ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 8460
ตอบกลับ: 21
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มหัศจรรย์จากการทดลองพลังปิรามิด

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย oustayutt เมื่อ 2013-4-17 09:15

ในสหรัฐมีการวิจัยค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะครับ จนกระทั่งมีการคั้งศูนย์วิจัยเกี่ยวกับปิรามิดขึ้น    ดร. โบริส เวอร์น (Dr. Boris Verm) ผู้อำนวยการโครงการวิจัย ได้ทำการทดลอง โดยใช้ปิรามิดจำลอง ความสูงเพียง 10 นิ้ว ขึ้นแรก เขาใช้ไข่ดิบ วางไว้ในปิรามิดจำลอง และหลังจากนั้นก็คือ ไข่ได้เกิดการแข็งตัว และเหือดแห้งภายในเวลาเพียง 3 สัปดาห์ เท่านั้นเอง ครับ และปรากฏว่า เชื้อราต่าง ๆ ที่มักจะเกิดตามเปลือกไข่ไม่เติบโตขึ้นเลย และหากนำไปไว้นอกปิรามิด แล้วเชื้อราจะเติบโตอย่างรวดเร็วครับ การทดลองอันนี้ ได้ทดลองซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง และใช้วัสดุอื่น ๆ เช่น ดอกไม้ ผลไม้ ผัก และสัตว์ต่าง ๆ เช่นปลา และแมลงต่าง ๆ
อีกท่านหนึ่งคือ เวอร์น คาเมรอน นักวิจัยชาวคาลิฟอร์เนีย ทำการทดลองกับเนื้อหมู กับปิรามิดจำลอง โดยทดลองกับเนื้อหมู ประมาณ 2 ออนซ์ (56.6 กรัม) และไขมันดิบ อีก 1 ออนซ์ (28.3 กรัม) และวางไว้ในปิรามิดจำลองอีกแล้ว และที่ที่จะทำให้มันเน่าเปื่อยได้เร็วที่สุด เขานำปิรามิดจำลองนี้ ไปแว้ใน ห้องน้ำครับ ต่อมาเขาก็นำไปไว้ในห้องที่มีอากาศร้อน และห้องที่มีไอน้ำมาก เพื่อให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง
     ในการเฝ้าดู แล้ว เขาสังเกต ว่าวันที่ 3 จะมีกลิ่นเหม็น จากเนื้อหมู คล้าย ๆ กับจะมีการเน่าเปื่อยเกิดขึ้น แต่พอ 6 วัน กลิ่นนั้น ก็หายไป และเนื้อหมู แห้งโดยไม่มีการเน่าเปื่อยเลย ครับ เป็นเวลาหลายเดือน เนื้อหมูก็ไม่เน่าเปื่อย สามารถยังนำมาทานได้อีก


      คาเมรอนยังได้ทดลองกับแตงโมอีก ก็วางไว้ในปิรามิดจำลองเช่นเดิม ไว้ในห้องน้ำอีกครั้งครับ จากนั้นเพียง 2-3 วัน ปรากฏว่า แตงโม จะเหือดแห้ง แต่ยังสามารถทานได้และไม่เน่าเปื่อยครับ นอกจากนั้นเขาก็ยังทดลองกับ น้ำนม หรือของเหลวอื่น ๆ อีกมากมายครับ

