นต้นมา หลวงปู่ซุนได้อยู่จำพรรษาที่วัดกู่สุนทราราม (วัดกู่สนาม) บ้านสนาม มาโดยตลอด


๏ การมรณภาพ

บั้นปลายชีวิตของหลวงปู่ซุน สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง อาพาธบ่อย ครั้งสุดท้ายได้มรณภาพอย่างสงบด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ.2504 สิริอายุรวมได้ 76 พรรษา 56 ในปัจจุบัน วัดกู่สุนทราราม (วัดกู่สนาม) บ้านสนาม ได้ก่อสร้างศาลาเพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนของหลวงปู่ซุน ติกขปัญโญ

.............................................................

คัดลอกมาจาก ::
หนังสือพิมพ์ข่าวสด หน้า 31
คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6 โดย เชิด ขันตี ณ พล
วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 16 ฉบับที่ 5890

ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=27387

ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้