ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
คณะศิษย์หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ (คศช.)
›
ข่าวสารความเคลื่อนไหวกิจกรรม คศช.
»
เดินทางเพื่อตามหามวลสารสุดยอดมวลสารตามตำรา "ดิน 7 ป่าช้า"
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
เจ้าของ: taka_jipata
เดินทางเพื่อตามหามวลสารสุดยอดมวลสารตามตำรา "ดิน 7 ป่าช้า"
[คัดลอกลิงก์]
taka_jipata
taka_jipata
ออฟไลน์
เครดิต
1786
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2014-10-6 10:28
|
ดูโพสต์ทั้งหมด
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
เป็นที่รู้กันว่าหาก "สำนักติคญาโณ" แห่งนี้จะทำวัตถุมงคลรุ่นใดออกมาซักรุ่นแล้วล่ะก็ อาจารย์จะเน้นย้ำหนักหนาว่ามวลสารต้องครบ พิธีต้องดี รูปแบบต้องสวยงานลงตัวและเหมะสม ทุกอย่างต้องทำตามตำราที่ครูรุ่นเก่าก่อนท่านได้ศึกษาและระบุบัญญัติไว้ ทั้งนี้เพื่อให้วัตถุมงคลทุกรุ่นถูกตา ต้องใจ สำคัญที่สุดคือผู้นำไปใช้แล้วได้มีประสบการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป และโน้มน้อมให้มีจิตใจฝักใฝ่ในความดี ยึดมั่นในพระรัตนตรัย อันประกอบด้วยพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ วัตถุมงคลหลายๆ ชิ้นของสำนักเรากว่าจะผ่านขั้นตอนการคิด ออกแบบ เตรียมมวลสาร จัดทำ และปลุกเสก ใช้เวลากว่าปี สองปี หรือมากกว่านั้น
ดังนั้น มวลสารสำคัญตามตำราโบราณอย่างหนึ่งที่ครูอาจารย์ท่านได้กล่าวไว้ คือ ดิน 7 ป่าช้า อันว่าจะต้องขอพลีมาจากท่านเจ้าที่ประจำป่าช้านั้นๆ ให้ได้มาอย่างถูกวิธี มิใช้ไปบังคับเอามาอันจะนำไปสู่ความวิบัติบรรลัยสำหรับผู้นำไปใช้บูชาได้ โดยการนี้จะต้องเตรียมเครื่องเซ่นสังเวยเป็น ข้าว ไข่ต้ม พล่ากุ้ง ปลายำ และสุราขาวอย่างดี พร้อมทั้งขันธ์ ๕ บุหรี หมากพลู กับทั้งกล่าวคำอันเชิญเพื่อพลีมาอย่างถูกต้อง
ซึ่งในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (5 ต.ค. 57) เป็นฤกษ์ดีคณะศิษย์พร้อมทั้งกาย ใจ (และวัตถุมงคลของหลวงปู่เต็มคอ) ได้ตัดสินใจว่าจะเดินทางไปยังป่าช้าวัดดอนที่เลื่องลือเรื่องผีดุมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ และป่าช้าวัดไผ่เงินที่มาของข่าวดังเรื่องศพเด็กทำแท้งนับพันศพเมื่อไม่กี่ปี่ที่ผ่านมา พวกเราออกเดินทางสู่ป่าวัดดอนเป็นแห่งแรก ถึงที่หมายราว บ่าย 2 โมง เราเลือกที่จะจอดรถใต้ทางด่วนและเดินเข้าไปยังป่าช้า ยังไม่ทันได้ถึงที่หมายฝูงหมาจรจัดบริเวณนั้นก็เริ่มเห่าหอนต้อนรับกันเกลียวกราว และผงะหนีวิ่งหลบเราเหมือนเห็นเราเป็นสิ่งผิดปรกติบางอย่าง เมื่อเดินไปถึงบริเวณทางเข้าป่าช้า ซึ่งเป็นสะพานเหล็กขนาดเล็กข้ามคูระบายน้ำขนาดย่อม มองไปโดยรอบก็พบว่าป่าช้าวัดดอนขณะนี้ได้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วนโดยถนนที่ตัดผ่าน