เขาพยายามค้นหาสาเหตุเขาจึงได้ประดิษฐ์ เครื่องวัดแสงรังสี (Aurameter) ขึ้น ใช้สำหรับวัดรังสี สนามพลังของวัตถุ เขากล่าวว่า พลังงานที่แผ่ขยายจากยอดปิรามิด จำลองอันเล็ก ๆ มีลักษณะคล้ายกับโครงสร้างของหินชั้นบนของปิรามิด ซึ่งมีสนามพลังแผ่กระจายลงมาถึงฐาน ลงมาเป็นแนวตั้ง
พลังปิรามิด แห่งอียิปต์ เซอร์ ดับบลิว ซีแมนส์
อีกหนึ่งความสามารถของปิรามิดในการแสดงปฏิกิริยา เหมือนเครื่องสะสมไฟฟ้าสถิตครับ
เซอร์ ดับบลิว ซีแมนส์ นักประดิษฐ์ค้นคว้า ชาวอังกฤษ เขาเคยไปสัมผัสกับความลึกลับของมหาปิรามิด ในอียิปต์มา ในขณะที่เขายืนอยู่ภายใน ห้องเก็บศพอียิปต์ ตรงกับยอดของปิรามิด เขาพบว่า เมื่อใดที่เขาชูมือทั้งสองข้างขึ้นและกางนิ้วออก โสตประสาทของเขาได้ยินเสียงกังวาลเบา ๆ จากเบื้องบน ของปิรามิด แต่ที่น่าตกใจอีกแล้ว เขายกมือขึ้นแล้วใช้นิ้วชี้ตรงไปยังยอดของปิรามิดเขามีความรู้สึกคล้าย ๆ กับ ถูกเข็มจิ้มที่ปลายนิ้ว ครับ ต่อมา เขาก็ ยกขวดไวน์ ที่ติดตั้ง ดื่มแก้กระหาย ก็เกิดอาการกระตุกบริเวณปากขวด ขณะแตะริมฝีปาก และเขาใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ที่เปียกชื้นพันรอบ ๆ ขวด ปรากฏว่า มีการอาการกระตุก เกิดจากไฟฟ้า และขวดไวน์นั้นก็กลายเป็นเครื่องสะสมไฟฟ้าที่เรียกว่า ลีเดน จาร์ (Leyden Jar)
ลีเดน จาร์ เป็นเครื่องทดลองสะสมไฟฟ้ายุคแรกที่ประกอบด้วย ขวดแก้วมีแผ่นดีบุกไว้ทั้งภายในและภายนอก แผ่นดีบุกที่อยู่ข้างในติดกับแท่งโลหะ มีปลายเป็นปุ่มโลหะ

    นักฟิสิกส์ หลายคนเชื่อว่า ปิรามิดไม่เพียงแต่จะเป็นสิ่งสะสมพลังงานเท่านั้นครับ มันยังสามารถกระจายพลังอำนาจต่าง ๆ ออกไปอีกด้วย จากวัตถุ ใด ๆ ก็ตามที่มีการสั่นสะเทือนของคลื่นความถี่แห่งพลังงาน นั้น ๆ ก็จะมีความสามารถเกิดปฏิกิริยาทางฟิสิกส์ขึ้นมาครับ คลื่นความถี่นี้ จะปรับกับระหับความถี่ของธรรมชาติ เช่นพลังงานแม่เหล็กโลก พลังงานคอสมิก จนกระทั่งก่อนให้เกิดพลังงานชนิดใหม่ขึ้นมา ครับ น่าทึ่งจริง ๆ





2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-17 09:17 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


http://www.clipmass.com/story/40429

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-17 09:20 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ความมหัศจรรย์ของพลังปีรามิดที่เราคาดไม่ถึง
หลังจากที่ได้ฟังคำบรรยายจาก ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา เรื่องพลังพีระมิดในรายการ “คุยไปแจกไป”แล้ว ก็ทำให้รู้สึกทึ่งและนึกสนใจอยากจะรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพลังพีรามิดในมุมที่กว้างขึ้น และแล้วผู้เขียนก็ได้พบขุมทรัพย์ทางปัญญาที่ตอบปัญหาทุกอย่างที่นึกสงสัยอยู่พอดี กับกระทู้ที่ท่านอ.เมาเท่น ได้โพสต์ไว้ใน http://ufokaokala.com/index.php?topic=614.0 เกี่ยวกับพลังพีรามิด และข่าวดีสำหรับทุกท่านที่เข้ามาอ่านเว็บบ้านสวนพีระมิดทุกท่านว่า ท่านสามารถสร้างพีระมิดได้ด้วยตัวท่านเอง  ผู้เขียนลองทำดูแล้วได้ผลจริงๆ แต่ต้องทำให้ได้ตามสัดส่วนและมุมตามที่แนะนำไว้  ขออนุญาตแนะนำทุกท่านว่า อ่านให้จบนะคะ ถ้าเห็นว่ายาวเกินไป ก็ค่อยๆเข้ามาอ่านวันละนิดวันละหน่อย จะได้ไม่พลาดสาระสำคัญค่ะ


ปิรามิด พลังงานและความลับของจักรวาล
หลายปีมานี้รูปทรงของตัวปิรามิดเองได้สร้างประสบการณ์ และความสนุกทางด้านพลังงานให้กับผู้สนใจและทดลองใช้มากมายทำให้กลายเป็นจุดสนใจต่อผู้คนต่างๆทั่งโลกที่จะค้นหาพลังที่แท้จริงของมันว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร? ฃึ่งส่วนมากได้นำไปทดลองใช้ในด้านต่างๆแล้วได้ผลดีมากมาย ตัวอย่างเช่น...

