ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3960
ตอบกลับ: 3
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ที่มาของ "เบี้ยแก้"

[คัดลอกลิงก์]



พันธุ์แท้พระเครื่อง

โดย   ราม วัชรประดิษฐ์

"เบี้ยแก้" ชื่อเรียกวัตถุมงคลชนิดหนึ่งที่ผู้คนให้ความนิยมและศรัทธามาแต่โบร่ำโบราณ ว่ามีความเข้มขลัง สามารถป้องกันสิ่งเลวร้ายและภยันตรายต่างๆ ได้ฉมังนัก


แต่เดิม "เบี้ย" คือ เปลือกหอยที่พ่อค้าชาวอาหรับและเปอร์เซียโบราณที่ค้าขายแถบชายฝั่งทะเล นำเข้ามายังดินแดนสุวรรณภูมิ


เนื่องจากเปลือกหอยดังกล่าวมีความสวยงามคงทนและหายาก ระยะแรกนำมาใช้เป็นเครื่องประดับ โดยนำมาจากหมู่เกาะมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่เกิดจากปะการังจำนวนมาก


นอกจากนี้ยังปรากฏมีการนำหอยเบี้ยจากฟิลิปปินส์เข้ามาด้วย ต่อมาจึงหามาแลกข้าวของสินค้าจนนิยมกันใช้เป็นเงินตรา ปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกสมัยสุโขทัยกล่าวถึง "พนมเบี้ย พนมหมาก พนมดอกไม้" ซึ่งหมายถึง การนำเบี้ยมากองเป็น "พนม" หรือ "ภูเขา" เล็กๆ ลักษณะเหมือนบายศรี


เมื่อ "เบี้ย" ถูกนำมาใช้เป็นเงินตรา เบี้ยจึงมีความสำคัญและผูกพันกับคติความเชื่อว่าเป็นสิ่งที่สามารถใช้แก้บน ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวาอารักษ์ ตลอดจนผีสางนางไม้ได้








ตัวอย่างเช่น ในงานวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนได้กล่าวถึงตอนนางเทพทองจะคลอดขุนช้างว่า "บ้างก็เสกมงคลปลายข้าวสาร เอาเบี้ยบนลนลานเหน็บฝาเกลื่อน" และยังนิยมนำเบี้ยจั่นมาทำเครื่องห้อยในแบบเครื่องรางโดยประดับอัญมณี


จนในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยความเกรงว่าเครื่องห้อยหากประดับอัญมณีมีค่าดังกล่าวสืบทอดไป คนจะเข้าใจว่าเป็นราชตระกูล และอาจมีปัญหาเรื่องโจรผู้ร้าย ถึงกับมีประกาศห้ามราษฎรประดับประดาเหรียญเสมาห้อยคอและภควจั่น ด้วยเพชรพลอยและลงยาราชาวดี (การลงยาสีน้ำเงินหรือสีฟ้า อันเป็นสีในพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ จนเป็นธรรมเนียมการนับเป็นสีกษัตริย์เรียกว่าสีราชาวดี)


ดังนั้น จึงอาจอนุมานได้ว่าคำว่า "เบี้ยแก้" เดิมมาจากคำว่าเบี้ยแก้บน เนื่องจากใช้เป็นเงินบนบานศาลกล่าว และเกิดสัมฤทธิผลความหมายจึงพ่วงการแก้ไขจากร้ายให้กลายเป็นดี จึงมีอานุภาพทางแก้กันสิ่งอาถรรพ์ ที่จะให้โทษและทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตน





อีกทั้งคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ ให้ความสำคัญกับหอยทะเลโดยกล่าวถึง "สังข์อสูร" ที่ลักลอบกลืนคัมภีร์พระเวทของพระพรหมลงไป ร้อนถึงพระนารายณ์ต้องตามมาล้วงคัมภีร์จากท้องหอยสังข์ จึงบังเกิดเป็นร่องพระดัชนีจากพระหัตถ์ขององค์นารายณ์บริเวณร่องกลางของ เปลือกหอยส่วนท้อง พราหมณ์อินเดียจึงเคารพและนำหอยสังข์ที่มีต้นกำเนิดอยู่ในมหาสมุทรอินเดียมา ประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์

