ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3569
ตอบกลับ: 2
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

จะขี่คอหนุมานไปสวรรค์ ความศรัทธาของคุณย่าผู้เขียน กับอานุภาพความขลัง พลังยันต์เกราะเพชรหลวงพ่อปาน

[คัดลอกลิงก์]
เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณย่าผู้เขียนเอง ท่านชื่อคุณย่าประจวบ ในสมัยเด็กๆผู้เขียนมักจะได้ยินและรับฟังเรื่องที่คุณย่าเล่าในความศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคอยู่เสมอ คุณย่าเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนหลวงพ่อปานท่านมักจะชอบมาพักที่วัดสระเกศ(ภูเขาทอง) กรุงเทพ พอท่านมา ก็มักจะมีผู้ศรัทธาไปรอกราบและไปทำบุญกับท่าน หนึ่งในนั้นก็คือย่าของผู้เขียนนั่นเอง
คุณย่าบอกว่า ครั้งหนึ่งหลวงพ่อปานท่านได้เมตตาเป่ายันต์เกราะเพชรสงเคราะห์ให้กับคณะศรัทธา และในเวลานั้นคุณย่าก็กำลังตั้งท้องแรกซึ่งก็คือคุณพ่อของผู้เขียน ซึ่งปัจจุบันอายุ 80กว่าปีแล้ว โดยท่านให้คุณย่าจุดธูปแทนเด็กที่อยู่ในท้องด้วยเพื่อรับพระยันต์ ซึ่งตอนที่พ่อของผู้เขียนคลอดออกมา คุณย่าบอกว่าที่หน้าผากมีรอยเส้นลากไปลากมาสีแดงๆ อย่างเห็นได้ชัดติดอยู่ประมาณ 3วัน รอยต่างๆนี้จึงได้หายไป (ว่ากันว่าถ้าได้รับพระยันต์เกราะเพชรขณะตั้งท้อง ยันต์นี้จะส่งต่อไปถึงลูกที่อยู่ในท้องด้วย)
มาในประมาณปี พ.ศ.2542 ซึ่งขณะนั้นคุณย่าประจวบอายุได้ประมาณ 80กว่าปี ได้เดินทางไปโรงพยาบาลศิริราชกับเพื่อนรุ่นน้อง ซึ่งผู้เขียนมักจะเรียกแกว่ายายวุ้น ยายวุ้นนี้มีวัยอ่อนกว่าคุณย่าผู้เขียนหลายปี แต่ท่านทั้งสองสนิทกันมักจะไปไหนต่อไหนด้วยกันเสมอๆ วันที่เกิดเหตุยายวุ้นก็ชวนคุณย่าผู้เขียนไปโรงพยาบาล เพื่อไปตรวจร่างกายและไปนั่งเป็นเพื่อน ต้องบอกว่าตั้งแต่จำความได้ คุณย่าของผู้เขียนไม่เคยต้องล้มหมอน นอนเสื่อหรือเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลแต่อย่างใดเลย และวันนั้นหลังจากที่ทั้งสองท่านหาหมอเสร็จก็ได้เดินออกมาจากหน้าโรงพยาบาล เพื่อจะข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม เพื่อหารถกลับบ้านที่ซอยวัดดาวดึงเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ในขณะที่คนแก่ทั้งสองคนกำลังข้ามถนน รถมอเตอร์ไซต์ที่ขับขี่ลงสะพานอรุณอัมรินทร์มาด้วยความเร็วก็ได้พุ่งเข้าชนท่านทั้งสองเข้าอย่างจัง
คุณย่าของผู้เขียนโดนชนเข้าเต็มเหนี่ยวเพราะอยู่ฝั่งรถพุ่งเข้าชน ผลปรากฎ ยายวุ้นแขนหัก ผู้ขับขี่ จยย.ขาหัก ส่วนคุณย่าผู้เขียนไม่มีส่วนใดหักบุบสลาย แต่ก็ได้เข้าพักรักษาตัวนอนโรงพยาบาลเพื่อเช็คสมอง เนื่องจากตอนที่ชนคุณย่าได้ล้มและหัวฟาดพื้นไป แม้จะขาไม่หักระดูกไม่แตก แต่คุณย่าก็มีลักษณะดั่งคนเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ ต้องกายภาพอยู่เกือบปี จึงกลับมาเดินเหิรได้อีกครั้ง ตอนที่เกิดเหตุนั้นคุณย่าบอกผู้เขียนว่า ในใจนึกถึงแต่หลวงพ่อปานท่านให้ช่วย
ในบั้นปลายชีวิตคุณย่าของผู้เขียน ป่วยด้วยโรคชราและทุกครั้งที่เจอหน้า จะบอกผู้เขียนเสมอว่าให้ไปหาพระหลวงพ่อปานพิมพ์ขี่หนุมานมาให้ท่านคล้องคอหน่อย ผู้เขียนมักจะถามว่าย่าจะเอาไปทำอะไร ท่านก็จะตอบแบบเดิมทุกครั้งว่าเวลาย่าตายจะได้ขี่คอหนุมานไปสวรรค์ ซึ่งคุณย่าผู้เขียนเองพระเครื่องหลวงพ่อปานมีทั้งพิมพ์ขี่ไก่และขี่ครุฑ โดยที่หลวงพ่อปานมอบไว้ให้ 3องค์ โดยท่านบอกว่าให้เก็บไว้ให้ลูกผู้ชาย 3คน แต่ในขณะนั้นที่คุณย่าพบหลวงพ่อปาน ท่านกำลังตั้งท้องแรกก็คือพ่อผู้เขียนซึงเป็นพี่คนโต และในบรรดาพี่น้องอีก 5คนต่อมา ก็เป็นชาย3 หญิง2 คน ซึ่งหลวงพ่อปานท่านรู้ล่วงหน้าได้อย่างไร นับว่าอัศจรรย์ยิ่งนัก (ปัจจุบันพระ3องค์นี้ได้เปลี่ยนมือและหายไปจากการครองครองของตระกูลผู้เขียนไปหมดแล้ว)
ด้วยความที่ผู้เขียนขณะนั้นยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ไม่ได้มีรายได้อะไรมากมายนัก จึงได้เพียงแต่หาพระพิมพ์ขี่หนุมานที่หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย จ.อยุธยาปลุกเสก ใส่กรอบพร้อมสร้อยไปมอบให้คุณย่า ซึ่งเมื่อคุณย่าได้รับท่านก็ดีใจและใส่สวมคอตลอดมา จำได้ว่าท่านห้อยอยู่ได้ไม่ถึงปี คุณย่าก็ได้เสียชีวิตลงด้วยอาการสงบ ภายหลังผู้เขียนได้ไปพบพระอยู่รูปหนึ่งและได้สนทนากัน จนไปเล่าถึงเรื่องคุณย่ากับหลวงพ่อปานให้ท่านฟัง ท่านก็ตอบกลับมาว่าคุณย่าของผู้เขียนตายแล้วไปสบาย เพราะมีลิงสีขาวตัวหนึ่งมาจูงคุณย่าผู้เขียนขึ้นไปบนสวรรค์ ผู้เขียนได้ฟังก็อึ้ง เพราะคุณย่าจะพูดเสมอว่าถ้าท่านตาย ท่านจะขี่คอหนุมานไปสวรรค์...
ขอขอบคุณย่าประจวบ คุณยายวุ้น ขอให้ดวงวิญญาณท่านทั้งสองอยู่ในภพภูมิที่สงบ
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอเน็ท
สะท้านไตรภพ เขียน
#เพจคุ้มเทวา


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้