ด้าน อาหาร,การเกษตร และการเลี้ยงสัตว์
การนำพืชอาหารหรือสิ่งมีชีวิตที่เติบโตได้ ไปเลี้ยงดูในปิรามิด ผลที่ได้รับคือ :
-
อาหารยังคงสด ได้ยาวนานกว่าดิม 2-3 เท่า
-
อาหารเปลี่ยนรสชาติไปโดยรสในธรรมชาติจะถูกขยายให้แรงขึ้น ความเป็นกรดจะลดลง
-
กลิ่นอาหารที่ถูกปลอมปน จะจางหายไป
-
ปิรามิดจะขจัดน้ำออก ทำให้แห้งแต่ไม่เน่าเสียหยุดการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ได้
-
การเลี้ยงกุ้งน้ำเค็ม ปกติมีอายุ 6-7 สัปดาห์ แต่ภายในปิรามิดอายุเกินไปถึง 3 เท่า
-
สัตว์ที่อาศัยอยู่รอบๆบริเวณ นิสัยไปในทางบวก แมวกับหมาอาศัยอยู่ร่ามกันได้อย่างประหลาด

ด้าน การแพทย์
-แผลที่เย็บหายไว และติดกันเร็วขึ้น2เท่า
-
ความดันโลหิตที่ผิดปกติ กลับมาสู่จุดสมดุลย์ได้
-
คนที่เฉี่อยชา กลับดูกระฉับกระเฉงขึ้น
-
ผู้ที่มีอาการทางสมอง มีผลลัพธ์ไปในทาวบวกเร็วขึ้น
การนั่งสมาธิกับ ปิรามิด
-คลื่นสมองอัลฟาเพิ่มขึ้น
-
สงบนิ่ง ดิ่งลงลึกมากกว่าเดิม
-
เมื่อถ่ายภาพด้วยกล้องแสงออร่า แสงสว่างปรากฎเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ผลอื่นๆ ที่เกิดขึ้น....
-
บางคนมีอาการปวดเสียวคล้ายหนามแทงบนผิว (เป็นกระแสไฟฟ้าอ่อนๆที่ผิวหนัง)
-
บางคนมีอาการคลื่นไส้เนื่องจากสารพิษในร่างการถูกขับออกมา
-
อุณหภูมิร่างายเพิ่มสูงขึ้น (เหมือนได้ออกกำลังกาย)
-
การบิดเบือนกาลเวลาให้ช้าลง (เข้าไปใช้ในช่วงสั้นๆแต่กลับรู้สึกว่าได้พักผ่อนเต็มที่)
ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังของปิรามิด กล่าวไว้ว่า....
เหตุทีเป็นเช่นนั้นอาจเนื่องมาจาก รูปทรงของมันสามารถขยายคลื่นสัญญาณได้ โดยมีตัวเราเป็นผู้ส่งคลื่นคล้ายเครื่องรับและเครื่องส่งโดยปิรามิดพยายามสร้างแรงสั่นสะเทือนเคลื่อนย้ายอะตอมที่เป็นส่วนเกินออกไปคงให้เหลือไว้เฉพาะอะตอมต้นกำเนิดเท่านั้น ธาตุของคลื่นผู้ส่งและมุมเวกเตอร์ของปิรามิด สร้างรูปแบบของพลังงานให้เกิดความถี่สั่นสะเทือนและขยายให้แรงขึ้น ใหญ่ขึ้นได้และจัดเรียงโมเลกุลใหม่ เช่นโมเลกุลของธาตุน้ำทรงแปดเหลี่ยมให้เป็นแบบแถวเดี่ยวอีกครั้ง...



มหาปิรามิด
ปิรามิดองค์ใหญ่ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุด ในการสร้างปิรามิดทั้งหมดและคุณภาพเดิมคาดว่า สูง 481.4 ฟุต แต่เวลาผ่านมานาน เหลือเพียง 450 ฟุตเนื้อที่ปกคลุม ถึง 13.4 เอเคอร์ ฐานด้านตะวันออกยาว 755.88 ฟุตฐานด้านตะวันตกยาว 755.77 ฟุต ฐานทิศเหนือยาว 755.43 ฟุต และทิศใต้ยาว 756.08 ฟุต แม้แต่ละด้านยาวไม่เท่ากัน แต่ด้านที่สั้นที่สุดกับด้านยาวที่สุดมีเพียง 7.9 นิ้วเท่านั้น เอียงฐานไปยังยอดแหลมเป็นมุม 51 องศา 52 ลิบดาโครงสร้างของปิรามิดทั้งหมดหันไปทางตามทิศเหนือ-ใต้ ออก-ตก ถูกต้องตามความเป็นจริง แต่เมื่อเร็ว ๆนี้ได้มีการสำวจอีกครั้งหนึ่งพบว่าองค์ปิรามิดได้เบี่ยงเบนจากเดินเล็กน้อย คือ
ด้านเหนือ เบี่ยงเบนจากเดิมไป 2’28” ลงไปทางด้านตะวันตกเฉียงใต้
ด้านใต้ เบี่ยงเบน ไป 1’57” ลงไปทางตะวันตกเฉียงใต้
ด้านตะวันออก เบี่ยงเบน 5’30” ไปทางตะวันตกจากทิศเหนือ
ด้านตะวันตก เบี่ยงเบน 2’30” ไปทางตะวันตกจากทิศเหนือ
แต่ทฤษฏีดังกล่าวไม่ใช่ความผิดพลาดของผู้สร้างเลย สาเหตุมาจาก การเคลื่อนตัวของแผ่นดินการหมุนของโลก ทำให้เปลือกโลก เกิดรอยแตกมีการเคลื่อนตัวในแนวราบและแผ่นดินไหวทำให้แผ่นดินหันเห จากผลของแผ่นดินไหวและยุบตัวลงไป ซึ่งเกิดขึ้น ในปี 908 ก่อนคริสตกาล

