ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3086
ตอบกลับ: 2
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

หลวงพ่อพระศรีอาริย์ วัดมฤคทายวัน (ดงแขม)

[คัดลอกลิงก์]

หลวงพ่อพระศรีอาริย์  วัดมฤคทายวัน (ดงแขม)
ตำบลสระใคร อำเภอสระใคร จังหวัดหนองคาย

เล่าขานตำนาน "หลวงพ่อพระศรีอาริย์"
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกโจรกรรมถึง ๓ ครั้ง ในรอบ ๘๐ ปีเศษ

ได้มีเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นในแผ่นดินที่มีพุทธศาสนาดำรงอยู่  คนร้ายกลุ่มหนึ่งเข้าโจรกรรมหลวงพ่อพระศรีอาริย์  พระพุทธรูปโบราณเก่าแก่ล้ำค่า ไปจากวัดดงพระ (หรือวัดมฤคทานวัน) นับรวม ๓ ครั้ง ในรอบ ๘๐ ปีเศษ  แต่ด้วยอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ อำนาจพิเศษเหนือสามัญวิสัย ทำให้โจรใจบาปกระทำการไม่ประสบผลสำเร็จ ต้องอัญเชิญ "หลวงพ่อพระศรีอาริย์" กลับมาประดิษฐานไว้ที่วัดดงพระ หรือวัดมฤคทายวัน ดังเดิมตราบจนปัจจุบันนี้ ...ผู้โพสต์   

วัดมฤคทายวัน เป็นวัดในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย  ตั้งอยู่เลขที่ ๓๕ บ้านน้ำสวย ถนนมิตรภาพหนองคาย - อุดรธานี หมู่ ๙ ตำบลสระใคร อำเภอสระใคร จังหวัดหนองคาย  ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ประมาณ ๖๒๕ ไร่   เป็นวัดเก่าแก่โบราณ สร้างเมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๘  เดิมชื่อ "วัดดงแขม" ประชาชนนิยมเรียกว่า “ดงพระ”  ต่อมา พ.ศ.๒๔๙๔ ทางคณะสงฆ์ นำโดยพระพิมลธรรม ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดมฤคทายวัน   ปัจจุบัน พระครูอภัยธรรมรักขิต (เชิดศักดิ์ โชติปาโล) เป็นเจ้าอาวาส และที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดหนองคาย
...วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


ประวัติหลวงพ่อพระศรีอาริย์
โดย นายคมกฤช  ผาผง และ นางสาวเนติมา ฉัตรวาทิน
หลวงพ่อพระศรีอาริย์ เป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก สมัยลพบุรี แกะสลักด้วยหินทรายดำ มีหน้าตักขนาดประมาณ ๑๔ นิ้ว มีความสูงประมาณ ๕๐ เซนติเมตร อาจสร้างขึ้นมีอายุใกล้เคียงกันกับการสร้างปราสาทหินพิมาย อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา และปราสาทหินพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ในสมัยขอม เพราะเป็นหินทรายในลักษณะเดียวกันโดยไม่ผิดแม้แต่น้อย

