เอกสารสำเภาแห่งกษัตริย์สุลัยมาน ที่เรียบเรียงโดยอาลักษณ์ในคณะทูตเปอร์เซียที่เดินทางเข้ามาในกรุงศรีอยุทธยาเมื่อ ค.ศ. 1685 (พ.ศ. 2228) ก็ได้บรรยายถึง “แขนลาย” ไว้ว่า
“มีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความจงรักภักดีและความกล้าหาญของพวกเขา สมาชิกของคณะคนชั้นนำเหล่านี้เด่นดังอยู่เหนือทหารคนอื่นๆ ของกษัตริย์และความอาจหาญและดุดันของพวกเขานั้นมีชื่อเสียงมาก จนถึงกับถูกนับว่าอยู่ในหมู่ผู้ใกล้ชิดอันเป็นที่ไว้วางใจและเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์ด้วย
ราชองครักษ์เหล่านี้ได้ขอร้องให้ได้มีเครื่องหมายบางอย่างที่โดดเด่นเพื่อรับรองตำแหน่งอันสูงส่งของพวกเขา เป็นเครื่องหมายที่จะไม่มีวันตกอยู่ใต้อิทธิพลของการรุกล้ำแห่งกาลเวลา เนื่องจากว่าพวกเขามิได้สวมเสื้อผ้าหรือเสื้อเกราะ พวกเขาจึงได้สักร่างกายของตนเองเป็นถ้อยคำบางอย่างด้วยตัวอักษรของพวกเขาเอง เหมือนกับที่ชาวเตอร์กและชาวอาหรับเผ่าเบดูอินซึ่งตกแต่งตัวเองด้วยจุดและเส้นสายต่างๆ ในบรรดานายทหารยศสูงสุดและมีหน้าที่จับกุม ทรมาน และประหารชีวิตนั้นมีบางคนที่มีเครื่องหมายเช่นนี้ อยู่บนแขนขวา ส่วนบางคนก็สักไว้ที่แขนซ้าย ผู้ที่ทำงานเป็นม้าใช้และทำงานในหน่วยงานเกี่ยวกับถนนหนทางขะมีเครื่องหมายพิเศษของพวกเขาเอง ตำแหน่งเหล่านี้ทั้งหมดสืบมรดกจากบิดาไปถึงบุตร
เพื่อมาตรการแห่งความปลอดภัย องครักษ์ที่ได้รับเลือกเหล่านี้มีที่อยู่ อยู่ใกล้กับที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดิน เช่นเดียวกับพวก ชาวเติร์กเผ่าหนึ่งในสมัยราชวงศ์เศาะฟาวียะฮ์ของเปอร์เซีย” สำหรับเรื่องการสักของพวกแขนลาย น่าจะมีการสักหลายแบบ โดยอย่างที่กล่าวไปว่ามีทั้งสักสีน้ำเงินและสีแดง และในสมุดภาพไตรภูมิกรุงธนบุรีที่อยู่ที่กรุงเบอร์ลินปรากฏภาพบุคคลที่สันนิษฐานว่าเป็นภาพแขนลายหรือไพร่หลวงล้อมวัง สักตั้งแต่หัวไหล่ลงไปถึงหลังมือ แต่เข้าใจว่าในสมัยรัตนโกสินทร์ไม่ได้คงรูปแบบการสักทั้งแขนอย่างโบราณไว้แล้ว เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชาธิบายว่า “ไพร่หลวงล้อมวังสักที่รักแร้แปลกกว่าไพร่กรมอื่นๆ” จึงเข้าใจว่าสมัยหลังเปลี่ยนมาสักที่รักแร้ ถึงสมัยรัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2414 มีการปฏิรูปกองทัพใหม่ กองทหารล้อมวังจึงถูกยกไปรวมเข้ากับกรมทหารหน้า จนถึง พ.ศ. 2423 จึงแยกจากกรมทหารหน้ามาเป็นกรมอิสระ ฝึกหัดแบบยุโรป เรียกว่า “กรมทหารล้อมวัง” หลังจากนี้มีการปรับเปลี่ยนชื่อกรมอีกหลายครั้ง จนมาถึงปัจจุบันก็คือ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) นั่นเอง อ้างอิงข้อมูลจาก
– www.facebook.com/WipakHistory/posts/1462484530481679
– กฎหมายตรา 3 ดวง ฉบับพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองแก้ไขปรับปรุงใหม่ เล่ม 1
– ความสัมพันธ์ อิหร่าน-ไทย ทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
– จดหมายเหตุการเดินทางสู่ประเทศสยาม ครั้งที่ 1 และ จดหมายเหตุการเดินทางครั้งที่ 2 ของบาทหลวงตาชารด์ แปลโดย สันต์ ท. โกมลบุตร
– จดหมายเหตุ ลา ลูแบร์ ราชอาณาจักรสยาม แปลโดย สัน ท. โกมลบุตร
– จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแถลงพระบรมราชาธิบายแก้ไขการปกครองแผ่นดิน
– ทิพากรวงศ์, เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4
– ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 23 จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดชฯ ผู้บังคับการพิเศษกรมทหารราบที่ 4 โปรดให้พิมพ์ประทานในงานฉลองโล่ห์ที่จังหวัดราชบุรี เมื่อปีระกา พ.ศ. 2564
– ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 64 พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ ( เจิม ) เจ้าภาพพิมพ์ในงานปลงศพ คุณหญิงปฏิภานพิเศษ ( ลมุน อมาตยกุล ) ณ วัดประยุรวงศาวาส วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2479
– ลัทธิธรรมเนียมต่าง ๆ ภาคที่ 19 ตำราแบบธรรมเนียมในราชสำนัก ครั้งกรุงศรีอยุธยา พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพ ท่านผู้หญิงยมราช (ตลับ สุขุม) วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2474
– Chris Baker, Dhiravat Na Pombejra, Alfons Van Der Kraan, David K. Wyatt. Van Vliet’s Siam ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : TNews
|