ตรงปากทางเข้ามีตำรวจตั้งด่านดักจับรถมอเตอร์ไซอยู่ราว 10 นาย มีรถวิ่งผ่านกันขวักไขว่พอควร แต่เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีดีขณะที่เรารอรถอีกคันซึ่งบรรทุกเครื่องเซ่นมาถึงตำรวจเหล่านั้นก็ปิดด่านกลับไปซะเฉยๆ รถยนต์ที่เคยมีมากก็ลดลงถนัดตาบรรยากาศดูเงียบลงในทันที สัมผัสแรกที่ก้าวเข้าสู่บริเวณป่าช้า รู้สึกราวกับเป็นอีกโลกที่ไม่ใช่สถานที่ที่มนุษย์ควรย่างกรายเข้าไป ทุกคนรู้สึกเวียนหัวและอึดอัดอย่างมากและตรงสะพานทางเข้าก็มีเศษกระดูกแห้งๆ สีขาวตกกระจายอยู่ซึ่งเราไม่ทราบแน่ชัดว่าคือกระดูกของอะไร จนเมื่อรถอีกคันมาถึงพวกเราเร่งรีบจัดเครื่องเซ่นลงในกระธงที่เตรียมไว้และนำไปวางใต้ต้นไม้ใหญ่ พร้อมเริ่มกล่าวคำพลีตามที่อาจารย์ได้เตรียมมาให้ บรรยากาศตอนนั้นอับและเย็นแม้จะมีแดดส่องลงมา พวกเราขนลุกตลอดเวลารู้สึกเหมือนความรู้สึกถูกกดดันด้วยบางอย่างที่มองไม่เห็นเมื่อกล่าวคำพลีจบเราเริ่มขุดดิน เริ่มโดยการตีตารางเป็นรุปสี่เหลี่ยมแคบๆ ตรงหน้าที่วางเครื่องเซ่นเมื่อเราเกลี่ยหน้าดินลงไปไม่นานก็ได้พบกับวัตถุบางอย่างยาวประมาณ 6-7 นิ้ว ทำให้เราต้องผงะถอยกันทุกคน และเมื่อให้นักศึกษาแพทที่เดินทางไปด้วยดูใกล้ๆ ก็ยืนยันความคิดของพวกเราได้กระจ่างยิ่งขึ้น สิ่งนั้นคือ "กระดูกมนุษย์" น่าจะเป็นช่วงท่อนแขน อีกทั้งยังมีร่องรอยจางๆ คล้ายอักขระบางอย่างจารเอาไว้ เมื่อเราสังเกตุดูที่ธูปก็ต้องประหลาดใจธูปทุกดอกที่ปักไว้ตอนนี้ดูคล้ายบุหรี่ที่ถูกดูดจนหมดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ไม่มีลมพัดในบริเวณนั้นเลย เรารอจนธูปหมด (ซึ่งใช้เวลาไม่นาน) ก็รีบนำกล่องกุมารปั้นมือที่นำไปด้วยพร้อมทั้งถุงบรรจุดินป่าช้าวัดดอนกลับออกมา ทุกคนมุ่งหน้าไปที่รถโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรกัน และไม่หันกลับไปมองข้างหลังอีกเลย เพื่อมุ่งหน้าสู่วัดไผ่เงินสถานที่ต่อไปของวันนี้
ปล. เมื่อกลับมาถึงสำนักอาจารย์ได้เมตตารดน้ำมนต์ให้ อยู่ดีๆ ก็มีเสียงสุนัขเห่าหอนลอยมาจากที่ไหนไม่ทราบ เสียงเหมือนอยู่ไกลออกไปพอสมควร ฟังดูน่าขนลุกทีเดียวหอนอยู่ประมาณ 3 ครั้งก็เงียบไป
ใครมีประสบการณ์อะไรมาเล่าแลกเปลี่ยนกันต่อได้เลยครับ
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
taka_jipata
taka_jipata
ออฟไลน์
เครดิต
1786
2
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-10-6 13:02
|
ดูโพสต์ทั้งหมด
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
taka_jipata
taka_jipata
ออฟไลน์
เครดิต
1786
3
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-12-12 17:50
|
ดูโพสต์ทั้งหมด
รออะไรกันอยู่ ผมรอด้วยครับน่าสนใจ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...