โครงสร้างของมหาปิรามิด
วิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยยังไม่สามารถเปิดเผยความเร้นของของปิรามิดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง สถาปนิก วิศวกรตลอดจนนักโบราณคดีไม่สามารถคำนวหินขนาดใหญ่ที่นำมาก่อนสร้างได้อย่างถูกต้อง ที่ผ่านมาเป็นเพียงการคาดคะเนเท่านั้น เช่น การสร้างปิรามิดองค์ใหญ่นั้น สันนิษฐานใช้หินขนาดใหญ่ถึง 2,300,000 ก้อน แต่ละก้อน หนัก 2 ตันครึ่ง ก้อนที่หนักที่สุดประมาณ 15 ตัน

ข้อสันนิษฐานนี้มองจากภายนอกเท่านั้นส่วนใจกลางของปิรามิดนั้นขนาดและปริมาณไม่สามารถคำนวได้อย่างถูกต้อง

ที่น่าทึ่งอย่างหนึ่ง คือ ก้อนหินที่วางเรียงรายต่อกันขึ้นเป็นแท่งหินแกรนิตหินปูนขนาดยักษ์นั้น มีรอยเชื่อมกัน ไว้อย่างถูกต้องมีขนาดกว้างไม่เกิน 1/50 นิ้วเลย

ความยาวรอบฐานปิรามิด เมื่อ หารด้วย 2 เท่าของความสูงจะฐานถึงยอดจะมีค่าเท่า พายของวงกลม (π) ซึ่งเท่ากับ 3.144

ความยาวของเส้นรอบฐานปิรามิด เมื่อนับเป็นคิวบิทวันได้ 365.24 เท่ากับ 1 ปีปฏิทินโลก ยังไม่จบ 2 เท่าของความสูงปิรามิด เมื่อคูณ ด้วย เลข 100,000 จะได้ค่าใกล้เคียงกับความยาวระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ คือ 93 ล้านไมล์โดยประมาณ

และน้ำหนักของปิรามิดเมื่อคูณด้วย 1,000,000,000,000,000 จะได้ค่าใกล้เคียงกับน้ำหนักของโลกเราโดยประมาณ

ส่วนห้องเก็บพระศพ พระราชานั้นสร้างเป็นแบบเพดานเรียบประกอบด้วยแผ่นหินขนาดใหญ่ 9 ก้อนมีน้ำหนักรวมกันประมาณ 400 ตัน วางซ้อนกันเป็นชั้น ๆ แบ่งออกเป็นช่องได้ 5 ช่อง

