นอกจากเลี้ยงดูท่านอย่างดี ให้ความเคารพ วิธีการเป็นลูกที่ดีอย่างง่ายๆ โดยถูกวิธี ถูกหลักธรรม ก็คือ...
ขั้นที่1 หากท่านยังไม่เชื่อในบาปบุญคุณโทษ ว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ก็ขอให้บุตรได้ปลูกศรัทธานั้นเสีย ให้ท่านเกิดความเลื่อมใสธรรมในพุทธศาสนา ให้เคารพพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ขั้นที่2 หากท่านยังไม่มีศีล ยังไม่รู้จักศีลก็ขอให้บุตรได้มอบเครื่องป้องกันการทำความชั่วนี้ให้ท่าน ช่วยแนะนำท่านว่า การฆ่าสัตว์นั้นเกิดโทษ การลักทรัพย์นั้นเกิดโทษ ให้ท่านได้รักษาอย่างน้อยศีล5 ขั้นที่3 หากท่านเริ่มศรัทธาในการทำความดี การละทำความชั่วแล้ว ท่านเริ่มรู้จักศีลแล้ว ก็แนะนำให้ท่านมีเมตตา บริจาคทาน ให้ใจท่านปล่อยวางจากทรัพย์ ให้เกิดความปิติที่รู้จักการให้ ให้ได้รับสุขในเบื้องต้น ใจก็ฟูขึ้นเมื่อเราได้เป็นผู้ให้ จิตใจได้สัมผัสความดีปลดเปลื้องจากความตระหนี่คับแคบ ขั้นที่4 ให้ท่านได้ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรมมะ จนเกิดปัญญา ด้วยการเจริญสมาธิภาวนา และการเจริญสติ ได้นำหลักธรรมมาใช้ในชีวิต และสามารถนำปัญญามาใช้เป็นหลักดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ทำอย่างนี้จึงเรียกได้ว่า เราเป็นลูกที่ดี สามารถปิดประตูอบาย เปิดประตูสวรรค์ให้พ่อแม่ได้
อนึ่งไม่ว่าลูกหญิงหรือลูกชาย ก็สามารถเป็นลูกที่ดีแนะนำตามขั้นตอนดังที่กล่าวไปแล้ว พาท่านไปทำบุญใส่บาตร พาท่านเข้าวัดฟังธรรม ปฏิบัติภาวนา ตามแต่อุปนิสัยของท่านหากท่านเป็นลูกชาย คำที่ว่า การบวชตอบแทนคุณบิดามารดา ให้พ่อแม่ได้เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ ก็มาจากหลักการตอบแทนคุณดังที่กล่าวไปนั้นแล คือ เมื่อพ่อแม่มาบวชให้เรา ท่านก็จักปลื้ม จิตใจเบิกบาน เราในเพศสมณะ ซึ่งเป็นผู้มีศีลพร้อม ก็สามารถเปิดใจ ชักชวนพ่อแม่ให้ประกอบความดีในข้อที่ได้กล่าวไปเป็นลำดับ ให้ท่านมีศรัทธา ให้ท่านมีศีล ให้ท่านได้มาทำบุญ และให้ท่านได้ปฏิบัติธรรมจนเกิดปัญญา ได้มาทำบุญกับพระลูกชาย พระลูกชายก็มีโอกาสที่จะมอบธรรมมะตอบแทนคุณในขณะที่บวชอยู่นั้นเอง นี่แหละ คือการบวชเพื่อให้พ่อแม่ได้เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสรรค์ ผู้บวชต้องบริสุทธิ์ก่อน จึงนำธรรมไปบอกพ่อแม่ได้ แล้วตอบแทนคุณท่านให้ท่านได้ทำความดี ละความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ บ่มเพาะหลักธรรมไว้ในจิตใจท่านตอนที่เราบวชนั่นเอง พ่อแม่เมื่อจิตเป็นกุศล ปลื้มปีติมากขณะวันปลงผม ลูกขออโหสิกรรม ถวายบาตร