ขอกล่าวย้อนหลังถึงประวัติหลวงพ่อพระศรีอาริย์ ที่ถูกขโมยไปถึง ๓ ครั้ง
ในครั้งที่ ๑ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ ถูกขโมยเอาหลวงพ่อพระศรีอาริย์ ไปจมน้ำไว้ในหนองน้ำแห่งหนึ่งในเมืองอุดรธานีข้างวัดโพธิสมพร เพื่อรอโอกาสเคลื่อนย้ายไปขายต่อ ในช่วงนั้นเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายวัน จนเกิดน้ำท่วมเมืองอุดรธานีในเดือนเมษายน ซึ่งมิใช่ฤดูกาลที่น้ำจะท่วม จึงมีคนหาหมอทรงดู ปรากฏว่าหมอทรงทายทักว่า มีขโมยนำเอาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มาจมน้ำไว้ในสระใหญ่ในเมืองอุดรธานี จึงได้ให้คนลงค้นหาดูในสระที่ใหญ่ๆ หลายแห่งในบริเวณนั้น ปรากฏว่า ได้ค้นพบองค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์อยู่ในสระน้ำใหญ่แห่งนั้น จึงได้ทราบว่าเป็นพระพุทธรูปที่หายไปจากวัดดงแขม อำเภอเมืองหนองคาย จึงได้อัญเชิญกลับมาประดิษฐานที่วัดดงแขมอย่างเดิม
ในครั้งที่ ๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗ เดือนมิถุนายน เวลาประมาณ ๐๔.๐๐ น.เศษ องค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์ได้ถูกขโมยไป และในเวลาเช้าของวันเดียวกันนั้น เวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น.เศษ เจ้าของที่นา ที่ติดอยู่กับถนนสายที่จะไปอำเภอบ้านผือได้ไถนาอยู่บริเวณนั้น เกิดปวดท้องถ่ายขึ้นจึงเข้าไปในป่าละเมาะปลายนา เมื่อถ่ายเสร็จแล้ว สังเกตเห็นรอยขุดหลุมฝังสิ่งใดสิ่งหนึ่งยังใหม่ๆ อยู่และมีคราบเลือดติดอยู่ที่บริเวณนั้นด้วย คงมีคนถูกฆ่าตายแล้วเอาศพมาฝังไว้ที่นาของตนก็เกิดความกลัวว่าจะมีความผิดไปด้วย จึงรีบไปแจ้งความกับผู้ใหญ่บ้านของตนทราบ และแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอุดรธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งแล้วได้รีบรุดไปตรวจดูสถานที่เกิดเหตุทันที เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงมือขุดจึงรู้ว่าเป็นองค์พระพุทธรูป จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองอุดรธานี ในวันต่อมาจึงทราบว่าเป็นพระพุทธรูปของวัดดงแขมคือหลวงพ่อพระศรีอาริย์ที่หายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรอำเภอเมืองหนองคาย พร้อมด้วยกำนันผู้ใหญ่บ้านในเขตตำบลสระใครและชาวบ้าน ได้อัญเชิญกลับมา และเพื่อความปลอดภัยจึงได้อาราธนาองค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์ประดิษฐานจำพรรษาที่สถานีตำรวจภูธร อำเภอเมืองหนองคายจนครบไตรมาส ๓ เดือน เมื่อออกพรรษาแล้วจึงได้อัญเชิญกลับมาประดิษฐานที่อุโบสถวัดดงแขมอย่างเดิม
ในครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๒ เวลาประมาณ ๐๒.๐๐ น.เศษ หลวงพ่อพระศรีอาริย์ได้ถูกขโมยไปอีก โดยใช้เครื่องมือตัดกุญแจประตูหน้าพระอุโบสถ และตัดกุญแจประตูเหล็กชั้น ๒ แล้วตัดกุญแจชั้นที่ ๓ หน้าอุโมงค์อันเป็นที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์ ทางวัดมฤคทายวัน (ดงแขม) จึงได้ไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรอำเภอเมืองหนองคาย เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยเฉพาะกิจโดยการนำของ ร.