ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 6888
ตอบกลับ: 12
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ข้าวสารดำ มรดกขลัง ของพระนางสิงขรเทวี

[คัดลอกลิงก์]
ข้าวสารดำ


เป็นวัตถุโบราณของ เมืองราด ซึ่งเป็นเมืองสำคัญมีชื่อในประวัติศาสตร์ของชาติไทยสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ประวัติศาสตร์กล่าวถึง พ่อขุนผาเมืองเจ้าเมืองราด และ พ่อขุนบางกลางท่าว เจ้าเมืองบางยาง ร่วมพลังกันขับไล่ขอม ซึ่งเป็นใหญ่อยู่ในดินแดนแถบเหนือของสยามประเทศออกจากดินแดนสุโขทัย และสถาปนากรุงสุโขทัยขึ้นเป็นราชธานี

เมืองราด ของพ่อขุนผาเมือง ปัจจุบันคือ ตำบลบ้านหวาย อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
(หรือเดิมคือบ้านห้วยโป่ง ตำบลบ้านโสก) ส่วนเมืองบางยางของพ่อขุนบางกลางท่าวนั้น นักประวัติศาสตร์กล่าวว่า ตั้งอยู่ ณ บริเวณที่เป็นอำเภอนครไทยในปัจจุบัน พ่อขุนผาเมืองและพ่อขุนบางกลางท่าว เป็นทั้งญาติและสหายกัน ทั้งสองพระองค์มีความเก่งกล้าสามารถ มีไพร่พลจำนวนมากเป็นกองทัพที่เข้มแข็ง และต่างทรงมุ่งมั่นที่จะต่อต้านอำนาจปกครองของขอมเช่นเดียวกัน เมื่อทั้งสองพระองค์ทำสงครามรบพุ่งขับไล่ขอมสบาดโขลญลำพงออกจากดินแดนสุโขทัยได้แล้ว ได้ร่วมกันสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชอาณาจักร และพ่อขุนผาเมืองทรงสนับสนุนให้พ่อขุนบางกลางท่าว ขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกรุงสุโขทัย ทรงพระนาม พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ และทรงยกพระขนิษฐาคือนางเสืองให้เป็นมเหสีของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ส่วนพ่อขุนผาเมืองเสด็จกลับไปครองเมืองราดตามเดิม ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นกล่าวว่า เหตุที่พ่อขุนผาเมืองไม่สถาปนาพระองค์เองขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ของสุโขทัย เนื่องจากพระองค์มีพระมเหสีเป็นธิดาของกษัตริย์ขอม คือ พระนางสิงขรมหาเทวี พระธิดาของพระเจ้า ชัยวรมันที่ ๗ พระองค์ประสงค์จะให้ราชอาณาจักรสุโขทัยสืบเชื้อสายเลือดไทยแท้จริง

สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่คนทั่วไปสนใจอีกอย่าง ก็คือ ข้าวสารดำ  ถือกันว่าเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์  ถูกพบที่พื้นดินใกล้เจดีย์พระนางสิงขรมหาเทวี บริเวณวัดโพนชัยหมู่ที่ ๑ บ้านห้วยโป่ง ตำบลบ้านหวาย อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์   ข้าวสารดำนี้กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดอยู่ในพื้นดิน เมื่อฝนตกหนักชะล้างผิวหน้าดินออก ข้าวสารดำก็จะโผล่ขึ้นมา ลักษณะคล้ายกับ
เมล็ดข้าวสารแต่มีสีดำ ถ้าใช้มือบีบแรงๆก็จะแตกออกเป็นผงสีดำคล้ายผงถ่าน
ตามหลักวิชาทางธรณีวิทยากล่าวว่า ข้าวสารดำเป็นฟอสซิลชนิดหนึ่ง มีอายุราวสองร้อยล้านปีขึ้นไป มักจะอยู่ในหินปูน เป็นของหายาก ซึ่งโดยทั่วไปฟอสซิลจะต้องมีลักษณะแข็ง ส่วนข้าวสารดำนี้ใช้มือบีบก็จะแหลกเป็นผง
ความสำคัญของข้าวสารดำนี้ มีตำนานเล่าต่อๆกันมาเป็น ๒ นัย