ผ้าไตรจีวร ได้มาถวายไทยธรรมกับพระลูกชาย ภาพเหล่านี้ ยามเมื่อท่านละโลก ก็จะเป็นกุศลนิมิตรเป็นภาพติดตาติดใจที่ได้ทำความดียามจิตใจชุ่มชื่น บุญก็จะพาท่านไปภพภูมิที่ดี อีกประการหนึ่ง การบวช แม้จะเป็นการบวชระยะสั้นก็ได้ชื่อว่า เป็นผู้ต่ออายุพระศาสนา ได้มาปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ได้ศึกษาธรรมมะ ได้อบรมขัดเกลาตัวเอง ได้ทำกิเลสให้เบาบางลง ขึ้นชื่อว่าเป็นพุทธบุตร ก็นับว่าตัวเราได้บุญมาก ได้ทำความดีให้ยิ่งขึ้น พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง หมู่มิตร ที่ได้เป็นเจ้าภาพ ที่ได้อนุโมทนาในการบวชของเรา ก็จะได้อานิสงน์นี้ด้วย จักเริ่มได้ทำความดีจากเหตุในการบวชของเรา เมื่อยังมีประเพณีการบวชอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็เท่ากับว่า เราหนึ่งคนก็ได้ให้คนหลายคนได้มาทำความดีเนื่องจากเราปรารภที่จะบวชนั่นเอง ดังนั้น ลูกชายของพ่อแม่ที่ยังลังเล ไม่เข้าใจว่าบวชไปทำไม ก็ขอให้ตระหนักว่าเรามีโอกาสตอบแทนคุณท่านได้ด้วยการบวชตามที่กล่าวไป ถึงจะเกิดเป็นลูกหญิง หากเราตั้งใจเป็นคนดี ชักชวนพ่อแม่ให้หมั่นทำบุญทำกุศล ย่อมปิดอบาย เปิดสุขคติภูมิ นับว่าเป็นลูกกตัญญูกตเวทีได้เช่นเดียวกัน ลูกที่มีความตัญญู ย่อมเกิดสิริมงคลในชีวิต จะทำอะไรย่อมพบแต่ความเจริญรุ่งเรือง เป็นที่รักและเลื่อมใส เป็นแบบอย่างให้แก่ประชาคมโลก การบวช คำว่า บวช มาจากศัพท์ว่า ปะวะชะ แปลว่า งดเว้น ได้แก่ งดเว้นในสิ่งที่ควรงดเว้น คือ เว้นจากกิจบ้านการเรือนมาบำเพ็ญเพียรทำกิจพระศาสนา มีสวดมนต์ ภาวนา เป็นต้น การบวชนั้น ถ้าเป็น สามเณร เรียก บรรพชา ถ้าเป็น พระภิกษุเรียก อุปสมบท มี 3 อย่าง คือ - พระพุทธเจ้าบวชให้ด้วยเปล่งวาจาว่า มาเถิดพระภิกษุ ธรรมเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อพ้นทุกข์โดยชอบเถิด เรียก เอหิภิกขุอุปสัมปทา
- พระสาวกบวชให้ ด้วยเปล่งวาจาว่า พุทธัง สรณังคัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เรียก ติสรณคมนูปสัมปทา
- พระสงฆ์ 5 รูป รวมทั้งพระอุปัชฌาย์บวชให้ด้วยการสวดญัตติ 1 ครั้ง อนุสาวนา 3 ครั้ง รวมเป็น 4 ครั้ง เรียก ญัตติจตุตถกรรมวาจา การบวชข้อที่ 3 นี้ เป็นการบวชที่ทำอยู่ในปัจจุบัน
มูลเหตุแห่งการบวช ในสมัยโบราณ คนที่ออกบวชย่อมบวชเพราะชรา เจ็บป่วย จนทรัพย์ สิ้นญาติขาดมิตร สำหรับพระพุทธเจ้าพระองค์ปรารภความเกิด แก่ เจ็บ ตาย จึงออกบวช ส่วนคนทุกวันนี้บวชตามประเพณี เมื่ออายุครบก็บวช บวชเป็นการแก้บนบ้าง บวชตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่บ้าง
|