ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 4117
ตอบกลับ: 12
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ปรัชญา ว่าด้วย ระยะห่าง

[คัดลอกลิงก์]
ปรัชญา ว่าด้วย ระยะห่าง







     



...  ความสัมพันธ์เนิ่นนาน รักษาไว้
...  จะคบใคร ให้ยั่งยืน ไม่ฝืนจิต
...  ระยะห่าง ควบคุมไว้ ไม่ใกล้ชิด
...  เคารพใน วิถีชีวิตกันและกัน
  
... ใกล้กัน ก็คิดถึง พึงประสงค์
... ห่างบ้าง จะเป็นไร ยังคงมั่น
... ห่างหาย มิเหินห่าง ความสัมพันธ์
... ห่างกัน เพียงกาย ระยะทาง
... ระยะห่าง จัดวาง ให้สมดุล
... เกื้อหนุน น้อมใจ  ใสสว่าง
... ต่างคน ต่างมี เส้นทาง
... สะสาง เข้าใจ ไม่วุ่นวาย
... ฝึกฝน ประสบการณ์ จะสอนให้
... ได้เข้าใจ ระยะห่าง มีความหมาย
... ทางเดิน แห่งรัก มิเสื่อมคลาย
... ไม่ไกล ไม่ใกล้ ให้พอดี
     
  
                                ... ผืนดิน ริมฝั่ง หาดกลางน้ำ
                                ... เชื่อมต่อ ถึงกัน ได้ทุกที่
                                ... น้ำเซาะ ซัดซาด นานแรมปี
                                ... สิ่งที่ ธรรมดา กลับงดงาม



   


... เคยสังเกต หรือเคยรู้สึกไหมคะว่า การที่เรารู้จักหรือคบใครสักคน แล้วอยู่ๆ ความสัมพันธ์ก็ต้องมีจบลง จะได้เหตุผลใดก็ไม่อาจจะทราบได้นะคะ
... นั่นคือความไม่แน่นอน แต่สิ่งที่แน่นอน สาเหตหนึ่งเป็นเรื่องของ ระยะห่าง

... ระยะห่างถือเป็นศาสตร์และศิลป์ ในการจัดวางความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็น แบบเพื่อน แบบแฟน แบบหุ้นส่วนทางธุรกิจ
... หากจะคบกับใครให้ยั่งยืน ต้องเรียนรู้ศิลปะการจัดระยะห่างให้เป็น

... แน่ะ ชีวิตเราต้องยุ่งยากกันขนาดนั้นเชียวหรือคะ  ไม่งั้นเค้าจะเรียกว่า ศิลปะในการใช้ชีวิตฤา
... คนเปิดเผย ตรงไป ตรงมา ลูกทุ่งๆ บ้านน๊อก บ้านนอก และขวางโลกอย่างปู ก็ต้องใช้เวลาฝึกฝน เรียนรู้กันแล้ว

... ประการสำคัญคือ ควรปล่อยให้แต่ละคนมีวิถีชีวิตอย่างที่เป็น เป็นตัวของตัวเอง อย่างเป็นธรรมชาติ  
...  เข้าหาเมื่อคิดถึง ลึกซึ้งพอประมาณ ใช้งานเมื่อจำเป็น หากแต่ไม่จำเป็นต้องติดกันเป็นปาท่องโก๋ตลอดเวลา  

... ไม่ยากใช่ไหมคะ ไม่ใกล้ ไม่ไกล ปล่อยให้แต่ละคนมีโลกส่วนตัวบ้าง มิงั้นจะพบจุดจบเช่นเคย

...  ใกล้เกินอาจร้อน ถอยห่างมานิด ไอร้อนจะแปรเป็น กระไออุ่น หนุนเสริม ที่ต่างคนต่างโหยหา อยู่ในความทรงจำ ตราบนานเท่านาน



   


... ชิดใกล้เกินไป อาจเกิดความเบื่อหน่าย สุดท้ายต่างคนก็แยกย้าย เพื่อไปค้นหาสิ่งใหม่ๆ ในเส้นทางอื่น ที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่า
... เพราะชีวิตคงมิน่าพิสมัยเท่าใดนักหากต้องผูกติดกับใครตลอดเวลา

... กล่าวได้ว่า การรักษาระยะห่างอย่างมีเทคนิค ถือเป็นเคล็ดลับการครองเรือน ครองรัก ที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้นะคะ
...  (เรื่องนี้ต้องรอผู้มีประสบการณ์ใช้ชีวิตคู่ มายืนยันนะคะว่า เป็นอย่างไรกันหนอ)