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-17 09:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ข้อสันนิษฐาน ความเร้นลับของปิรามิด
คนส่วนใหญ่รวมถึงผมด้วย คิดว่า ปิรามิดแห่งกีซาสร้างโดย  ฟาโรห์ คีอ๊อปส์ สร้างระหว่างปี 2686-2181 ก่อนคริสตกาล แต่ยังมีหลายความเห็นด้วยกัน  บ้างก็ว่าเก่าแก่นานกว่า 5,000 ปี เอ็ดการ์  เคย์ (Edgar Cayce)นักค้นคว้าพลังจิตชาวอเมริกัน กล่าวว่า ปิรามิด นั้นสร้างมานานกว่า 10,000 ปีผู้สร้างไม่ใช่ชาวอียิปต์  และไม่ใช่เก็บพระศพแต่เก็บรักษาคัมภีร์ทางประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติ แมนลี พีฮอลล์ (Manly p.hall)เชื่อว่า ปิรามิดสร้างโดย  ชาวแอตแลนติสที่อพยพมาจากทวีปที่หายสาบสูญเป็นเวลาหลายพันปี โดยชาวแอตแลนติส  ตระหนักถึงภัยพิบัติหายนะของอาณาจักร  จึงได้รวบรวมทรัพย์สมบัติตลอดจนคัมภีร์ทางวิทยาการด้านต่าง ๆ หนีออกมา
ความลึกลับของพลังในมหาปิรามิดยังได้รับการค้นพบกันอีกแม้แต่ผู้ที่ไม่มีความสันทัดอะไรทั้งสิ้นในเรื่องวิทยาศาสตร์และไม่เคยแม้แต่จะไปเยือนอียิปต์เพื่อมองมหาปิรามิดนี้ด้วยตนเองเสียด้วยซ้ำมีคนหลายคนที่อ้างว่าพวกตนได้ใช้วัสดุต่างๆ  เช่นกระดาษแข็ง พลาสติค หรือแม้แต่แผ่นไม้อัดมาสร้างจำลองส่วนให้เท่ากับสัดส่วนของมหาปิรามิดแห่งนี้และสามารถ ลับใบมีดโกนที่เก็บไว้ภายในให้คมกริบอย่างเดิมแม้ว่าจะใช้มันไปมากมายหลายครั้งก่อนแล้วก็ตามนอกจากนั้นภายในปิรามิดย่อส่วนของพวกตนนี้ยังเป็นที่ที่สามารถเก็บอาหารสดไว้ได้นานกว่าปกติหากใครเข้าไปนั่งอยู่ข้างในแล้วก็จะรู้สึกว่าอารมณ์สงบเยือกเย็นอย่างประหลาด และเข้าสมาธิได้ง่ายด้วย  อีกทั้งยังช่วยให้สามารถมองเห็นความเป็นไปของตนเองในอนาคตได้


ในสมัยคริสตทศวรรษที่ 1850 ชายชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อโบวีส์เป็นผู้หนึ่งที่เดินทางไปทัศนาจรมหาปิรามิดแห่งกูฟู  และก็ได้เข้าไปในห้องลับของฟาโรห์ภายในปิรามิดเขาได้เขี่ยพบของอย่างหนึ่งท่ามกลางขยะที่พวกนักทัศนาจรโยนทิ้งเอาไว้ตามทางเดินในปิรามิดมันคือซากแมวตายตัวหนึ่งซึ่งเชื่อว่าถูกทำเป็นมัมมี่ไว้ช้านานแล้วและยังคงสภาพสดๆ  เหมือนกับตายไปเมื่อไม่นานนี้เองเมื่อเขาเดินทางกลับไปถึงที่บ้านเขาได้ลองสร้างปิรามิดย่อส่วนจากมหาปิรามิดขึ้นมาอันหนึ่งบ้างและพบว่าหากเอาของสดๆเก็บไว้ในปิรามิดของเขาแล้วของสดนั้นจะอยู่นานกว่าปกติ
นานหนึ่งร้อยปีต่อมาวิศวกรชาวเชโกสโลวะเกียนายหนึ่งคือ คาเรล ดูร์บอล์  ได้ไปอ่านพบรายงานของโบวีส์เข้าตอนนั้นประเทศหลังม่านเหล็กอย่างเชคโกสโลวะเกียขาดแคลนใบมีดโกนที่ใช้โกนหนวดโกนเครากันอย่างยิ่ง  ดูร์บอลเกิดสงกาขึ้นมาว่าพลังที่ว่ามีอยู่ในปิรามิดนี้จะแปลงมาใช้กับสารพวกที่เป็นโลหะได้หรือไม่และเขาก็พบว่าคมใบมีดโกนที่เขาวางไว้ในปิรามิดที่สร้างขึ้นตามสัดส่วนของมหาปิรามิดนั้นสามารถช่วยให้ใบมีดโกนที่ใช้แล้วนั่นคมกริบขึ้นมาใหม่ได้อีกแถมยังไม่มีสนิมอีกด้วยเมื่อเขาหอบปิรามิดจำลองของเขาไปขอจดทะเบียนลิขสิทธิ์กับทางการในกรุงปรากเมื่อปี 2502 นี่เอง ทางการตอนแรกไม่ยอมเชื่อแต่เมื่อหัวหน้าวิศวกรฝ่ายตรวจสอบนำเจ้าปิรามิดย่อส่วนของเขาไปทดลองดูก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นได้จริง ดูบอล์  ได้รับลิขสิทธิ์ทะเบียนเครื่องลับใบมีดโกน  ของเขาหมายเลขที่ 91304

