ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ~

[คัดลอกลิงก์]
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-3-18 15:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงพ่อเงินมีชื่อในทางคงกระพัน

คุณลุงแปลกกับคุณครูจิตได้เล่าให้ท่านเจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำองค์ก่อน (ทานพระครูวิจิตร วุฒิกร) ฟังว่า หลวงพ่อเคยทะเลาะกับชายของท่าน คือ ตาภุมรา ซึ่งเป็นหมอใหญ่มีชื่อในเขตนั้นหรืออำเภอบางคลาน ตาภุมราผู้นี้ชอบดื่มสุรามากที่สุด วันหนึ่งควายของตาภุมรามาขวิดกับควายของหลวงพ่อ ขวิดกันอยู่นานมาก ผลปรากฏว่า ควายของตาภุมราแพ้และมีเลือดออกตามบาดแผลมาก ส่วนควายของหลวงพ่อนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ตาภุมราโมโหควายของหลวงพ่อมาก ในตอนเย็นวันนั้นตาภุมราจึงได้ดื่มสุราเมาจนถึงขนาดหนักมาจากไหนไม่ทราบได้ข้ามฟากไปหาหลวงพ่อ และร้องเรียกหลวงพ่อว่า ?ท่านเงิน ๆ เขาว่าท่านเก่งหรือ? หลวงพ่อเห็นพี่ชายเมาสุรามากก็ถามว่า ?พี่ภุมรา ข้าจะเก่งอย่างไร ข้าเป็นพระเป็นสงฆ์? ตาภุมราคงจะโมโหในเรื่องที่ควายของตนแพ้จึงพูดต่อไปว่า ?เขาลือว่าท่านเก่ง และอยู่ยงคงกระพันชาตรีหรือ? หลวงพ่อตอบไปว่า ?ข้าไม่มีดีอะไรหรอก?
ตอนนี้ตาภุมราจะคิดอย่างไรไม่ทราบ หรือเพราะฤทธิ์สุราก็เป็นได้ จึงข้ามฟากกลับไปบ้านเพื่อเอาปืน แต่ปืนสมัยนั้นคงเป็นปืนคาบหินหรือไม่ก็ปืนแก๊ป เมื่อได้ปืนแล้วก็กลับมาที่หลวงพ่อเพื่อจะทดลอง เมื่อถึงวัดก็เรียกหาหลวงพ่อว่า ?ท่านเงินอยู่ไหน ผมเอาปืนมาจะลองท่าน? หลวงพ่อก็แน่เหมือนกัน ตอบพี่ชายไปว่า ?ข้าอยู่นี่ พี่ภุมราเลือกยิงเอาให้เหมาะก็แล้วกัน? ฝ่ายตาภุมราไม่รอช้าเอาปืนประทับไหล่ยิงทันที เสียงสับนกอยู่ ๓-๔ ครั้ง ไม่ดังเลย เมื่อยิงไม่ดังแล้วก็ลดปืนลงจากบ่า ปรากฏว่ามีน้ำไหลออกมาจากปากกระบอกปืน หลวงพ่อคงโมโหมากจึงพูดว่า ?ถ้าไม่ใช่พี่ชายจะตีเสียให้? แล้วภุมราจึงกลับบ้าน เหตุนี้เองที่ทำให้ชาวบ้านทราบว่า หลวงพ่อเงินมีความศักดิ์สิทธิ์ จึงพากันไปขอเครื่องรางของขลังจากหลวงพ่อ เช่น ตะกรุด ฯลฯ ต่อมาจนวันเดือนปีใดไม่ทราบ เมื่อตาภุมราถึงแก่กรรม ปรากฏว่า หลวงพ่อเงินมิได้ไปเผาศพพี่ชายเลยแต่ให้ลูกศิษย์นำผ้าไตรไปช่วยในงานศพ นับว่าหลวงพ่อมีใจเด็ดเดี่ยวมาก

ความศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับการเทน้ำไม่ออก

ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเงินเลื่องลือไปถึงไหน ก็ทำให้คนที่ทราบอยากได้เครื่องรางของขลังจากท่านเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลวงพ่อเงินนี้เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วไปทั้งใกล้ไกล รวมทั้งชาวจีนก็นับถือมากเช่นกัน วันหนึ่งชาวจีนคนหนึ่งได้มาหาหลวงพ่อเพื่อขอน้ำมนต์เอาไปอาบที่บ้านเพื่อจะให้เป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ทั้งจะทำให้การประกอบอาชีพร่ำรวยยิ่ง ๆ ขึ้นไป จึงเอาน้ำใส่กระบอกไม่ บางทานก็บอกว่าใส่กระถางน้ำ เมื่อชาวจีนผู้นั้นบอกความประสงค์แก่หลวงพ่อแล้ว หลวงพ่อก็จุดเทียนไว้ แล้วนั่งคุยกับชาวจีนผู้นั้นนับว่าชาวจีนผู้นี้คุยถูกคอท่านมาก คุยกันอยู่เป็นเวลานาน ชาวจีนผู้นั้นเห็นว่านานมากแล้ว จังเอ่ยถามหลวงพ่อว่า ?เมื่อไรหลวงพ่อจะทำน้ำมนต์สักที? หลวงพ่อตอบว่า ?ทำเสร็จแล้ว? ชาวจีนผู้นั้นก็เถียงว่าไม่เห็นหลวงพ่อลงมือทำเลย ก็นั่งคุยอยู่ด้วยกันตลอดเวลา หลวงพ่อก็ตอบยืนยันไปว่า ?ทำเสร็จแล้ว? ตามคำเดิม ชาวจีนผู้นั้นคงจะนึกฉุนก็ลุกขึ้นเทน้ำออกจากถัง ปรากฏว่าน้ำในถังนั้นไม่ไหลออกจึงเป็นเหตุให้เลื่องลือมากขึ้น หลวงพ่อองค์นี้แปลกกว่าพระองค์อี่น ๆ ตรงที่ว่า ท่านเป็นพระที่ไม่ถือเนื้อถือตัวและไม่ดุด้วย แต่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ คนที่ไปหำม่ว่าจะมาจากไหน ท่านก็ให้การปฏิสันถารเป็นอย่างดีแก่ชนทุกเหล่า ไม่เลือกวรรณะใด ๆ ทั้งสิ้น
12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-3-18 15:19 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ใช้ให้ลูกศิษย์แย่งอาหารจากปากจระเข้

คุณลุงแปลก สุขนวล ได้เล่าว่า หลวงพ่อชอบเลี้ยงสัตว์บกตลอดจนสัตว์น้ำ คือหลวง พ่อได้เลี้ยงจระเข้ไว้ เพราะในสมัยนั้นแถวบ้านบางคลานมีจระเข้ชุกชุมมากและดุร้ายด้วย วันหนึ่งหลวงพ่อจะไปธุระ ได้เห็นจระเข้กำลังจะกินปลาอยู่กลางแม่น้ำ หลวงพ่อนึกสนุกอย่างไรไม่ทราบ จึงใช้ให้ลูกศิษย์ของทานชื่อนายกลิ้ง (ไม่ทราบนามสกุล) ให้ไปแย่งปลาจากปากจระเข้ และสามารถแย่งมาได้โดยไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด ข้าพเจ้าเข้าใจว่า หลวงพ่อคงจะทำอะไรคุ้มกันให้นายกลิ้งก็เป็นได้

ยิงกระสุนทางอ้อมได้

มีลูกศิษย์วัดของหลวงพ่อคนหนึ่งชื่อ ตานาค ซึ่งตานาคผู้นี้เป็นคนชอบนอนตื่นสายเสมอหน้าที่ของตานาคก็คือ เป็นคนหาบสำรับของหลวงพ่อเวลาออกบิณฑบาต วันหึ่งตานาคนอนตื่นสายผิดปกติ เมื่อหลวงพ่อทราบจึงเอากระสุนยิงไปในทางตรงข้ามที่ตานาคอยู่ แต่ปรากฏว่ากระสุนนั้นไปถึกตานาคที่นอนอยู่ในกุฏิจนต้องร้องโอย หลังจากวันนั้นมีคนไปถามว่า หลวงพ่อยิงกระสุนมานั้นเจ็บไหม ตานาคบอกว่าไม่เจ็บแต่ก็โนเหมือนกัน

ฟันตะกั่วและกระดาษไม่ถูก

เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งหลวงพ่อสั่งให้ตาเจี้ยมตัดตะกั่ว เพื่อจะทำอะไรนั้นไม่ทราบแน่ชัดหลวงพ่อบอกว่า ?ให้ตาเจี้ยมแค่นั้นแหละ? เมื่อตาเจี้ยมใช้มีดฟันลงไปที่ตะกั่วกลับไม่ถูกตะกั่วเลยฟันอยู่หลายครั้งหลายคราว และอีเรื่องหนึ่ง ตาแพ (ไม่ทราบนามสกุล) ศิษย์ของหลวงพ่อเงินอีกคนหนึ่ง กลวงพ่อได้เขียนอักขระใส่ในกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ไว้ แล้วให้ตาแพฟันกระดาษนั้นปรากฏว่า ตาแพฟันกระดาษแผ่นนั้นไม่ถูก หลวงพ่อเงินหัวเราะชอบใจมาก เพราะสิ่งที่ท่านได้ทำไปเป็นเพียงขั้นทดลองดูวิชาเท่านั้นเอง
13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-3-18 15:19 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
อภินิหารหลวงพ่อเงินย่นระยะทางได้

