ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2270
ตอบกลับ: 3
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ตำนานรักโลงคู่แห่งวัดหัวลำโพง

[คัดลอกลิงก์]
ตำนานรักโลงคู่ ” แห่ง วัดหัวลำโพง (ที่น้อยคนเท่านั้นจะรู้) !!


หลายๆท่านอาจจะได้มีโอกาสแวะเวียนไปทำบุญ ที่วัดหัวลำโพง เป็น วัดที่มีชื่อเสียงในย่านนั้น แต่น้อยคนเท่านั้นที่จะรู้ว่า มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ โศกนาฏกรรมรักของคู่รักคู่หนึ่ง ที่โชคชะตากำหนดให้เกิดมาอยู่ในเพศเดียวกัน และก็เลือนหายไปจากความทรงจำของประเทศไทย วันนี้เราจะพาท่านมารู้เรื่องราวของ ตำนานรักโลงคู่ แห่ง วัดหัวลำโพง
ย้อนไปเมื่อวันที่ ๑๗พฤษภาคม ๒๕๑๐หนังสือพิมพ์สื่อใหญ่ได้พาดหัวข่าว โศกนาฏกรรมรักของคู่รักคู่หนึ่ง ที่โชคชะตากำหนดให้เกิดมาอยู่ในเพศเดียวกัน เพียงชั่วข้ามคืนเหตุการณ์นี้ได้เลือนหายไปความทรงจำของคนไทย ก่อนที่ถูกนำกลับมาย้ำเตือนอีกครั้งในอีก๒๒ปีต่อมา ในรูปแบบของบทเพลง
ในบทเพลง “สีดา” ได้กล่าวถึงความรักที่มีต่อกันอย่างลึกซึ้งระหว่างชาย ๒คน แต่สุดท้ายกลับต้องจบลงด้วยการกระทำอัตวินิตบาตกรรมของคนทั้งคู่ เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความซาบซึ้ง และทำให้ “แจ้ – ดนุพล แก้วกาญจน์” ตัดสินใจหยิบยกเรื่องราวนี้มอบให้ ครูน้อย สุรพล โทณะวณิก ช่วยถ่ายทอดเป็นบทเพลงในปี ๒๕๓๒
“สีดา” เป็นเรื่องราวจากชีวิตจริงเมื่อ ปี ๒๕๑๐ ของสาวประเภทสองที่ชื่อ ประโนตย์ วิเศษแพทย์ แต่บางส่วนของเรื่องราวที่ผู้แต่งจำเป็นต้องดัดแปลงไป ทำให้มีบางเสี้ยวของเหตุการณ์ต่างไปจากความเป็นจริง “สีดา” ในบทเพลง หมายถึง นางเอกนาฏศิลป์โขนของกรมศิลปากรเมื่อเกือบ ๔๐ ปีก่อน หากแต่ชีวิตจริงเขาชื่อ “ประโนตย์ วิเศษแพทย์” สิ่งที่ทำให้ประโนตย์โดดเด่นมากที่สุดในยุคนั้นก็คือความสวย ซึ่ง สุทิน ทับทิมทอง รุ่นพี่ที่สนิทสนมกับประโนตย์ เล่าว่า ปัจจุบันความสวยของสาวประเภทสองเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป แต่สำหรับเมื่อก่อน ประโนตย์สวยเกินกว่าผู้หญิงบางคน และไม่มีสาวประเภท ๒คนใดเทียบได้
ปัจจุบันมีหลักฐานและภาพถ่ายของประโนตย์เหลืออยู่ไม่มากนัก ประโนตย์ เธอเกิดเมื่อปี ๒๔๘๑ เป็นบุตรของนายยงค์ และหม่อมหลวงหญิง บุญนาค วิเศษแพทย์ ซึ่งเป็นครอบครัวมีฐานะดี ประโนตย์มีพี่น้องทั้งหมด ๕คน และด้วยความที่เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของบ้าน จึงเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ ประโนตย์เติบโตขึ้นท่ามกลางการถูกรุมล้อมด้วยพี่น้องที่เป็นผู้หญิงทั้งสี่ และค่อย ๆ ซึบซับความอ่อนหวานเรียบร้อยแบบผู้หญิงของคนรอบข้างไว้อย่างไม่รู้ตัว