... ศิลปะและทักษะระดับนี้ต้องฝึกฝน เคล็ดไม่ลับอยู่ที่ เวลาใกล้ชิดอย่าติดหนึบเป็นตังเม ในขณะเดียวกันเวลาขยับออกห่างก็ต้องโดยละม่อมละมุน
... โปรดอย่าหันหลังให้เสมือนจะวิ่งหนี (หน้าตั้ง) เพราะไม่เช่นนั้น ความรู้สึกหรือสายสัมพันธ์อันดี

... อาจจะสั่นคลอน สะสม จนแตกร้าว และขาดในที่สุด แน่นอนไม่มีใครอยากให้เป็นอย่างนั้นใช่ไหมคะ
...  พยายามใจเย็นๆ ค่อยๆ ดูจังหวะ ระยะจะโคน มีศิลปะในการจัดวางอย่างลงตัวและเหมาะสม ของอย่างนี้ต้องใช้เวลาค่ะ

... หากยอมรับ เข้าใจ ความเป็นไป และธรรมชาติ ของกันและกันแล้ว เชื่อมั่นได้ว่า
... ไม่มีวันห่างไปหรือใกล้เกิน บนทางเดินแห่งรักและมิตรภาพ


... บนพื้นฐานของเหตุผลที่ให้อภัยกันได้เสมอ  ขอเพียงสื่อกันจากก้นบึ้ง ใจถึงใจ

... ใครเคยกล่าวไว้ ผืนดินริมฝั่งกะหาดกลางน้ำ อาจเคยเชื่อมต่อถึงกัน แต่ครั้นถูกน้ำซัดเซาะนานวัน เปลี่ยนเป็นร่องลึก จากสิ่งที่ดูธรรมดา กลายเป็นสถาปัตยกรรมทางธรรมชาติที่งดงามยิ่งนัก ...


                        ขอได้รับความขอบพระคุณจาก ลำตะคอง น้องอันดามัน ค่ะ




..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/309364
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-6-21 06:59 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
"ระยะห่างของความสัมพันธ์คือความต้องการหรือสิ่งจำเป็น"


การเว้นระยะห่างของความสัมพันธ์มันมีทั้งดีและไม่ดีแต่ต้องเป็นความจำเป็นที่ช่วยทำให้อะไรอะไรมันดีขึ้น


ไม่ว่าผลสุดท้ายจะกลับมารักกันใหม่หรือจะจบลงก็ตาม

เคยสังเกตไหม...???

เวลาคน 2 คนคบกันนานนานไปมักจะเรียกร้องหาระยะห่างของความสัมพันธ์จนลืมถามใจตัวเองว่านี่คือความต้องการหรือมันเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีกันแน่

น่าคิดทำไมหากระยะห่างของความสัมพันธ์คือความต้องการความต้องการก็เหมือนอะไรบางอย่างที่เราอยากได้เพราะวันนี้อยากต่อไปก็ต้องมีไม่อยาก

แต่หากระยะห่างของความสัมพันธ์คือ สิ่งจำเป็นเป็นสิ่งจำเป็นเหมือนข้าวที่เราจำเป็นต้องกินทุกวัน

เพื่อให้ร่างกายดำรงอยู่ความรักกับความจำเป็นต้องเว้นระยะห่างจึงดูต่างจากความต้องการต่างตรงที่สิ่งจำเป็นถ้าเราไม่มีเราก็อยู่ไม่ได้

แต่ความต้องการถ้าได้ก็ดีถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหาเอาใหม่ หรือรอคอยเวลาสักหน่อยอาจจะได้ก็ได้อะไรประมาณนั้น

เพราะฉะนั้น...เราจึงควรมองให้ถ่องแท้ทั้งแง่มุมและต้องถามใจตัวเองอย่างจริงจังว่าเราต้องการจะอยู่ในมุมไหนกันแน่

ระหว่างต้องการระยะห่างของความสัมพันธ์กับจำเป็นต้องมีระยะห่างเพื่อให้ความสัมพันธ์มันดีขึ้น

ถ้าต้องการแสดงว่าวันนี้เราห่างกันเถอะแต่ถ้าพรุ่งนี้เรายังกลับมาอยู่ ใกล้ชิดกันใหม่ได้แต่มันคล้ายๆอารมณ์รักรักห่างห่างหรือเปล่า

อย่างนี้จะดีต่อความรักของเราบ้างไหมแต่ถ้าจำเป็นแสดงว่าความรักกำลังขาดอากาศหายใจจำเป็นต้องห่างกันไปจริงๆ

เพื่อถนอมความรักไว้ไม่ให้เลวร้ายมากไปกว่านี้ซึ่งการห่างห่างกันไปสุดท้ายมันจะมีคำตอบที่ตายตัวของมันนั่นคือ..


