ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3918
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เวทนาปริคคหสูตร

[คัดลอกลิงก์]
เป็นธรรมที่พระพุทธองค์ท่านทรงแสดงแกปริพาชกชื่อทีฆนขะ  จึงมีชื่อว่าทีฆนขสูตร ณ ถ้ำสุกรขาตา เขาคิชฌกูฏ  และในขณะที่พระองค์ท่านทรงแสดงธรรมอยู่นั้น  พระสารีบุตรผู้จะได้เป็นพระอัครสาวกฝ่ายขวาของพระพุทธเจ้าและเป็นเอตทัคคะในทางมีปัญญามากในภายภาคหน้า  ก็ได้เข้าเฝ้าถวายงานพัดอยู่ด้วยในขณะนั้น จึงได้ฟังธรรมแสดงมาถึง เวทนา ๓ ใน เวทนาปริคคหสูตร  ด้วย จนเกิดสัมมาญาณ จิตหลุดพ้นจากอาสวะ ไม่ถือมั่นด้วยอุปาทาน  สำเร็จพระอรหันตผลในขณะฟังธรรมนั้นเอง
             เวทนาปริคคหสูตร  แสดงการเกิดขึ้นของเวทนาอย่างปรมัตถ์  กล่าวแสดง ความรู้สึกสุข ความรู้สึกทุกข์ และอทุกขมสุขเวทนาอันไม่สุขไม่ทุกข์ ว่าล้วนเกิดขึ้นแต่มีเหตุเป็นปัจจัยปรุงแต่งขึ้นทั้งสิ้น  จึงย่อมล้วนเป็นสังขาร จึงย่อมมีความเสื่อมไป  คลายไป  สิ้นไป  ดับไปเป็นธรรมดา ตามความในพระสูตรนี้    อันเป็นสภาวธรรมของสังขารทั้งปวง  จึงย่อมเนื่องถึงเวทนาทั้ง ๓ จึงย่อมอยู่ภายใต้อำนาจพระไตรลักษณ์หรือธรรมนิยามหรืออนิจจัง  ทุกขัง อนัตตา  จึงย่อมเป็นเหตุให้เกิดการเวียนว่ายตายเกิดในกองทุกข์หรือสังสารวัฏเพราะการแสวงหาและยึดมั่นในสุขทุกข์(เวทนา)อย่างไม่รู้จักจบ  อย่างไม่รู้จักสิ้น  อันเป็นเหตุให้พระสารีบุตรผู้ถวายงานพัดโดยใกล้ชิดและดำริคิดพิจารณาไตร่ตรองตามไปด้วยนั้น  เกิดสัมมาญาณขึ้นในขณะนั้น  จากการได้ปฏิบัติสั่งสมมาก่อนแล้วด้วยนั้น จึงเป็นปัจจัยให้เกิดนิพพิทาญาณความหน่าย  จึงเป็นปัจจัยให้คลายกำหนัด จิตจึงหลุดพ้น สำเร็จอรหัตตผลในบัดนั้น  และในขณะแสดงธรรมเดียวกันนั้นเองท่านทีฆนขะก็ได้ดวงตาเห็นธรรมเช่นกัน  บรรลุโสดาปัตติผลเป็นพระโสดาบันเนื่องจากปัญญาเห็นชอบในระดับโลกุตระ กล่าวคือ เกิดสัมมาญาณในระดับหนึ่งขึ้น  คือมีความเห็นเข้าใจอย่างมั่นคงเกิดขึ้นแล้วว่า
"สิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตาม(สังขาร)มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาแล้ว   สิ่งนั้นๆทั้งหมดย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา"
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้