นัยแรก กล่าวว่า ข้าวสารดำนี้เป็นข้าวสารในท้องพระคลังของเมืองราดเก็บไว้บริโภค เมื่อพระนางสิงขรมหาเทวี ซึ่งเป็นธิดากษัตริย์ขอม และเป็นมเหสีของพ่อขุนผาเมือง เผาเมืองราดไฟได้ไหม้คลังเก็บข้าวสารจนไหม้ดำเกรียม หล่นกระจัดกระจาย (เนื่องจากไม่พอใจที่พ่อขุนผาเมืองยกทัพไปขับไล่พวกขอม)  ต่อมาจึงถูกดินถมจมอยู่ จึงมีข้าวสารดำกระจายอยู่ทั่วไป หาได้ไม่ยาก

นับที่สองกล่าวว่า ข้าวสารดำนี้มีมาอยู่แต่เดิมแล้ว ในสมัยสุโขทัยพ่อขุนผาเมืองกษัตริย์นักรบเจ้าเมืองราดทรงนับถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เมื่อจะออกศึกสงครามครั้งใด ก็จะทรงนำข้าวสารดำมาปลุกเสก โปรยหว่านเป็นสิริมงคลแก่กองทัพ และใช้เป็นวัตถุของขลังในการรบ

ประวัติศาสตร์หล่มสักมีหนังสือหรือบทความน้อยมาก จนแทบไม่มี เรื่องบางเรื่องจึงเป็นข้อสันนิษฐาน การบอกต่อกันมาบนพื้นฐานความเชื่อของคนส่วนใหญ่ ถ้าสกัดข้อมูลและเลือกใช้ก็คงจะเป็นประโยชน์กับคนรุ่นหลังๆ ได้ เรื่องของเราก็จะไม่จางหายไปจากความทรงจำ
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-8-3 07:44 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
นัยแรก กล่าวว่า ข้าวสารดำนี้เป็นข้าวสารในท้องพระคลังของเมืองราดเก็บไว้บริโภค เมื่อพระนางสิงขรมหาเทวี ซึ่งเป็นธิดากษัตริย์ขอม และเป็นมเหสีของพ่อขุนผาเมือง เผาเมืองราดไฟได้ไหม้คลังเก็บข้าวสารจนไหม้ดำเกรียม หล่นกระจัดกระจาย (เนื่องจากไม่พอใจที่พ่อขุนผาเมืองยกทัพไปขับไล่พวกขอม)  ต่อมาจึงถูกดินถมจมอยู่ จึงมีข้าวสารดำกระจายอยู่ทั่วไป หาได้ไม่ยาก



ประเด็นนี้ ตรงกับที่หลวงปู่ลมัย เคยเล่าให้ฟัง
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-8-3 07:44 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่ลมัยบอกว่า.. เป็นของดีทีผ่านการเผา

ด้วย กสินไฟ ที่พวยพุ่งผ่าน ตรีศูลธาตุเหล็กไหล

อาวุธคู่กายของพระนางสิงขรเทวี

ที่พระเจ้าศรีชัยวรมันทรงสร้างให้พระนาง
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-8-3 07:44 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ระบำสิงขรมหาเทวี


จึงได้ระลึกถึงพระนางสิงขรเทวี เมื่อถึงวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 จึงได้นำกระทงไปลอยในลำแม่น้ำป่าสัก เพื่อเป็นการระลึกถึงและอุทิศส่วนกุศลให้แด่พระนางสิงขรเทวี




ระบำสิงขรมหาเทวี            

                    “ระบำสิงขรมหาเทวี” เป็นนาฏยประดิษฐ์ชุดหนึ่งที่ภาควิชานาฏศิลป์  สถาบันราชภัฏเพชรบูรณ์ โดย นายเศกสรร  สายวงศ์คำ อาจารย์พิเศษภาควิชานาฏศิลป์ ร่วมกับนายชลอ  นุเทศ อาจารย์ประจำภาควิชานาฏศิลป์  สถาบันราชภัฏเพชรบูรณ์  ได้ประดิษฐ์ท่ารำขึ้น   