ห่างเพื่อกลับมาเริ่มต้นกันใหม่กับห่างเพื่อเลิกรากันไปในท้ายที่สุด


แต่มันจะเป็นการจบความสัมพันธ์ที่เป็นไปได้ด้วยดีเพราะคน 2 คนได้ทบทวนใจตัวเองมาอย่างดีที่สุดแล้ว

หากวันนี้มีอะไรบางอย่างเคลือบแคงอยู่ภายในใจแล้วทำให้ใจขุ่นมัว คุยกันไปก็ไม่รู้เรื่อง พยายามปรับแล้วก็ยังไม่ดีขึ้นความรัก

สามารถไปต่อได้ตาวิถีทางของมันกันอยู่ห่างห่างกันอาจเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องรีบทำแต่หากเป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบที่หลุดปากออกไป

เพื่อทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บปวดคำว่า ห่างห่างกันไปเถอะอาจยิ่งบอลทำลายความรักให้กล่อมและแหลกสลายลงไปเร็วขึ้นและเร็วยิ่งขึ้น

เพราะฉะนั้น..

การเว้นระยะห่างของความสัมพันธ์มันมีทั้งดีและไม่ดีแต่ต้องเป็นความจำเป็นที่จะช่วยทำให้อะไรอะไรมันดีขึ้น


ไม่ว่าผลสุดท้ายจะกลับมารักกันใหม่หรือจบลงก็ตามหากระยะห่างจำเป็นต้องเกิดขึ้นจริงเราต้องรู้ว่ามันจำเป็นไปเพื่ออะไร


และต้องถามและตอบใจตัวเองให้ดีอย่างจริงใจที่สุด

หากจำเป็นต้องมี ระยะห่าง ..


เพื่อปรับความสัมพันธ์นั่นหมายความว่าคุณ2คนพร้อมใจกันทำความรักให้มันดียิ่งขึ้นกติกาการปรับความสัมพันธ์


คือควรใช้ชีวิตโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกันให้โอกาสกันและกันได้ลองไปใช้ชีวิตในโลกของตัวเอง


ไปทำความสะอาดหัวใจให้ใสสะอาดขึ้นไม่รก ไม่วุ่นวาย


ไม่ทำให้ปวดหัวเหมือนเดิมอีกแม้จะเหงาไปบ้าง


แต่ต้องยอมรับและอยู่ให้ได้กับความเหงานั้นหากจำเป็นต้องมีระยะห่าง


เพื่อท้ายที่สุดจะได้ตัดความสัมพันธ์ได้ง่ายขึ้น


และไม่ทำร้ายจิตใจกันและกันให้หนักหนาสาหัสและย่ำแย่ลงไปมากกว่าเดิม

การหางในครั้งนี้ ต้องเป็นการห่างเพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองเปิดใจให้ใครคนใหม่ อาจจะมีคนใหม่เข้ามา

หรือไม่มีก็ได้แต่ยังไงก็ต้องเป็นการห่างที่ต่างก็พร้อมจะเปิดใจให้คนที่สามารถช่วยทำให้เรามีความสุขกับความรักได้มากกว่าที่เป็นอยู่

มันจะได้พิสูจน์ใจกันไปเลยว่าคนสองคนไม่ได้รักกันจริงๆ และพร้อมจะตัดความสัมพันธ์ให้ขาดไปด้วยความเข้าใจและยอมรับแต่

ถ้าห่างกันไปเปิดใจก็แล้วลองคบคนใหม่ก็แล้วแต่หัวใจยังยืนยันว่ายังอยากกลับไปเริ่มต้นใหม่กับคนรักคนเดิมการกลับมาเพื่อให้โอกาสกันและกัน


ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรเพราะท้ายที่สุดแล้วคนสองคนจะค้นพบอะไรบางอย่าง


ที่ช่วยให้การเริ่มต้นใหม่มันใสและเบามากขึ้นกว่าเดิม




https://storylog.co/story/566d89f6fad98195322ad2cd

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-6-22 07:59 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
มิตรภาพเป็นสิ่งที่เปราะบาง และจำเป็นต้องได้รับการทะนุถนอมประดุจทรัพย์สินล้ำค่าที่เปราะบาง”
(Friendships are fragile things and require as much handling as any other fragile and precious thing.)
แรนดอล์พ เอส บอร์น (Randolph S. Bourne) นักวิจารณ์สังคมชาวอเมริกัน (1886-1918) ได้ให้ข้อคิดสะกิดใจไว้ในข้างต้น  

ซึ่งผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง!