ทำไมมันจึงเป็นเช่นนั้นเทคนิคดังกล่าวยังไม่มีใครอธิบายได้เงื่อนงำเกี่ยวกับเคล็ดของใบมีดโกนเท่าที่รู้ๆกันมาแต่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่งจากประสบการณ์ของพวกทหารที่ทำสงครามในยุโรปก็คือหากทิ้งใบมีดโกนเอาไว้ให้อาบแสงจันทร์ตอนคืนเดือนหงายแล้ว  ใบมีดจะทื่อลื่อกันว่าเป็นพลังที่ดวงจันทร์ส่งมาถึงโลกที่สามารถลบความคมของใบมีดโกนได้แต่ทำไมปิรามิดจึงทำให้ใบมีดนั้นมันกลับคมขึ้นมาใหม่นี่ซิที่จนวันนี้ก็ยังไม่มีใครตอบถูก

อย่างไรก็ตามก็มีกฏเกณฑ์ตายตัวและเคร่งครัดที่จะให้ปิรามิดจะสำแดงพลังลึกลับออกมาดังกล่าวคือสัดส่วนความยาวของฐานกับความยาวขาฐานถึงยอดของปิรามิดนั้นจะต้องเท่ากับ 15.7 ต่อ 14.94 และจะต้องตั้งปิรามิดให้เข้ากับแนวของเข็มทิศ  คมใบมีดโกนที่จะลับจะต้องอยู่เหนือจากพื้นฐานในสัดส่วนเดียวกับความกว้างและสูงคือ 3.33 หน่วยและต้องหันทิศใบมีด ให้ตรงกับแนวตะวันออก – ตะวันตก

แม้จะไม่มีใครเข้าใจการทำงานของตัวปิรามิดแต่คนนับพันๆคนทั่วโลกพร้อมจะสบถสาบานได้ว่าตนลองทำแล้วมันเกิดขึ้นได้จริง

sphinx สฟิงค์
คือสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะ  ลำตัวเป็นสิ่งโตหมอบเพศผู้แสดงถึงอำนาจมีทั้งศีรษะมนุษย์  และหัวสัตว์ ถ้าเป็นใบหน้าคนมักจะเป็นพระพักต์ของเจ้าของสุสานนั้นๆ แสดงถึงสติปัญญา  สฟิงซ์สำหรับหน้าที่ทั่วไปมีหน้าที่เฝ้าวิหารและสุสานกษัตริย์


สฟิงซ์  ที่บริเวณ ที่ราบสูงกีซ่าเพียงตัวเดียวนี้  มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกยาว 73 เมตร สูง 20 เมตรแกะสลักจากหินปูน เพียงก้อนเดียว  ใช้พระพักต์ของเจ้าของสุสานคเฟรเป็นแม่แบบ  ซึ่งใบหน้าของเจ้าของสฟิงซ์ตัวนี้ช่างเต็มไปด้วยความรู้สึกจนได้รับสมญาว่า "โมนาลิซ่าในรูปของศิลา"นอกจากนี้ยังเป็นประติมากรรมชั้นยอดเยี่ยมที่สุดของอียิปต์  โบราณก็ว่าได้


ในสมัยธุตโมสที่ 4 ตอนนั้นสฟิงซ์ 1 พันปี ทรายกลบทีหลังคอ เหลือส่วนหัว 5 เมตร  ที่โผล่หัวพ้นทราย เฉพาะใบหน้าความยาว 4.17 เมตรเทพฮอรัสไปเข้าฝันพระองค์  ให้ช่วยทำความสะอาดเจ้าสฟิงซ์ยักษ์จึงมีการเคลียร์ทรายเป็นครั้งในประวัติศาสตร์ หลัง  จากนั้นมีการทำอีก 3-4 ครั้ง
  ที่มา  http://www.mysteriousclub.com/discuz/viewthread.php?tid=22&extra=page%3D1




5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-17 09:22 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย oustayutt เมื่อ 2013-4-17 09:39

เมื่อกี้ไปขุดหามา เจอแล้วครับใครอยากจะทดลองตามก็สร้างปิรามิดจำลองตามที่ผมบอกนครับ
อุปกรณ์มีกระดาษ A4แข็งๆ 4แผ่น ขอแข็งๆหน่อยนะคับ แบบกระดาษปกรายงานอ่ะ
แล้วก็วงเวียน
แล้วก็ปากกา
แล้วก็ไม้บรรทัด
กรรไกร