ต.อ.วิทยา สมรไกรสรกิจ ได้ติดตามสืบหาจนกระทั่งสืบรู้แน่ชัดแล้วว่าร้านรับซื้อวัตถุโบราณส่งออกไปขายต่างประเทศ ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ร้านนี้รับซื้อไว้จึงได้วางแผนและทำการจับกุมจนสำเร็จ นำตัวผู้ต้องหารับซื้อของโจรไปฝากขังที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองหนองคาย องค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์ถูกขโมยไปครั้งนี้เป็นเวลานานถึง ๒๐ วัน จึงติดตามคืนมาได้ เพราะด้วย “บุญบารมีธรรมและความศักดิ์สิทธิ์ขององค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์” จึงได้มีเทวาอารักษ์ให้ความคุ้มครองปกป้องรักษามาโดยตลอด ดังนั้น พระเดชพระคุณท่านหลวงพ่อพระครูอภัยธรรมรักขิต (หลวงพ่อเชิดศักดิ์ โชติปาโล) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดหนองคาย จึงได้ดำเนินการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้นแทนหลังเก่าซึ่งชำรุดทรุดโทรม ให้มีความมั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้นดังที่ได้เห็นอยู่ปัจจุบันนี้ อีกทั้งได้สร้างศาลาการเปรียญฯ ศาลาวิหารฯ ศาลาพิพิธภัณฑ์ฯ ตลอดจนกุฏิวิปัสสนากรรมฐานฯ และอื่นๆ อีกซึ่งกำลังดำเนินการก่อสร้างให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป
ตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบต่อกันมา วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ ของทุกๆ ปี ชาวพี่น้องในท้องถิ่นและชาวหนองคาย ชาวอุดรธานี ตลอดจนที่อยู่ต่างจังหวัดที่ทราบและรู้ข่าว ต่างก็มานมัสการคารวะกราบไหว้ สรงน้ำ ปิดทององค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์ สมาทานรักษาศีล ฟังธรรม และบริจาคทาน เพิ่มบุญเพิ่มกุศลแก่ตน เพื่อความเจริญรุ่งเรือง ความรุ่งโรจน์ ความปลอดภัย ความร่มเย็นเป็นสุขในชีวิตของตนและครอบครัวให้ยิ่งๆ ขึ้นไป สาธุ สาธุ สาธุ.
มณฑปที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระศรีอาริย์ ล้อมด้วยลูกกรงเหล็ก ใส่กุญแจ อย่างแน่นหนาแข็งแรง
พวงมาลัยของผู้มากราบสักการะองค์หลวงพ่อ แขวนไว้รายรอบลูกกรงเหล็ก
[
ขอขอบคุณ มิตรรุ่นพี่ชาวจังหวัดอุดรธานีอนุเคราะห์เอกสาร "ประวัติหลวงพ่อพระศรีอาริย์"
อันเป็นประโยชน์ต่อการเผยแพร่ประวัติแห่งองค์หลวงพ่อ และเป็นผู้ที่ได้กรุณาเล่าประวัติหลวงพ่อพระศรีอาริย์ นอกเหนือจากที่กล่าวไว้ข้างต้น ที่มีผู้รับทราบไม่มากนักและยังไม่มีผู้ใด
นำเรื่องดังกล่าวออกเผยแพร่สู่สาธารณชน (ท่านได้รับฟังจากคุณพ่อของท่านซึ่งเสียชีวิตไปนานแล้ว และเป็นผู้สนิทคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับอดีตหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดดงแขม)
อาทิ หลวงพ่อถูกโจรกรรมในครั้งที่ ๓ มีการขนย้ายหลวงพ่อพระศรีอาริย์ขึ้นเครื่องบิน เตรียมนำไปขายยังต่างประเทศ แต่เกิดเหตุการณ์ประหลาด "เครื่องบินสตาร์ทไม่ติด"
ไม่สามารถนำเครื่องขึ้นบินได้ ต้องถ่ายเทผู้โดยสารและสัมภาระต่างๆ จึงพบองค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์อยู่ในเครื่องบินลำนั้น อันเป็นมูลเหตุให้ได้รับทราบและสืบเสาะจนได้ ตัวผู้ร้าย ฯลฯ
|