อาจมีคนมากมายที่เราได้พบพานในชีวิต แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่เราพบ เราอยากจะคบหา  

และในท่ามกลางคนที่เราอยากคบหาก็มีไม่กี่คนที่เราอยากจะคบเป็นเพื่อน

และในหมู่เพื่อนเหล่านั้น จะมีเพียงบางคนเท่านั้นที่เราขอพัฒนาความ

สัมพันธ์เป็นมิตรสนิท!


แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ …


เรามักจะเกรงใจให้เกียรติคนไม่รู้จักกันมากกว่าให้เกียรติเพื่อนหรือมิตรสนิท!


คนเรายิ่งสนิทกันมากเท่าไร ก็ยิ่งไม่เกรงใจให้เกียรติกันมากขึ้นเท่านั้น!


อากัปกิริยา ท่าทาง หรือคำพูดที่มีต่อกันก็เลยมักจะไม่ค่อยถนอมน้ำใจกัน!


ผลที่ตามมาก็คือ  “มิตรภาพ” ที่มีต่อกันแตกดัง “โพล๊ะ!”


ช่างน่าเสียดายที่คนเรามักประมาทและมองข้ามความ


“เปราะบาง” ของ “มิตรภาพ” ไป !



แท้จริงแล้วกว่าที่คนเราจะสร้างและพัฒนามิตรภาพระหว่างกันขึ้นมาได้นั้นต้องใช้เวลาอย่างยาวนาน

และต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาลด้วยเหตุนี้เราจึงควรใช้ความอดทนอดกลั้น

และความตั้งใจอย่างสูงในการ “รักษา” ความสัมพันธ์ดังกล่าวให้ “คง” อยู่อย่างยืนยาว!

หากใครชะล่าใจปล่อยปละละเลยความจริงในข้อนี้ คน ๆ นั้นอาจทำให้ความสัมพันธ์ฉันมิตร

ที่ตัวเขาและเพื่อนสู้อุตส่าห์ฟูมฟักกันมาผ่านวันคืนชีวิตอันยาวนานนับสิบปีต้องพังพินาศลงไปอย่างน่าเสียดาย!

ดังนั้น วันนี้

ยังไม่สายเกินไปที่เราจะทบทวนถึงสิ่งที่เราพูด เราแสดงออกหรือเรากระทำต่อมิตรของเรา!

ยังไม่สายเกินไปที่เราจะประเมินค่าว่าสิ่งที่เราทำเหล่านั้น ส่งผลกระทบต่อ “มิตรภาพ” ที่มีต่อกันอย่างไรบ้าง?


http://www.churchofjoy.net/4441


4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-6-22 08:01 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ความสัมพันธ์เนิ่นนาน รักษาไว้

จะคบใคร ให้ยั่งยืน ไม่ฝืนจิต


ระยะห่าง ควบคุมไว้ ไม่ใกล้ชิด


เคารพใน วิถีชีวิตกันและกัน

6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-6-23 06:49 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2017-6-23 06:50

คนสนิทไม่ต้องเกรงใจ


#


สิ่งหนึ่งที่เข้าใจกันผิดๆ ก็คือ
คนคุ้นเคยหรือคนกันเองต้องไม่เกรงใจกัน ซึ่งผิด


มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุผล

แต่ยึดอารมณ์ตนเป็นใหญ่
ฉะนั้น จึงไม่แปลกหากจะคิดเพี้ยนๆว่า
คนใกล้ชิดแปลว่า
ไม่ต้องเกรงใจกัน
อยากได้อะไรก็ขอตรงๆ
ไม่ชอบใจอะไรก็ด่าโต้งๆ
ไม่ต้องกลัวโดนหาว่าโง่
ไม่ต้องระวังว่าตัวตนที่แท้จริงจะเปิดเผยออกมาแค่ไหน
อาศัยอารมณ์สนิทสนม
เป็นเครื่องแสดงความต้องการแบบดิบๆ
ไม่อยากเสียเวลากลั่นกรองอะไรมาก
พูดง่ายๆว่า
เป็นตัวของตัวเองร่วมกับใครได้
คนนั้นก็นับเป็นคนสนิท ไม่รู้สึกเป็นอื่น