เริ่มกันเลยนะครับ
ให้ขีดเส้นขนาด 11.8 inchเป็นฐาน สามเหลี่ยม( เด๋วจะเอาสามเหลี่ยม 4 อันประกบกัน )
แล้วเอาวงเวียนไปวัดกับไม้บรรทัด ให้ได้รัศมี 11.4 inch
เอาปลายเข็มจิ้มที่ปลายเส้นตรงที่ลากไว้เมื่อกี้นี้แล้วลากวงเวียนให้ตัดกัน ( พูดง่ายๆคือสร้าง สามเหลี่ยมหน้าจั่วที่มีฐานเป็น 11.8 inchและด้านอีก 2 ด้านเป็น 11.4 inch )

สร้างสามเหลี่ยมแบบนี้อีก 4 ชิ้นครับ แล้วเอาสก็อตเทปแปะติดกันเป็นรูปทรงปิรามิด

หลังจากนั้นก็ลองไปทดลองตามที่บอกเองนะครับ หุหุ

ปล.มันเป็นอัตราส่วนนะครับ เพิ่ม+ลด ตามสะดวกได้แต่ต้องเพิ่ม-ลดตามอัตราส่วนนะครับ

6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-17 09:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ปฎิกริยาของมนุษย์ในสภาพ แวดล้อมของปิรามิด
-หลับได้สนิทภายใต้โครงสร้างรูปปิรามิด
-
ให้ความรู้สึกทั่วไปเป็นบวก
-
เมื่อหันถูกทิศทาง ระบบเลือดจะไหลเวียนได้ดีไม่อุดตัน (วางตามแนวแกนแม่เหล็กโลก)
-
ถ้ามีอาการคลื่นไส้ วิงเวียนแสดงว่าร่างการจะขับสารพิษออกมาจากร่างกาย(ไม่ต้องกลัวครั..)


การสร้างปิรามิดด้วยตัวเอง(ลองทำกันดูครับ..แล้วมาเล่าผลหรือประสบการณ์ให้ฟังกันบ้างนะครับ..)
ที่ผ่านมาได้มีการสร้างปิรามิดจำลองหลายแบบ หลายขนาด
โดยหลักๆก็คือต้องมีโครงสร้างที่ถูกต้อง (สัดส่วนและมุมที่ถูกต้องก็คือ 52.606 องศา) จะมีผนังหรือไม่มีผน้งก็ได้ บางคนสร้างครอบเตียงนอน หรือทำปิรามิดเล็กๆด้วยกระดาษสีส้มหรือแดงวางเรียงใว้ใต้เตียงเป็นแถวๆแบบอนุกรม ก็ได้ถ้ามีงบมากหน่อยก็สร้างเป็นบ้านเลยครับ..
ลืมบอกไปครับ..ถ้าวัดมุมไม่ถูกก็ใช้สัดส่วนสามเหลี่ยมนี้ครับ
สมมุตว่าฐาน 12 นิ้วส่วนมุมลาดเอียงทั้งสองด้าน= 11.5 นิ้ว
ถ้าต้องการฐาน 24 นิ้วเส้นลาดเอียงสองด้าน=23 นิ้ว
วาดบนวัสดุที่ต้องการแล้วตัดมาประกอบกันจะใกล้เคียงที่สุดครับ

การจัดแนวปิรามิด
ตามความเชื่อของคนในยุคโบราณ ที่ว่าสวรรค์และความอมตะ จะอยู่ทางทิศเหนือ จึงใช้ดาวทิศเหนือ (Polaris) เป็นตำแหน่งที่ด้านหนึ่งของปิรามิดจะต้องหันไปทางด้านนี้ชึ่งกลายเป็นว่าพลังอำนาจแม่เหล็กโลกก็มีส่วนสำคัญไปด้วยในแนวเหนือ-ใต้นี้จากการทดลองที่ผ่านมา วัสดุที่ทำจากทองแดงจะดีที่สุดและจุดที่อยู่ในตำแหน่งความสูง 1ใน3 จากพื้นจะให้พลังงานที่เข้มข้นที่สุด
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-17 09:24 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พลังอำนาจ ของรูปทรงเรขาคณิต
จั่วสามเหลี่ยมของโบสถ์
มีพลังอำนาจในการ
เหนี่ยวรั้งพลังงานลงมาที่ฐาน

ทรงกลม (ลูกนิมิตร)
เกิดจากสามเหลี่ยมหลายๆรูปมาอยู่ด้วยกัน
ช่วยกันเหนี่ยวรั้งพลังงานเข้าหาศูนย์กลางเสมอ