2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-10-7 18:48 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลังเรียนจบระดับประถมที่โรงเรียนใกล้บ้าน ย่านซอยสวนพลู ประมาณปี ๒๔๙๒ ด้วยความสนใจในการแสดงตั้งแต่เยาว์วัย และการสนับสนุนของผู้เป็นแม่ ประโนตย์จึงตัดสินใจสอบเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนนาฏศิลป์ โรงเรียนนาฏศิลป กรมศิลปากร หรือ วิทยาลัยนาฏศิลปในปัจจุบัน นอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นซึ่งต่อมาทำให้ประโนตย์เป็นที่รู้จักในชื่อของ “สีดา” แล้ว ที่นี่ยังเปิดโอกาสให้เขาสามารถแสดงบุคลิกที่เบี่ยงเบนไปจากเพศที่แท้จริงของตนเองได้อย่างอิสระเสรี
การสวมบทบาทสตรีเพศ และ ความอ่อนหวานงดงามของศิลปะ เป็นส่วนส่งเสริมให้ร่างกายและจิตใจของประโนตย์ เปลี่ยนแปลงมาเป็นผู้หญิงอย่างเต็มตัว สามารถแต่งตัวเป็นผู้หญิงได้ตามอย่างที่ใจปรารถนา เพราะขณะนั้นสภาพสังคมไทยยังไม่ยอมรับพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ ประโนตย์ในวัย ๑๔ ปี จึงมักลักลอบหนีออกไปแสดงโขนกับบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางโรงเรียนนาฏศิลป์ขณะนั้นไม่อนุญาตอย่างเด็ดขาด รวมทั้งเริ่มคบหากับเพื่อนต่างโรงเรียนที่มีลักษณะเดียวกัน และทำให้ชีวิตในโรงเรียนนาฏศิลป์ของประโนตย์สิ้นสุดลงในเวลาเพียง ๓ปี
ความงามของ ปราโนตย์ วิเศษแพทย์ นี้เป็นที่โด่งดังมากในหมู่กะเทยในยุคนั้น หลังออกจากการเป็นนักเรียนของวิทยาลัยนาฏศิลป์ เธอเริ่มเดินสายประกวดนับครั้งไม่ถ้วน ลงเวทีไหนเป็นต้องชนะเวทีนั้น เรียกว่าสวยไร้คู่แข่ง จนบรรดากะเทยร่วมรุ่นถึงกับข่มขู่เวทีประกวดสาวงามประเภทสอง ในยุคนั้นว่า “ถ้าเวทีไหนมีปราโนตย์ นางโนตย์ อีโนตย์ (แล้วแต่จะเรียก) เข้าประกวด คนอื่นจะไม่ยอมลงประกวดด้วย” ในแวดวงสาวงามประเภทสอง มีการตั้งฉายาให้ ปราโนตย์ วิเศษแพทย์ ว่า “นางงาม ๕๐มงกุฎ” การสวยแบบไร้คู่แข่ง
ปราโนตได้พบรักกับชายหนุ่มชื่อ สมบูรณ์ ทั้งคู่คบหาและอยู่กินกันนานถึง ๘ปีเต็ม สุดท้ายก็เลิกรากันไปและนายสมบูรณ์ก็หันไปคบกับผู้หญิงอื่น จนผ่านไปสองสามปี ปราโนตก็ได้มาเจอกับ สมชาย แก้วจินดา หรือ ชีพ มีอาชีพขับรถรับจ้าง รูปหล่อ สุภาพ เรียบร้อย พูดจาดี ทั้งคู่ตกลงปลงใจและย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านพักย่านซอยสวนพลู แต่แล้วปัญหาเดิมก็กลับมาทำร้ายคนทั้งคู่ นั่นคือความหวาดระแวง หึงหวง ครั้งหนึ่งทั้งคู่ได้ไปสาบานต่อกันที่วัดพระแก้วและศาลหลักเมืองว่า “ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ต่อกันก็ขอให้ตายด้วยกัน ถ้าสีดาตายก่อน ชีพจะต้องตายตามไป แต่ถ้าชีพตายก่อน สีดาก็จะต้องตายตามไป”