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

ข้อเท็จจริงในโลกนี้ก็คือ
เราแต่ละคนมีความเป็นอื่นจากกัน
มีช่องว่าง ที่ไม่มีวันถมได้เต็ม
ถ้าเผลอเพลินจนเกินไป
ปลดปล่อยตัวตนออกมาไม่ยั้งจนเกินงาม
ในที่สุดก็จะทนกันไม่ได้

ทุกคนเคยพูดแบบไม่คิด
เพื่อจะต้องมารับผลที่ไม่คาดคิด

แต่ก็ไม่แน่ว่าจะได้คิด


จากความคิดว่าไม่ต้องเกรงใจกันนั่นแหละ

ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายก็จะร้ายพอๆ กัน


.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

พูดตรงไปตรงมา
พูดขวานผ่าซาก
กับพูดทุกคำที่คิดไม่เหมือนกัน
เป็นวจีกรรมที่ให้ผลต่างกัน


พูดตรงไปตรงมา
คือ พูดแบบไม่อำพราง

ไม่หมกเม็ด ไม่อ้อมค้อม

เพื่อตัดตรงเข้าจุด

อาจกระทบกระเทือนบ้าง

แต่ก็มุ่งประโยชน์ทุกฝ่าย

ผลทันทีคือจิตวิญญาณที่ตั้งตรง

ผลข้างหน้าคือการได้อยู่ท่ามกลางคำจริง

ไม่ใช่คำลวง และตั้งสมาธิง่าย


พูดขวานผ่าซาก
คือ พูดแบบไม่เกรงใจ ติเตียน ชี้โทษคนอื่น

แต่มักจะอยากให้คนอื่นพูดอย่างเกรงใจ ชื่นชม

และลืมๆข้อเสียของตนเอง

ผลทันทีคืออัตตาที่น่าเมินหนี

ผลข้างหน้าคือถูกจับผิด

ถูกติเตียนให้เจ็บช้ำน้ำใจไม่เลิกรา


พูดทุกคำที่คิด
คือ พูดแบบไม่ระวัง

ไม่มีอะไรจะพูดก็พูด

ไม่สนว่าจะทำความเสียหาย

ให้ตนหรือคนอื่นอย่างไร
ผลทันทีคือความเป็นผู้มีสติยาก


.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

คนคุ้นเคย หรือคนรู้สึกดีต่อกัน

ต้องเกรงใจกัน ให้เกียรติกัน

เพื่อรักษาความรู้สึกดีๆเอาไว้

ถ้าไม่เกรงใจกัน

จะทำให้เหมือนมีความรู้สึกของศัตรู ไม่ใช่มิตร

ไม่ใช่ท่าทีของคนที่จะอยู่ร่วมกันตลอดไป


ความรักที่แท้

คือการเอ็นดูกัน เลี้ยงดูกัน ดูแลกัน

ไม่ใช่การเอาเปรียบ หรืออยู่ร่วมกันอย่างไม่เกรงใจกัน

การให้เกียรติกัน จะทำให้ความแปลกหน้าหายไป

ยิ่งอยู่ด้วยกัน ยิ่งเป็นมิตรกันมากขึ้นทุกที


ศัตรูที่ให้เกียรติกันมีสิทธิ์จะเป็นมิ่งมิตร

มิตรที่เลิกเกรงใจกันมีสิทธิ์จะเป็นศัตรูร้าย



http://dungtrin.com/blog/files/be-afraid-of-offending-your-close-one.html
ยิ่งสนิท ยิ่งต้องระวัง เพราะบางครั้ง ความสนิททำให้เรามองข้ามความพอดี
9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-6-26 06:03 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หากจำเป็นต้องมี ระยะห่าง ..


เพื่อปรับความสัมพันธ์นั่นหมายความว่าคุณ2คน


พร้อมใจกันทำความรักให้มันดียิ่งขึ้น


กติกา..การปรับความสัมพันธ์


คือ...ควรใช้ชีวิตโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกัน


ให้โอกาสกันและกันได้ลองไปใช้ชีวิตในโลกของตัวเอง


ไปทำความสะอาดหัวใจให้ใสสะอาดขึ้นไม่รก ไม่วุ่นวาย


ไม่ทำให้ปวดหัวเหมือนเดิมอีก



ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้