            
                     โดยได้แนวความคิดมาจากความเชื่อเรื่องพระนางสิงขรเทวี  โดยพระนางสิงขรเทวีเป็นมเหสีของพ่อขุนผาเมือง  ที่พ่อขุนผาเมืองทรงรักมากองค์หนึ่ง   และพระนางได้จัดระบำรำฟ้อนถวายองค์พ่อขุนผาเมืองอยู่เป็นประจำ  ต่อมาพระนางได้ยอมสละชีพของพระองค์  โดยการกระโดดน้ำตายที่ลำแม่น้ำป่าสัก   เพื่อให้พ่อขุนผาเมืองได้ตัดสินพระทัยที่จะแข็งเมืองกับกษัตริย์ขอม ซึ่งเป็นพระราชบิดาของตน โดยมิต้องพะวงถึงพระนาง        



  
                     ครั้นต่อมาพ่อขุนผาเมืองได้ขับไล่พวกขอมออกไปจากอาณาจักรสุโขทัยหมดแล้ว  จึงได้ระลึกถึงพระนางสิงขรเทวี   เมื่อถึงวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12  จึงได้นำกระทงไปลอยในลำแม่น้ำป่าสัก  เพื่อเป็นการระลึกถึงและอุทิศส่วนกุศลให้แด่พระนางสิงขรเทวี   


                      ปัจจุบันชาวบ้านวัดตาล  อำเภอหล่มเก่า  จังหวัดเพชรบูรณ์  มีความเชื่อว่าทุกวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12  ของทุกปี  ดวงพระวิญญาณขององค์พ่อขุนผาเมืองจะเสด็จมาลอยกระทง  เพื่อระลึกถึงพระนางสิงขรเทวี   ในบริเวณท่าน้ำหน้าวัดตาล เป็นประจำทุกปี
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-8-3 07:45 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ข้าวสารหิน

เป็นของวิเศษ กายสิทธิ์ มีอานุภาพในเรื่องโชคลาภ เสน่ห์เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัยจากภัยนานาประการ ไม่มีสิ่งใดๆมาทำร้ายคุณวิเศษต่างๆได้


เรียกได้ว่าของ ทนศักดิ์ มีเทพารักษ์คอยรักษาอยู่ บางคนมีความเชื่อและนับถือด้วยว่าเป็นพระธาตุ เรียกว่า พระธาตุข้าวสารหิน



        ตามตำนานเชื่อกันว่า เป็นข้าวสารที่พระพุทธองค์ฉันเสร็จแล้วทำการอธิษฐานเพื่อให้เป็นของมงคลในแผ่นดิน คณาจารย์ในสมัยโบราณกล่าวไว้ว่า เกิดจากฤทธิ์อำนาจของพระแม่ธรณี



       บางเกจิอาจารย์กล่าวไว้ในคัมภีร์ต่างๆ ว่า เป็นข้าวอธิษฐานของฤาษี สามารถนำมาอาราธำน้ำพุทธมนต์ได้ อธิษฐานสิ่งใดก็สมปรารถนา



       บางตำนานเก่าและใหม่ยังกล่าวไว้อีกว่า ข้าวสารหินเป็นของวิเศษสุด มีฤทธิ์ตามธรรมชาติ ผู้วิเศษผู้มีฤทธิ์กำหนดขึ้นมาทั้งสิ้น และยังมีความเชื่อกันอีกว่า พระแม่ธรณีท่านอธิษฐานไว้ให้ข้าวสารหินเป็นของดี ไม่เน่าเปื่อย คงทนถาวร



     เป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจจากจักรวาลซึมแทรกอยู่ เป็นที่รวมพลังของ ดิน น้ำ ลม ไฟ จึงเกิดเป็นพลังเร้นลับ มีอำนาจบันดาลให้ผู้ที่มีไว้ครอบครองจะอยู่ดีกินดี รวมทั้งปกป้องผองภัยอันตรายต่างๆ






ที่มา http://akefuture.com
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-8-3 07:45 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตรีศูลอาวุธคู่กาย พระนางสิงขรเทวี

ที่พระเจ้าศรีชัยวรมัน ทรงสร้างให้พระนางสิงขรเทวี

(ตรีศลูของจริงก่อกำเนิดจากธาตุ เหล็กไหล)
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-8-3 07:46 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
วัดไตรภูมิ


เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นก่อนสมัยอยุธยามีอายุประมาณ ๔๓๔ ปี และเป็นที่ประดิษฐานองค์พระพุทธมหาธรรมราชา เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะขอม สมัยลพบุรี หล่อด้วยทองสำริด ทรงชฎาทรงเทริด งดงามมาก โดยตามตำนานได้กล่าวไว้ว่า เป็นพระพุทธรูปที่พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ได้ทรงพระราชทาน ให้แก่ พ่อขุนผาเมืองเจ้าเมืองราด เพื่อเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองเมื่อครั้งที่พ่อขุนผาเมืองทรงอภิเษกกับพระนาสิงขรเทวีพระราชธิดาต่อมาเมื่อพระนาสิงขรเทวีได้ทรงเผาเมืองราชบริพารส่วนหนึ่งจึงได้อัญเชิญพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองล่องแพเพื่อจะไปยังเมืองศรีเทพแต่เมื่อมาถึงบริเวณวังมะขามแฟบแพได้พลิกคว่ำลงพระพุทธรูปจึงได้จมหายลงใต้พื้นน้ำโดยไม่มีใครได้พบเห็นอีก

หลายปีต่อมาเมื่อชาวบ้านออกได้ไปหาปลาในลำน้ำป่าสักก็ได้มีเหตุประหลาดเกิดขึ้นคือวันนั้นไม่มีผู้ใดจับปลาได้เลยสักตัวเดียว คล้ายกับว่าใต้พื้นน้ำป่าสักไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย ทันใดนั้นก็เกิดเหตุการณ์น่าพิศวงขึ้น กระแสน้ำหยุดไหลแล้วค่อยๆ มีพรายน้ำผุดขึ้นจนมองดูคลายน้ำที่กำลังเดือดก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นน้ำวน จากนั้นก็มีพระพุทธรูปองค์หนึ่งผุดขึ้นมาดำว่ายเล่นคล้ายคนเล่นน้ำ เมื่อประจักษ์ถึงความศักดิ์สิทธิ์ ชาวเมืองเพชรบูรณ์จึงได้พากันอัญเชิญพระพุทธรูปมาประดิษฐานไว้ที่วัดไตรภูมิ ปีต่อมาเมือถึงวันแรมสิบห้าค่ำ เดือนสิบ ซึ่งเป็นวันทำบุญสารทไทย พระพุทธมหาธรรมราชาได้เกิดหายไป พวกชาวบ้านก็ออกตามหาแต่ไม่พบ และวันเดียวกันนั้นชาวประมงที่หาปลาก็ไปพบพระพุทธมหาธรรมราชกำลังเล่นน้ำอยู่ที่เดิมจึงได้อันเชิญกลับมาที่วัดไตรภูมิอีกครั้งหนึ่ง เป็นเช่นนี้ถึงสามครั้งทางเจ้าเมืองจึงจัดให้มีการอัญเชิญมาสรงนํ้าและทําพิธีดํานํ้าทุกปีที่บริเวณวังมะขามแฟบสถานที่ที่พบท่านนั่นเอง ถ้าปีไหนละเวันเชื่อกันว่าจะทําให้บ้านเมืองแห้งแล้ง ข้าวยากหมากแพงและจะทรงหายไปจากที่ประดิษฐานเองอีก ในการนี้จะมีการจัดขบวนแห่ทั้งทางบกและทางนํ้าเพื่อนําไปบริเวณลํานํ้าหน้าโบสถ์ชนะมาร โดยให้เจ้าเมือง (หรือผู้ว่าราชการจังหวัดในปัจจุบัน) เป็นผู้อุ้มพระมหาธรรมราชาดํานํ้าทั้ง 4 ทิศ โดยอุ้มพระ ให้หันพระพักตร์ไปทาง เหนือ 3 หน ลงใต้ 3 หน ถือว่าทําครบ ข้าวนํ้าจะอุดมสมบูรณ์ไม่แล้ง ต่อจากนั้นจึงนําองค์พระพุทธมหาธรรมราชาไปประดิษฐานหน้าศาลากลางจังหวัดเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้สรงนํ้า
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-8-3 07:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


พระพุทธธรรมราชาเหตุใดกันแน่ที่จมอยู่ใต้น้ำป่าสัก ???

ตามตำนานเล่าไว้ว่า.....