นอกจากนี้ยังมีหอยทะเลที่เรียกว่า "เบี้ย" ยังได้รับความเคารพจากพวกพราหมณ์ในฐานะสัญลักษณ์แห่ง "ศักติ" อันเป็นลัทธิที่บูชาเทวสตรี เช่น พระลักษมี พระอุมา พระสรัสวดี เรียกกันว่า "ภควจั่น" ซึ่งมาจาก ภควดี หมายถึง อิตถีเพศที่ควรเคารพบูชา ลักษณะของหอยเบี้ยนั้นจะเป็นหอยทะเลกาบเดี่ยว เปลือกแข็ง หลังอูมนูน ส่วนท้องแบนเป็นช่อง ปรากฏรอยขยักคล้ายฟันเล็กๆ บ้างรู้จักกันในชื่อ หอยจั่น หรือหอยจักจั่น และหอยพลู มีหลายขนาดตั้งแต่ใหญ่กว่าหัวแม่มือและขนาดเล็กกว่าปลายนิ้วก้อย


"เบี้ยแก้" นับเป็นเครื่องรางของขลังที่เกิดจากภูมิปัญญาพระเกจิคณาจารย์ของไทยโดยแท้ การสร้างสรรค์คัดเลือก "หอยเบี้ยจั่น" ที่ต้องมีฟันครบ 32 มาลงคาถาอาคม กรอกปรอทลงในตัวเบี้ย ปิดปากด้วยชันโรง ห่อด้วยแผ่นตะกั่ว ลงอักขระเลขยันต์ ห่อหุ้มด้วยด้ายถัก ปิดท้ายด้วยการลงรักเพื่อการเก็บรักษา ทุกขั้นตอนดังกล่าวจะต้องมีการบริกรรมคาถาเพื่อสร้างความเข้มขลังตลอดพิธีกรรม โดยแต่ละเกจิก็จะมีเคล็ดวิชาอาคมที่แตกต่างกันไป


สำหรับความเข้มขลังของ "เบี้ยแก้" ก็คือ การแก้การป้องกันคุณไสย สิ่งเลวร้ายต่างๆ ไม่ให้เข้ามากล้ำกราย รวมถึงเมตตามหานิยม





"ปรอท" คือแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติมีความหนักแต่เป็นของเหลว มวลของปรอทจะแน่นหนามาก คุณสมบัติอย่างหนึ่งของปรอทก็คือ การแยกสิ่งที่แปลกปลอมให้ออกไปให้พ้นไป และยังใช้ในการรักษาโรคต่างๆ อีกด้วย คนโบราณจะโปรยปรอทไว้รอบๆ บ้านเพื่อไล่ธาตุที่แปลกปลอม เสนียดจัญไรต่างๆ

ส่วน "ชันโรง" คือรังของสัตว์มีปีกอยู่ในตระกูลผึ้งแต่ตัวมีขนาดเล็ก จะถ่ายมูลทำรังตามต้นไม้ กิ่งไม้ และใต้ดินทำนองปลวก มีลักษณะเหนียวคล้ายชัน สีน้ำตาลเข้ม นับเป็นวัสดุอาถรรพ์ที่นำมาใช้อุดไม่ให้ปรอทหนีออกจากตัวเบี้ย บางสำนักก็ใช้อุดใต้ฐานพระเมื่อบรรจุเม็ดกริ่ง แผ่นยันต์หรือพุทธาคมต่างๆ


เกจิ อาจารย์ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือทางด้านการทำเบี้ยแก้ได้แก่ หลวงปู่รอด วัดนายโรง บางกอกน้อย กทม., พระพุทธวิถีนายก (บุญ ขันธโชติ) หรือหลวงปู่บุญ หลวงปู่ทอง หลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว นครชัยศรี นครปฐม, หลวงปู่แขก วัดบางบำหรุ กทม. ฯลฯ ซึ่งแต่ละสำนักล้วนแล้วแต่มีกรรมวิธีการจัดสร้างเบี้ยแก้ตามสูตรโบราณ และมีพุทธคุณเป็นที่ประจักษ์แก้ไขสิ่งเลวร้ายให้กลายเป็นดีสมดังชื่อจริงๆ ครับผม


http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1433694799
ขอบคุณครับ ที่นำมาให้อ่าน
ขอบคุณครับผม
ขอบคุณคับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้