การย่นนะยะทางได้นั้น จะกระทำได้ก็ต้องเป็นพระที่เชี่ยวชาญทางวิปัสสนากรรมฐานหลวงพ่อนี้มีวิชาที่สามารถย่นนะยะทางไกลให้เป็นระยะทางใกล้ได้ ครั้งหนึ่งหลวงพ่อได้ชวนอาจารย์แก้วไปเอาตำราที่เกาะศรีมาลา ณ เมืองพิจิตรเก่า อาจารย์แก้วนี้คงจะเป็นญาติพี่น้องกับหลวงพ่อ เพราะเป็นคนบ้านแสนตอ หลวงพ่อและอาจารย์แก้วเดินทางเพียง ๓ ก้าวเท่านั้นก็ถึงเกาะศรีมาลา พบตำราและมีดหมอ ๑ เล่มอยู่ในโอ่ง ส่วนของหลวงพ่อจะเอาตำรา แต่อาจารย์แก้วจะเอามีดหมอ ซึ่งหลวงพ่อไว้มิให้เอามาเพราะเจ้าของไม่อนุญาต อาจารย์แก้วเอามีดหมอมาได้เพียงคืนเดียวก็ต้องเอาไปคืน เพราะเหตุว่า เจ้าของมีดมารบกวน ครั้นต่อมาอีกหลายเดือนอาจารย์แก้วได้กลับไปที่เกาะศรีมาลาอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่พบโอ่งและมีด ไม่ทราบว่าหายไปข้างไหนเที่ยวเดินหาอยู่ก็ไม่สามารถพบเห็นอีก

ช่างถ่ายรูปหลวงพ่อไม่ติด

ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเลื่องลือไปไกล คนที่อยู่ไหล ๆ ก็อยากจะได้รูปของท่านไว้สักการบูชาจะได้เป็นศรีสวัสดิ์แก่ครอบครัว แรถ่ายรูปในสมัยนั้นก็ไม่ค่อยแพร่หลายเช่นในปัจจุบันนี้ เพราะประชาชนทั่วไปเกรงว่า การถ่ายรูปทิ้งไว้จะทำให้อายุสั้น จึงเป็นเหตุให้พวกรุ่นเราท่านไม่ค่อยได้รูปปู่ย่าตายายเก็บได้ดังนี้เป็นต้น วันหนึ่งได้มีช่างถ่ายรูปเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อจะถ่ายรูปหลวงพ่อ ซึ่งช่างถ่ายรูปนั้นมิใช่คนไทยเป็นชาวอินเดีย (ตามภาษาชาวบ้านเรียกว่า ?แขก?) หลวงพ่อก็ยินดีให้ถ่าย แต่การถ่ายครั้งแรกนั้นไม่ติดเพราะกระจกแตก แขกเห็นเช่นนั้นก็นึกอัศจรรย์ จึงของหลวงพ่อถ่ายใหม่ หลวงพ่อก็ให้ถ่ายอีกเช่นเดิม ปรากฏว่าการถ่ายครั้งนี้รูปของหลวงพ่อติดเพียงซีกเดียว แขกนั้นก็หาได้ลดละความพยายามไปไม่ คนนั้นเลยนอนค้างที่วัด ๑ คืน (คือวัดวังตะโก) จนรุ่งเช้า หลวงพ่อก็ให้แขกถ่ายรูปเป็นครั้งที่สาม รูปหลวงพ่อจึงติดสมประสงค์ของแขกหรือช่างถ่ายรูป นี่ก็ได้แสดงความศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน

หลวงพ่อใบ้หวยได้

ข้าพเจ้าบันทึกตามคำบอกเล่าของครูบุหรง นิ่มทอง ครูโรงเรียนวัดบ้านบางลายใต้ ต.บางลายใต้ อ.โพทะเล จ.พิจิตร ว่ามารดาของครูบุหรงเคยเล่าให้ฟังเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ (หมายถึงคุณแม่) ท่านเคยเป็นชาวเรือได้ล่องเรือไปมาค้าขาย ซึ่งในเวลานั้นหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่วันหนึ่งมารดาของครูบุหรงและพี่สาวได้ล่องเรือข้าวจะไปขายที่ปากน้ำโพหรือที่กรุงเทพฯ ไม่ทราบแน่ชัดและพูดไว้ว่า ล่องเรือไปเที่ยวนี้จะไปขอลาภจากหลวงพ่อ เมื่อเรือล่องไปถึงบ้านบางคลานจึงขึ้นจากเรือไปหาหลวงพ่อวัดวังตะโก เมื่อนมัสการหลวงพ่อเสร็จแล้ว ก็พูดว่า ?หลวงพ่อฉันมาเที่ยวนี้ จะมาขอลาภจากหลวงพ่อ? หลวงพ่อก็ตอบไปว่า ?ฉันไม่มีอะไรให้ดอก แต่ขามาเที่ยวนี้ขอให้โยมซื้อจากมาฝากด้วย? ขากลับมารดาของครูบุหรงได้ขอน้ำมนต์ไปด้วย เมื่อถึงเรือก็เทน้ำมนต์ใส่โหลเก็บไว้ท้ายเรือ ป้าของครูบุหรงมาดูดอกน้ำมนต์ในโหลเห็นเป็นตัว ?จ? จึงบอกมารดาของครูบุหรงว่า ?หนูง้วย หลวงพ่อให้ลาภ? มารดาครูบุหรงไม่ยองเชื่อ เลยไม่ได้ซื้อหวยและแย้งว่า ?ถ้าท่านจะให้ คงบอกตรง ๆ นี่คงไม่จริง? แต่ปรากฏให้เห็นว่า เมื่อหวย ก.ข.ออกรุ่นนั้น ออกเป็นตัว ?จ? จริงๆ
14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-3-18 15:19 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สมเด็จพระมหาสมณะเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส

พระองค์เจ้าชายมนุษย์นาคมานพ หรือ สมเด็จพระมหาสมณะเจ้า กรมพระยาวชิรญาณ
วโรรสซึ่งเป็นโอรสในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งรัตนโกสินทร์ เป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๔๗ ในเจ้าจอมมารดาแพ ครั้งหนึ่งท่านสมเด็จพระมหาสมณะเจ้าออกตรวจตามวัดต่าง ๆ ในเขตมณฑลภาคเหนือ ตอนที่มานั้นท่านจะดำรงตำแหน่งอะไรไม่ทราบชัดแต่ท่านตรวจงานคณะสงฆ์ทั่วไป การมาก็ไม่ปรากฏชัดว่าจะมาในปีเดือนวันอะไรอีกเช่นกันแต่สมเด็จพระมหาสมณะเจ้าได้เสด็จมาทางชลมารค เรือมาตามลำน้ำยม ผ่านวัดต่าง ๆ มาโดยลำดับ พอมาถึงวัดวังตะโก สมเด็จฯ ถามหาหลวงพ่อเงิน เพราะได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงพ่อเมื่อพระองค์ผ่านมา จึงใคร่จะดูรูปโฉมโนมพรรณของหลวงพ่อเงินว่าเป็นอย่างไร พอดีเวลานั้นหลวงพ่อเงินไม่อยู่ ท่านไปอยู่ที่วัดท้ายน้ำ (วัดเก่าของหลวงพ่อเงิน) เพราะที่วัดท้ายน้ำนี้ หลวงพ่อท่านได้สร้างถาวรวัตถุไว้มากมาย และประกอบกับมีญาติพี่น้องอยู่แถวนั้นมาก เมื่อมีคนมาส่งข่าวให้หลวงพ่อทราบ หลวงพ่อท่านก็ให้พระรูปหนึ่งที่มีความชำนาญในการเข้าหาพระผู้ใหญ่ในสมัยนั้นนำดอกไม้ ธูปเทียน ไปถวายสมเด็จพระมหาสมณะเจ้าฯ สมเด็จฯ ท่านรับแล้วถามว่า หลวงพ่อเงินไปไหน พระก็ตอบว่า อยู่ที่วัดท้ายน้ำ มีธุระยังทำไม่เสร็จ ท่านใช้ให้กระหม่อมนำธูปเทียนแพ ดอกไม้มาถวาย เมื่อท่านรับธูปเทียนดอกไม่แล้ว สมเด็จฯจึงมอบผ้าไตรแพร ๑ ไตรให้นำไปถวายกลวงพ่อเงิน พระรูปนั้นเมื่อกลับมาวัดท้ายน้ำ และนำผ้าไตรแพรมาให้หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อท่านยังสัพยอกกับพระรูนั้นว่า ?สู้ข้าไม่ได้? (ข้าไม่ได้ไปก็ยังได้ไตรแพร) ส่วนสมเด็จฯ ก็ได้เดินทางตรวจเยี่ยมขึ้นไปจนสุดคณะสงฆ์ภาคเหนือเมื่อหมดภาคเหนือแล้ว ได้ล่องกลับตามลำน้ำยมอย่างเดิม พอมาถึงวัดวังตะโกได้แวะพักอีก ๑ คืน เพื่อรอหลวงพ่อเงิน พอหลวงพ่อเงินได้ทราบข่างว่า สมเด็จพระมหาสมณะเจ้าฯ ไม่ยอมเสด็จกลับกรุงเทพฯ หลวงพ่อจึงเดินทางจากวัดท้ายน้ำกลับไปวัดวังตะโก เมื่อมาถึงหลวงพ่อเงินได้ทักทายปราศรัยพอสมควรและได้อยู่สนทนากันจนตลอดแจ้งซึ่งไม่มีใครทราบ ดู ๆ ไม่มีเวลาหลับนอนเลย ทราบมาภายหลังว่า สมเด็จในกรมท่านขอเรียนวิปัสสนาธุระกับหลวงพ่อจนสำเร็จ เมื่อพระองค์เรียนสำเร็จแล้ว ท่านจึงเสด็จกลับกรุงเทพฯ สมเด็จในกรมเมื่อตอนเสด็จกลับ ได้ขอธูปเทียนมาจุดเวียนพระอุโบสถ ๓ รอบ (ได้คำบอกเล่าจากคูณหมอแปลก สุขนวล) ซึ่งเล่าว่า ขณะนั้นคุณหมอยังได้เห็นสมเด็จในกรมฯ เวียนพระอุโบสถแต่พระองค์เดียว เห็นแต่ธูปและเทียนเท่านั้น ส่วนองค์สมเด็จฯ แลไม่เห็น นี่ก็ย่อมแสดงว่า พระองค์ได้ศึกษาทางวิปัสสนาจนสำเร็จ เมื่อสมเด็จ ฯ จะเสด็จกลับ หลวงพ่อเงินที่ท่านให้พระลูกวัดเจริญชัยมงคลคาถา (ชะยันโต) เพื่อเป็นสิริมงคลแด่สมเด็จและวัดสืบต่อไป