"ต่อมาเมื่อพระนาสิงขรเทวีได้ทรงเผาเมืองราชบริพารส่วนหนึ่ง

จึงได้อัญเชิญพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองล่องแพเพื่อจะไปยังเมือง

ศรีเทพแต่เมื่อมาถึงบริเวณวังมะขามแฟบแพได้พลิกคว่ำลง

พระพุทธรูปจึงได้จมหายลงใต้พื้นน้ำโดยไม่มีใครได้พบเห็นอีก "


.................................................................

มาฟังเหตุผลอีกนัยหนึ่งว่าเหตุอันใดพระธรรมราชาจึงจมอยู่ใตน้ำ???



   พระนางสิงขรเทวี ทรงมีพระสิริโฉมงดงามเป็นเลิศมีความเป็น

กุลสตรีที่น่ายกย่อง ทรงเรียนวิชาพิชัยยุทธมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์

เวทมนต์อาคมขลังมาก สำเร็จกสินไฟขั้นอุกฤษฎ์ ถ้าทรงเอาดีเรื่อง

การศึก ท่านจะมีชื่อเลื่องบันลือโลก

    เรื่องการปฏิบัติศึกษาพระธรรมท่านก็ทรงเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธ

ศาสนาอย่างยิ่งยวดและทรงเข้าพระทัยในหลักการปฎิบัติกรรมฐาน

ได้อย่างน่านับถือ ทรงเพียบพร้อมไปด้วยอิทธิฤทธ์และบุญญฤทธ์

ให้สังเกตุดูได้เมืองราดที่มีทหารของพ่อขุนผาเมืองที่มีอานุภาพยิ่งใหญ่

แข็งแกร่งเป็นกองทัพ พระนางสิงขรเทวีท่านก็ทรงเผาเมืองได้อย่างง่ายดาย

ถามว่า..แล้วทหารตั้งมากมายทำไมถึงต้านผู้หญิงตัวคนเดียวเอาไว้ไม่อยู่??
9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-8-3 07:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลังจากได้สถาปนาพ่อขุนบางกลางท่าวและพระนางเสืองขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกรุงสุโขทัยแล้ว พ่อขุนผาเมืองได้รวบรวมไพร่พลยกทัพกลับเมืองราด เมืองที่พระองค์มุ่งหวังจะได้สร้างบ้านแปงเมืองให้เป็นที่อยู่ของพระองค์จนสิ้นอายุไข แต่เมื่อกลับถึงเมืองราด ความทราบถึงพระนางสิงขรมหาเทวี พระนางทรงพิโรธพ่อขุนผาเมืองเป็นอย่างมาก ตัดพ้อหาว่าทรยศต่อพระราชบิดา (พระเจ้าชัยวรมันที่ 7) และรบเร้าให้พ่อขุนผาเมืองยกทัพกลับไปตีเมืองสุโขทัยคืนมา พ่อขุนผาเมืองมิยินยอมไม่ว่าพระนางสิงขรจะอ้อนวอนอย่างไร สร้างความโกรธเคืองแก่พระนางอย่างยิ่ง ฤทธิโกรธนั้นรุนแรงนัก บวกกับความน้อยพระทัย พระนางสิงขรจึงตัดสินใจจุดไฟเผาเมืองราดจนไหม้เป็นจุลและหนีไปกลั้นใจโดดน้ำฆ่าตัวตายที่แม่น้ำสัก หลังจากที่ได้จัดการพระศพของพระมเหสีเสร็จเรียบร้อยแล้วพ่อขุนผาเมืองไม่คิดที่จะทำนุบำรุงเมืองราดขึ้นมากีก ตามตำนานพื้นบ้านซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเล่าขานตกทอดมาว่า พระองค์ได้เสด็จออกจากเมืองราดขึ้นไปทางเหนือกับพระนางเนาวรงค์เทวีมเหสีของพระองค์ที่เป็นคนไทยจากนั้นมาก็ไม่มีใครทราบเรื่องราวของพระองค์ท่านอีกเลย
10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-8-3 07:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระพุทธธรรมราชา ที่พระเจ้าชัยวรมันทรงสร้างเป็นพระประจำเมืองราด

และเฉลิมฉลองงานอภิเษกของนางสิงขรเทวี กับพ่อขุนผาเมือง

ในกาลนี่ได้ทรงสร้างพระร่วงรางปืน(พระธรรมราช) 84000 องค์
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้