3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-10-7 18:49 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลังจากนั้นทั้งคู่ได้ทะเลาะกันอีกหลายครั้ง สุดท้ายจึงตัดสินใจแยกกันอยู่ ปราโนตคิดตลอดเวลาว่า เธอไม่ใช่หญิงแท้ เธอจึงระแคะระคายว่าชีพจะมีผู้หญิงอื่นมาติดพัน จนเป็นสาเหตุให้ทั้งคู่กลับมาทะเลาะกันอีกครั้ง เรื่องนี้เป็นสาเหตุที่ตอกย้ำความเชื่อของเธอจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ปราโนตได้ตัดสินใจดื่มยาพิษฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง แต่ก็มีคนช่วยชีวิตไว้ได้ทัน และในการดื่มยาพิษครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ ๒พฤษภาคม ๒๕๑๐ ลมหายใจสุดท้ายของปราโนตก็หมดสิ้นลงอย่างโดดเดี่ยวในบ้านพักของเธอ เมื่อ ชีพ ทราบข่าวก็ได้แต่พร่ำพูดแต่ประโยคที่ว่า “ผมจะตามพี่ไป พี่รอผมด้วย” พลางร้องไห้กอดศพของปราโนตแน่น เย็นวันเดียวกันนั้นเอง ชีพได้บวชอุทิศส่วนกุศลให้กับปราโนต
หลังจากสวดศพครบ๓ คืน เณรชีพตัดสินใจสึก จากนั้นได้นำสมบัติที่ซื้อร่วมกันไปจำนำ และนำเงินที่ได้ไปให้แก่คนในบ้าน และได้เขียนจดหมายสั่งเสียว่า “ขอให้นำเงินจำนวนดังกล่าวนี้เพื่อทำศพของเขา ขอให้พี่ๆ ช่วยเป็นภาระในการเลี้ยงดูแม่ ส่วนศพของเขาให้เอาไว้ที่วัดหัวลำโพงคู่กับศพของโนต” ต่อมา ชีพ ก็กินยาฆ่าแมลงและเสียชีวิตเมื่อตอนเที่ยงวันที่ ๑๕พฤษภาคม ๒๕๑๐ (เดือน – ปีเดียวกัน)
วัดหัวลำโพง คือสถานที่บำเพ็ญกุศลให้กับดวงวิญญาณที่จากไปของประโนตย์ แต่หลังจากที่งานศพเสร็จสิ้นลงเพียงไม่กี่วัน อีกหนึ่งชีวิตที่ผูกพันธ์ก็ติดตามไป เหมือนดั่งคำสาบานที่ได้ให้ไว้ต่อกัน ภาพของร่างไร้วิญญาณในโลงศพที่ตั้งเคียงคู่กัน ณ วัดหัวลำโพง เพื่อรอการฌาปนกิจ ได้สร้างความโศกสลดให้กับคนทั่วไป และยุติความแคลงใจของคนรอบข้างที่มีต่อความรักของทั้งสองได้อย่างสิ้นเชิง
หากยังมีขีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้ปี ๒๕๖๐ประโนตย์จะมีอายุ ๗๙ ปี ความงดงามของนางสีดาที่สามารถครอบครองหัวใจใครต่อใครในโลกละคร แต่ความสวยของประโนตย์ กลับไม่สามารถฉุดรั้งคนที่เธอรักมากที่สุด
ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้
: UP Yim : แอพเกจิ – AppGeji

เรียบเรียงโดย
ศักดิ์ศรี บุญรังศรี : สำนักข่าวทีนิวส์



ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้