ทางคลาดแคล้ว

ในวัดของหลวงพ่อมีภิกษุองค์หนึ่งมีนามว่า  อาจารย์ท้วม  ซึ่งมีความสามารถพิเศษในการยิงกระสุนแม่นยำที่สุด  ไม่มีใครจะสู้ท่านได้  วันหนึ่งมีไก่ขึ้นไปเขี่ยหาอาหารบนหลังคากุฏิจนกระจุยกระจายไปหมด  หลวงพ่อโมโห  จึงเรียกหาอาจารย์ท้วมลูกศิษย์ให้ยิงไก่บนหลังคากุฏิ  เมื่ออาจารย์ท้วมได้ทราบความประสงค์ของหลวงพ่อแล้ว  จึงหยิบกระสุนออกมายิงไก่บนหลังคาประมาณ  ๔-๕  ครั้งแต่ไม่ถูกไก่เลย  ซึ่งตามธรรมดาแล้วอาจารย์ท้วมนี้ในเรื่องการยิงกระสุนนั้นยกไว้ให้ว่าแม่นยำมาก  แต่มาครั้งนี้ยิงผิดพลาดไปมาก  นี่ย่องแสดงว่าหลวงพ่อต้องการให้ลูกศิษย์ทราบว่า ท่านมีความขลังแค่ไหน
15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-3-18 15:20 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงพ่อเงินทราบเหตุการณ์ล่วงหน้า