ฐานโบสถ์สี่เหลี่ยม
ก็มีอำนาจในการถ่ายเทพลังเข้าหาศูนย์กลางเช่นกัน

ทำไมรูปทรงปิรามิดจึงมีพลังอำนาจ?
"สี่เหลี่ยม" เมื่อเราเอามือดึงจุดตรงกลางขึ้น จะเป็นรูปทรง"สามเหลี่ยม"
ปิรามิดก็เป็นรูปทรงสามเหลี่ยม 4 ด้านประกอบเข้าด้วยกัน มีมุมถึง 12มุม
เลขฐาน 12 ถือเป็นเลขที่มีพลังสูงสุดในจักรวาล
(
ตรงนี้เป็นเหตุที่พวกชาตานใช้เลข 13 เพื่อให้ดูว่ามีพลังเหนือกว่าพระเจ้า)

ดูซิครับการวางตำแหน่งปิรามิดยังสอดคล้องกับกลุ่มดาวไถ หรือเข็มขัดนายพราน (Orion belt) อีกด้วย และเมื่อมองผ่านช่องเล็กๆจากห้องเก็บพระศพฟาโรห์ยังเล็งตรงไปที่กลุ่มดาวไถเลยครับ..
สัญลักษณ์รูปธรรมของจิตวิญญาณมนุษย์ ปกติจะมี 6 เหลี่ยมมุม
(
สามเหลี่ยมสองรูปซ้อนกัน)
หมายถึงจิตวิณญาณของเราที่แบ่งภาคออกมาตอนที่ก่อกำเนิดขึ้นมาใหม่ๆ
เหลี่ยมมุมที่มีอยู่ หมายถึงเส้นแสงที่เคลี่อนไหลไปมาอยู่ในรูปธรรม
และหมุนติ้วด้วยความเร็วที่สูงเท่ากับความเร็วแสง

เมื่อเราฝึกฝนจิตเจริญวิปัสนากรรมฐาน ละวางตัวตนได้ เหลี่ยมมุมจะเพิ่มขึ้น หมายถึงความฉลาดและปัญญาเพิ่มขึ้น จาก หกเป็นเจ็ด,แปด,เก้า เหลี่ยมมุม

8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-17 09:25 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สภาวะสุญญตา 12 เหลี่ยมมุม
(
สามเหลี่ยม 4 รูปซ้อนกัน)
ในที่สุดเมื่อเราละวางสภาวะของความเป็นมนุษย์ออกไปได้โดยสิ้นเชิง ไม่มีแม้แต่กายละเอียดหรือกายทิพย์หลงเหลือ เป็นรูปธรรมที่มีแต่ความบริสุทธิ์ล้วนๆเข้าไปรวมกับตัวตนภาคแรก(ของจิตเดิมแท้) ของตัวเราแต่เดิมได้เหลี่ยมมุมจะเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง11 หรือ 12 เหลี่ยมมุมได้นั่นคือสภาวะสุญญตาหรือสภาวะจิตนิพพาน หรือเรียกว่าหลอมรวมกับพระแม่แห่งองค์ธรรมชาติได้แต่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดรู้เป็นของตัวเอง ในทุกสิ่งทุกอย่างได้ ดังเช่นพระพุทธเจ้าของเราหลายๆพระองค์นั่นเอง

คุณสมบัติของพลังแห่งสูญญตา
เล็กละเอียดมากประกอบไปด้วยมวลอนุภาคคลื่นความถี่ทุกๆคลื่นความถี่ในสากลจักรวาล
เช่น7สีในแถบสเปตตรัม เมื่ออยู่ด้วยกันรวมกันจะเป็นแสงขาว
เป็นความมี ที่ไม่มีเป็นความว่าง
สั่นสะเทือนสูงสุดและต่อเนื่อง จนดูเหมือน ไม่สั่นสะเทือน
สั่นสะเทือนเพื่อการดำรงอยู่
สั่นสะเทือนเพื่อการเปลี่ยนแปลง
สั่นสะเทือนเพื่อการเสื่อมสลาย
สั่นสะเทือนเพื่อการสร้างใหม่
และสั่นสะเทือนในทุกๆมิติ

http://www.baansuanpyramid.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539145481&Ntype=9
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2013-4-17 09:25
สภาวะสุญญตา 12 เหลี่ยมมุม
(สามเหลี่ยม 4 รูปซ้อนกัน)
ในท ...

เดี๋ยวนี้ฝึกพลังปิรามิดด้วยเหรอ
10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-17 09:38 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
AUD ตอบกลับเมื่อ 2013-4-17 09:37
เดี๋ยวนี้ฝึกพลังปิรามิดด้วยเหรอ  ...

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้