เมื่อประมาณ ๖๐๐ ปีที่ผ่านมา บริเวณวัดมฤคทายวัน (ดงแขม) เป็นป่าต้นแขมขึ้นหนาทึบ มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นหนาแน่น ทั้งสัตว์ป่านานาชนิดอยู่มากมาย ชาวบ้านเรียกบริเวณป่านี้ว่า “ดงแขม” ในกาลสมัยนั้น ได้มีทหารและชาวบ้าน นำเอาพระพุทธรูปขึ้นบรรทุกเกวียนหลายเล่มเกวียน เดินทางมาจากลพบุรี มุ่งหน้าไปเมืองหนองคาย เพื่อนำลงเรือล่องตามลำแม่น้ำโขง ไปถวายวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ครั้นเดินทางมาถึงป่าดงแขม เกวียนที่บรรทุกองค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์มา เกิดหักเดินทางต่อไปไม่ได้ ทหารจึงเอาองค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์ประดิษฐาน ไว้ ณ บริเวณนั้น และมอบหมายให้ชาวบ้านน้ำสวยดูแลรักษาไว้นับแต่นั้นมา ชาวบ้านจึงเรียกบริเวณนี้ว่า “ดงพระ” ดงพระก็กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีชาวบ้านที่เป็นนายพรานเข้ามาล่าสัตว์ยิงสัตว์ป่า ถ้าสัตว์ป่าเหล่านี้ หนีเข้ามาอาศัยอยู่ในดงพระนี้แล้วเขาจะไม่ตามเข้าไป เพราะเข้ามาแล้วจะหาสัตว์เหล่านั้นไม่เห็น หรือถ้าจะเห็นก็ยิงไม่ถูก บางรายยิงเกิดปืนแตกใส่ตนเอง บางครั้งปืนกลับยิงไปถูกพวกกันเองถึงแก่ชีวิตก็มี บางรายจับไข้หัวโกร๋นหรือเป็นบ้าไปก็มี ต้องจัดดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมาองค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์จึงจะหาย  ชาวบ้านจึงถือกันว่าบรรดาสัตว์เหล่านั้นอยู่ในความเมตตาคุ้มครองรักษาขององค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์ ดังนั้น ในสมัยนั้นดงพระจึงมีป่าไม้หนาแน่น ไม่มีคนเข้าไปตัดไม้ทำลายป่า

บริเวณที่ดินของวัดป่าดงแขมดงพระนี้มีประมาณ ๕๐๐ ไร่ ด้านละ ๑ กิโลเมตรทั้ง ๔ ทิศ โดยเอาอุโบสถหลวงพ่อพระศรีอาริย์เป็นศูนย์กลาง ในสมัยนั้นถ้าผู้ใดกล้ำ (บุกรุก ล่วงล้ำเข้าไปในบริเวณที่หวงห้ามเพื่อยึดครองโดยบังอาจ หรือโดยพลการ...ผู้โพสต์) เอาที่ดินของวัดป่าดงแขมแล้ว จะมีอันเป็นไปต่างๆ นานา บางคนถึงกับตาบอด จึงทำให้ที่ดินได้เหลืออยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้   วัดดงแขมมีทางเข้าถึงวัด ๓ ทางคือ ทางด้านบ้านโพนสวรรค์ ทางด้านบ้านหนองบัวเงิน และทางด้านถนนมิตรภาพ  หลวงพ่อชาลี จิตตคุตโต วัดศรีบัวบาน บ้านบุกหวาน ตำบลค่ายบกหวาน ท่านได้นำพระสงฆ์สามเณรพร้อมด้วยชาวบ้าน มาทำความสะอาดรอบๆ บริเวณอุโบสถหลวงพ่อพระศรีอาริย์  พอเป็นทางแห่ดอกไม้ธูปเทียน เวียนรอบอุโบสถได้เท่านั้น และประกอบพิธีถวายเครื่องสักการะบูชากราบไหว้ ปิดทอง สรงน้ำหลวงพ่อพระศรีอาริย์ ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ ของทุกๆ ปี มาแล้วหลายชั่วอายุคน

ครั้นต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ท่านพระอาจารย์หนูจันทร์ อาทิจโจ ท่านเกิดอยู่บ้านโพนสวรรค์ ท่านไปบวชเป็นพระอยู่จังหวัดนครราชสีมา ได้ประมาณ ๑๐ พรรษา ถือธุดงค์เข้ามาอยู่จำพรรษาวัดป่าดงแขม จนกระทั่งมีโยมจากอุดรธานี หนองคาย มีความศรัทธาได้สร้างกุฏิถวายท่าน เป็นจำนวนหลายหลัง มีพระภิกษุสามเณรอยู่จำพรรษาถึง ๒๐-๓๐ รูป มีแม่ชีกว่า ๑๐ รูป จึงถือได้ว่า ท่านพระอาจารย์หนูจันทร์ อาทิจโจ เป็นพระผู้บุกเบิกวัดป่าดงแขมเป็นรูปแรก

เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ท่านพระเดชพระคุณเจ้าคุณพระพิมลธรรม เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองในสมัยนั้น ได้นำใบตราตั้งเจ้าคณะจังหวัดหนองคาย มามอบให้พระมหานวม เขมจารี ป.ธ.๖ มามอบให้เป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาจารย์ ประจำจังหวัดหนองคาย ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา




2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-12-25 18:19 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขอกล่าวย้อนหลังถึงประวัติหลวงพ่อพระศรีอาริย์ ที่ถูกขโมยไปถึง ๓ ครั้ง
ในครั้งที่ ๑ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ ถูกขโมยเอาหลวงพ่อพระศรีอาริย์ ไปจมน้ำไว้ในหนองน้ำแห่งหนึ่งในเมืองอุดรธานีข้างวัดโพธิสมพร เพื่อรอโอกาสเคลื่อนย้ายไปขายต่อ ในช่วงนั้นเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายวัน จนเกิดน้ำท่วมเมืองอุดรธานีในเดือนเมษายน ซึ่งมิใช่ฤดูกาลที่น้ำจะท่วม จึงมีคนหาหมอทรงดู ปรากฏว่าหมอทรงทายทักว่า มีขโมยนำเอาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มาจมน้ำไว้ในสระใหญ่ในเมืองอุดรธานี จึงได้ให้คนลงค้นหาดูในสระที่ใหญ่ๆ หลายแห่งในบริเวณนั้น ปรากฏว่า ได้ค้นพบองค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์อยู่ในสระน้ำใหญ่แห่งนั้น จึงได้ทราบว่าเป็นพระพุทธรูปที่หายไปจากวัดดงแขม อำเภอเมืองหนองคาย จึงได้อัญเชิญกลับมาประดิษฐานที่วัดดงแขมอย่างเดิม

ในครั้งที่ ๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗ เดือนมิถุนายน เวลาประมาณ ๐๔.๐๐ น.เศษ องค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์ได้ถูกขโมยไป และในเวลาเช้าของวันเดียวกันนั้น เวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น.เศษ เจ้าของที่นา ที่ติดอยู่กับถนนสายที่จะไปอำเภอบ้านผือได้ไถนาอยู่บริเวณนั้น เกิดปวดท้องถ่ายขึ้นจึงเข้าไปในป่าละเมาะปลายนา เมื่อถ่ายเสร็จแล้ว สังเกตเห็นรอยขุดหลุมฝังสิ่งใดสิ่งหนึ่งยังใหม่ๆ อยู่และมีคราบเลือดติดอยู่ที่บริเวณนั้นด้วย คงมีคนถูกฆ่าตายแล้วเอาศพมาฝังไว้ที่นาของตนก็เกิดความกลัวว่าจะมีความผิดไปด้วย จึงรีบไปแจ้งความกับผู้ใหญ่บ้านของตนทราบ และแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอุดรธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งแล้วได้รีบรุดไปตรวจดูสถานที่เกิดเหตุทันที เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงมือขุดจึงรู้ว่าเป็นองค์พระพุทธรูป จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองอุดรธานี ในวันต่อมาจึงทราบว่าเป็นพระพุทธรูปของวัดดงแขมคือหลวงพ่อพระศรีอาริย์ที่หายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรอำเภอเมืองหนองคาย พร้อมด้วยกำนันผู้ใหญ่บ้านในเขตตำบลสระใครและชาวบ้าน ได้อัญเชิญกลับมา และเพื่อความปลอดภัยจึงได้อาราธนาองค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์ประดิษฐานจำพรรษาที่สถานีตำรวจภูธร อำเภอเมืองหนองคายจนครบไตรมาส ๓ เดือน เมื่อออกพรรษาแล้วจึงได้อัญเชิญกลับมาประดิษฐานที่อุโบสถวัดดงแขมอย่างเดิม

ในครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๒ เวลาประมาณ ๐๒.๐๐ น.เศษ หลวงพ่อพระศรีอาริย์ได้ถูกขโมยไปอีก โดยใช้เครื่องมือตัดกุญแจประตูหน้าพระอุโบสถ และตัดกุญแจประตูเหล็กชั้น ๒ แล้วตัดกุญแจชั้นที่ ๓ หน้าอุโมงค์อันเป็นที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์ ทางวัดมฤคทายวัน (ดงแขม) จึงได้ไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรอำเภอเมืองหนองคาย เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยเฉพาะกิจโดยการนำของ ร.ต.อ.วิทยา สมรไกรสรกิจ ได้ติดตามสืบหาจนกระทั่งสืบรู้แน่ชัดแล้วว่าร้านรับซื้อวัตถุโบราณส่งออกไปขายต่างประเทศ ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ร้านนี้รับซื้อไว้จึงได้วางแผนและทำการจับกุมจนสำเร็จ นำตัวผู้ต้องหารับซื้อของโจรไปฝากขังที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองหนองคาย องค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์ถูกขโมยไปครั้งนี้เป็นเวลานานถึง ๒๐ วัน จึงติดตามคืนมาได้ เพราะด้วย “บุญบารมีธรรมและความศักดิ์สิทธิ์ขององค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์” จึงได้มีเทวาอารักษ์ให้ความคุ้มครองปกป้องรักษามาโดยตลอด  ดังนั้น พระเดชพระคุณท่านหลวงพ่อพระครูอภัยธรรมรักขิต (หลวงพ่อเชิดศักดิ์ โชติปาโล) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดหนองคาย จึงได้ดำเนินการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้นแทนหลังเก่าซึ่งชำรุดทรุดโทรม ให้มีความมั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้นดังที่ได้เห็นอยู่ปัจจุบันนี้ อีกทั้งได้สร้างศาลาการเปรียญฯ ศาลาวิหารฯ ศาลาพิพิธภัณฑ์ฯ ตลอดจนกุฏิวิปัสสนากรรมฐานฯ และอื่นๆ อีกซึ่งกำลังดำเนินการก่อสร้างให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป

ตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบต่อกันมา วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ ของทุกๆ ปี ชาวพี่น้องในท้องถิ่นและชาวหนองคาย ชาวอุดรธานี ตลอดจนที่อยู่ต่างจังหวัดที่ทราบและรู้ข่าว ต่างก็มานมัสการคารวะกราบไหว้ สรงน้ำ ปิดทององค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์ สมาทานรักษาศีล ฟังธรรม และบริจาคทาน เพิ่มบุญเพิ่มกุศลแก่ตน เพื่อความเจริญรุ่งเรือง ความรุ่งโรจน์ ความปลอดภัย ความร่มเย็นเป็นสุขในชีวิตของตนและครอบครัวให้ยิ่งๆ ขึ้นไป สาธุ สาธุ สาธุ.










มณฑปที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระศรีอาริย์  ล้อมด้วยลูกกรงเหล็ก ใส่กุญแจ อย่างแน่นหนาแข็งแรง


พวงมาลัยของผู้มากราบสักการะองค์หลวงพ่อ แขวนไว้รายรอบลูกกรงเหล็ก



[



ขอขอบคุณ มิตรรุ่นพี่ชาวจังหวัดอุดรธานีอนุเคราะห์เอกสาร "ประวัติหลวงพ่อพระศรีอาริย์"
อันเป็นประโยชน์ต่อการเผยแพร่ประวัติแห่งองค์หลวงพ่อ และเป็นผู้ที่ได้กรุณาเล่าประวัติหลวงพ่อพระศรีอาริย์นอกเหนือจากที่กล่าวไว้ข้างต้น ที่มีผู้รับทราบไม่มากนักและยังไม่มีผู้ใด
นำเรื่องดังกล่าวออกเผยแพร่สู่สาธารณชน (ท่านได้รับฟังจากคุณพ่อของท่านซึ่งเสียชีวิตไปนานแล้ว และเป็นผู้สนิทคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับอดีตหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดดงแขม)
อาทิ หลวงพ่อถูกโจรกรรมในครั้งที่ ๓ มีการขนย้ายหลวงพ่อพระศรีอาริย์ขึ้นเครื่องบิน เตรียมนำไปขายยังต่างประเทศ แต่เกิดเหตุการณ์ประหลาด "เครื่องบินสตาร์ทไม่ติด"
ไม่สามารถนำเครื่องขึ้นบินได้ ต้องถ่ายเทผู้โดยสารและสัมภาระต่างๆ จึงพบองค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์อยู่ในเครื่องบินลำนั้น อันเป็นมูลเหตุให้ได้รับทราบและสืบเสาะจนได้ตัวผู้ร้าย ฯลฯ


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้