คุณครูจิตร ปั้นเพ็ง ได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า ในรัชกาลที่ ๕ หรือที่ ๖ ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าวันหนึ่งหลวงพ่อเงินได้สั่งให้ลูกศิษย์หรือพระลูกวัดจัดการกวาดลานวัดให้สะอาดเรียบร้อยโดยหลวงพ่อท่านบอกกับพระลูกวัดว่า ?เสือจะมา? ให้เตรียมรัวไว้ให้ดีเสียก่อนจะอายเขา เมื่อทำความสะอาดวัดเรียบร้อยแล้วก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไร ต่อมาไม่กี่วัน หลวงพ่อก็มาบอกกับพระลูกวัดอีกว่า ?วันนี้เสือจะมาถึง? ให้คอยเตรีนมตัวต้อนรับด้วย ซึ่งคำว่าเสือในที่นี้หมายถึง ?พระองค์เจ้าชายอาภากรฯ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์เป็นโอรสองค์ที่ ๒๘ ยองพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาบที่ ๕ แห่งนครหลวงกรุงเทพธนบุรี ในเจ้าจอมมารดาโหมดต้นตระกูล? ?อาภากร ณ อยุธยา? ได้เสด็จมากับมหาดเล็ก โดยทางเรืออย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะถึงวิดวังตะโกได้แวะที่วัดมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท เพื่อศึกษาวิชากับหลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า (หลวงพ่อศุข) เป็นเวลา ๑๕ วัน จนสำเร็จนี่ก็แสดงให้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของท่านโดยชัดแจ้งแล้วว่า หลวงพ่อเงินท่านสามารถนั่งวิปัสสนาทราบว่าจะมีผู้มาหาและสามารถรู้ด้วยว่าเป็นวันนั้นวันนี้ เมื่อกรมหลวงชุมพรฯ ได้เล่าเรียนวิชาต่าง ๆ จนสำเร็จแล้ว ท่านจึงเสด็จกลับ วันที่กรมหลวงชุมพรฯ เสด็จกลับ หลวงพ่อเงินได้จัดทำพิธีให้พระภิกษุเจริญชัยมงคลคาถา (ชะยันโต) เพื่อเป็นสิริมงคลแก่กรมหลวงชุมพรฯ

ความศักดิ์สิทธิ์ของชานหมากที่วัดท้ายน้ำ

คุณหมอเย็นได้เล่าให้ฟังว่า ? ตามปกติหลวงพี่เงินชอบฉันหมากมาก บรรดาลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดต้องตำหมากกันทุกวัน วันไหนอารมณ์ดี ตอนเย็น ๆ ท่านจะออกมานั่งที่ที่สำหรับรับแขกร้องเรียกเด็กวัดให้มาใกล้ ๆ แล้วหว่านชานหมากที่ท่านฉันนั้นให้เด็ก ๆ บรรดาเด็กเหล่านั้นก็จะเข้าแย่งกัน จนถึงขนาดต่อยกันตกใต้ถุน บางคนก็ตีกัน แต่ก็ปรากฏว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและถ้าใครได้ชานหมากไว้ เท่าที่ได้เห็นกับตา ชานหมากของท่านนั้นเป็นทองแดง ซึ่งอาตมาเคยประสมมาหลายครั้ง
16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-3-18 15:20 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ความศักดิ์สิทธิ์ของต้นโพธิ์หน้าวัดท้ายน้ำ

พูดถึงความศักดิ์สิทธิ์ของต้นโพธิ์  ถึงนะไม่ใช่ต้นโพธิ์ตรัสรู้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งประทับก็ตามเถิด  เพราะความศักดิ์สิทธิ์และมีอภินิหารพอสมควรเท่าที่ได้พบมา  และได้ทราบมาว่าต้นโพธิ์ต้นนี้เกิดก่อนวัดท้ายน้ำเสียอีก  คล้ายกับว่าเป็นของคู่วัดท้ายน้ำมาเลย  ก่อนตั้งวัดท่านผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าลือต่อกันมาว่า  ตอนมาสร้างวัดใหม่ ๆ ก็แลเห็นจ้นโพธิ์ต้นนี้สูงราว  ๆ๕  เมตรมีใบดกเป็นพุ่มสวยงามมาก  บริเวณใต้ต้นโพธิ์ก็สะอาด  ต่อมาการก่อสร้างวัดท้ายน้ำก็คือหน้ามี  กุฏิ  ศาลา  หอสวดมนต์  แพที่อาศัยของสมภาร  (สมัยแรกเรียกอย่างนั้น)  เป็นหลักฐานติดต่อกันมาเป็นลำดับ  และต่อมาอีกครั้งหนึ่งจะเป็นวันเดือนปีอะไรไม่ปรากฏ  วัดท้ายน้ำมีสมภารชื่อหลวงพ่อเขียว  ท่านเป็นผู้เปรื่องปราชญ์ไปด้วยความรู้  และเรืองวิชาทางไสยศาสตร์มาก  ท่านมาอยู่ที่กุฏิเรือนแพ  ใต้ต้นโพธิ์หน้าวัด  และท่านยังริเริ่มเปิดสอนหนังสือไทยให้แก่เด็ก ๆ ที่หาคนสอนหนังสือไม่ได้  ส่วนหลวงพ่อเงินท่านไป ๆ มา ๆ  เพาะเหตุว่าญาติโยมของทานอยู่แถบนี้มาก  เมื่อท่านสร้างวัดวังตะโก  (หรือวัดหิรัญญาราม)  เสร็จแล้ว  ท่านยังไปมาหาสู่ที่วัดท้ายน้ำอยู่เสมอ  เพราะมีความสนิทชิดชอบกับหลวงพ่อเขียว  เจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำ  สมัยที่ท่านมาที่วัดนี้ใหม่ ๆ  ท่านยังอุทานดัง  ๆ  ว่า  “ที่นี่ดีจริง ๆ “  ท่านยังดั้งชื่อว่า  “วัดช่องลม”  (คือวัดท้ายน้ำในปัจจุบัน)  เวลาหลวงพ่อเงินมาพัก  ท่านจะพักที่แพแต่อยู่รูปละห้องกับหลวงพ่อเขียว  บางครั้งผู้ที่เป็นลูกศิษย์เช่าว่า  หลวงพ่อเงินชวนว่าคืนนี้ไปไหว้พระจุฬามณีเจดีย์กันเถิด  แล้วท่านทั้งสองก็ลงมาสู่ต้นโพธิ์นั่งเข้าสมาธิทำวิปัสสนาธุระที่ใต้ต้นโพธิ์นี้  และบางครั้งจะสอนวิปัสสนาแก่บรรดาพระเณร  และประชาชนที่ใต้ต้นโพธิ์ทุกครั้ง  แสดงว่าหลวงพ่อเงินทานโปรดปรานต้นโพธิ์นี้มากและเมื่อตอนที่ท่านอยู่นั้น  ท่านเคยนำของมาฝังไว้ที่ใต้ต้นโพธิ์หลายอย่าง  แต่ไม่ปรากฏที่แน่ชัด  เพราะคนที่ลงมือฝังกับท่านนั้นต้องทำการสาบานเสียก่อนว่า  จะไม่เปิดเผยให้ใครทราบเป็นหูที่สอง  ถ้าบอกกับใครตาจะแตก  หูจะหนวก  ต้องคอยให้ถึงเวลาเสียก่อน  นี่เป็นคำบอกเล่าจากผู้รู้มาจึงกล่าวได้ว่า  ต้นโพธิ์ต้นนี้เป็นของคู่วัดจริง  ฟ  และมีความศักดิ์สิทธิ์มาก  มีครั้งหนึ่งสมัยปี  พ.ศ.  ๒๔๘๑  นี้เอง  ยังมีชาวบ้านที่มีอาชีพขายควาย  ไล่ควายมาพักที่หลังวัดท้ายน้ำ  ตอนเย็นเดินผ่านมาที่หน้าวัดพร้อมกับถืออาวุธปืนมาด้วย  พอดีแลไปเห็นนกยางเกาะอยู่บนต้นโพธิ์  จึงยกปืนแก๊ปเล็งไปที่นก  น้าวไกเสียงดังฉาด ๆ  ถึง  ๓  ครั้งแต่ไม่ดัง  พอบ่ายกระบอกปืนไปทางอื่นก็มีเสียงดัง  แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่  และอีกครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้เอง  ในบริเวณวัดท้ายน้ำมีไก่ที่ชาวบ้านนำมาปล่อยถวายหลวงพ่อเงินเป็นจำนวนมาก  รวมทั้งลูกไก่  นกเหยี่ยว  จึงชอบมาโฉบจิกลูกไก่ไปกินจนเกือบหมด  ชาวบ้านตามแถบนั้นจึงเอาปืนลูกซองมาหวังเพื่อจะยิงเหยี่ยวพอดีนกเหยี่ยวตัวนั้นบินไปเกาะที่ต้นโพธิ์หน้าวัด  ชาวบ้านจึงเล็งปืนไปที่นกดังกล่าว  พอได้จังหวะก็ลั่นไกฉาด ๆ ๆ  แม้จะเปลี่ยนลูกใหม่แล้วปืนก็ยิงไม่ดัง  ทำเอาชาวบ้านกลุ่มนั้นแปลกใจมากเหตุการณ์ต่อมามีเรือหางยาวมาผูกกับรากต้นโพธิ์แล้วลืมแก้โซ่ออก  เวลาติดเครื่องปรากฏว่าจะทำอย่างไรเครื่องก็ไม่ติด  เจ้าของแปลกใจ  จึงปล่อยให้เรือลอยไป  พอพ้นชายต้นโพธิ์ก็ติดอย่างลำบาก
17#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-3-18 15:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
และเคยปรากฏอีกอย่างหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้  ได้มีการปล้นกันขึ้นที่บ้านใต้  (หมายถึงใต้วัด)  พวกปล้นนี้จะมาจากไหนไม่ทราบ  แต่มาทางเรือ  โดยนำเรือมาจอดที่ใต้ต้นโพธิ์  เพราะตอนนั้นมีสะพาน  พวกโจรทั้งหลายก็ขึ้นบันไดที่ใต้ต้นโพธิ์  พอทำการปล้นเสร็จไม่นานพวกโจรทั้งหลายก็ถูกจับ บางคนถึงตายและบางคนที่รอดไปก็อยู่ในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาดพลันที่นาคาที่อยู่นี่แสดงว่าไม่เคารพต้นโพธิ์ที่หลวงพ่อเงินและหลวงพ่อเขียวโปรดปรานมาก  มีบางคนที่ไปดูหมอดูมา  และถูกทำนายว่าเคราะห์ร้าย  ก็มารดน้ำต้นโพธิ์บ้าง  และใช้ไม้ค้ำต้นโพธิ์บ้าง  ดวงชะตาก็ดีขึ้นมีความสุขขึ้น  ตอนพรรษาตอนเช้า ๆ  พระและเณรทุกรูปจะต้องมาทำการคารวะทุก ๆ ปีไป  สามารถเป็นที่พึ่งทางใจของประชาชนได้เป็นอย่างดี  (จากหนังสือของวัดท้ายน้ำเกี่ยวกับ  “ประวัติหลวงพ่อเงินวัดท้ายน้ำ  วัดเก่าหลวงพ่อเงิน  หน้า  ๒๑-๒๒  พิมพ์เมื่อปี  ๒๕๑๕)

หลวงพ่อชอบเลี้ยงสัตว์

จากคำบอกเล่าของญาติโยมอาวุโสที่วัดท้ายน้ำ  และคำบอกเล่าของลุงแปลก  สุขนวล ทำให้ทราบว่า  หลวงพ่อชอบเลี้ยงสัตว์มาก  ตั้งแต่  ช้าง  วัว  ควาย  ม้า  กวาง  ละมั่ง  กระทิง  ชะนี  หมี  ลิงเผือก  กระต่ายป่า  นกเขา  นกกระทา  หลวงพ่อสามรถทำให้สัตว์ป่าเล่านี้เชื่องได้โดยง่าย  คือมีพวกชาวบ้านเกเรได้ลักช้างชื่อนบของท่านไป  ทำให้ท่านโมโหมากถึงกับสาป่งให้ยากจนไปเจ็ด  ชั่วโคตร  ท่านบอกด้วยว่า  ช้างของท่านถูกคนนำไปขายที่บ้านระแหง  นอกจากนี้ที่วัดท้ายน้ำยังมีตะลุงเสาช้างของหลวงพ่อเงินอยู่เป็นหลักฐานอีกด้วย

สิ่งปรากฏในตัวของหลวงพ่อที่วัดท้ายน้ำ

ตามคำบอกเล่าของญาติโยมที่อยู่ใกล้ชิดบอกว่า เวลาหลวงพ่อจะสรงน้ำตอนไหนก็ตามจะมีบรรดาชาวบ้านที่เป็นโรคกลาก เกลื้อน หรือเป็นผื่นคันประเภทต่าง ๆ คอยเฝ้าดู และบางคนจะตักน้ำมาให้ท่านสรง เพื่อจะคอยรองน้ำที่ใต้ถุน ขณะที่หลวงพ่ออาบอยู่ ถ้าใครได้น้ำที่พ่อหลวงพ่อใช้สรงเพียง ๒-๓ ครั้ง ก็ปรากฏว่า เกลื้อนหรือกลากเหล่านั้นจะอันตรธานไปหมดสิ้นแม้แต่เดี่ยวนี้ก็ยังมีผู้ทำกันอยู่ คือที่รูปจำลองของหลวงพ่อเงินที่วัดท้ายน้ำ
เวลานำเอารูปจำลองของหลวงพ่อเงินออกสรงน้ำในยามเทศกาลปรากฏว่าประชาชนยังลงไปรองน้ำที่ใต้ถุนเป็นจำนวนมาก เพราะเคยได้รับคำบอกเล่าจากผู้ใหญ่ถึงเรื่องความศักดิ์สิทธิ์


ที่มา  http://www.wadtrynum.pongcomputer.com
18#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-5 07:45 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้




19#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-5 07:46 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้




20#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-5 07:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้




ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้