ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนาน เรื่องเล่า เกร็ดความรู้ เรื่องลี้ลับ
»
ลึกลับ "คณะแดง" วัดบวร
1
2
/ 2 หน้า
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
เจ้าของ: oustayutt
ลึกลับ "คณะแดง" วัดบวร
[คัดลอกลิงก์]
oustayutt
oustayutt
ออฟไลน์
เครดิต
22903
11
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2016-7-24 17:43
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เรื่องที่ ๑๖ "อย่างนี้เป็นเทวดา"
พระภิกษุที่เจริญภาวนากรรมฐานและสำรวมในศีลวัตรหรือที่เรียกว่าปฏิบัติธรรมสมบูรณ์สม่ำเสมอ แต่ยังไม่สำเร็จญาณขึ้นพระอรหันต์นั้น คุณสนิทบอกว่า จากคำบอกเล่าของอาจารย์ที่เป็นพระเถระผู้ใหญ่และคฤหัสถ์ที่เชี่ยวชาญทางวิปัสสนาว่า เมื่อท่านถึงกาลมรณภาพหรือสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ด้วยบุญกุศลที่ประกอบไว้อย่างดีเกือบทุกองค์จะไปเกิดเป็นพระในรูปเดิมในภูมิเทวดา เป็นชั้นเทพบ้าง ชั้นพรหมบ้าง เช่น สมเด็จหลวงปู่ทวด สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) หลวงพ่อปาน หลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อศุข หลวงพ่อแดง หลวงพ่อฉิม สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ (พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ) สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ (ม.ร.ว. ชื่น) และพระเถระผู้ใหญ่อื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก เป็นต้น
พระที่ได้บำเพ็ญกุศลและบารมีจนได้เป็นพระอริยะไปเกิดเป็นเทวดาในโลกสวรรค์ชั้นสูงนี้ โดยปกติก็จะเข้าสมาธิบำเพ็ญบารมีให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก เว้นแต่บางองค์ที่ยังมีความผูกพันกับโลกมนุษย์ ก็จะเสด็จลงมาโปรดสัตว์ช่วยเหลือให้มนุษย์พ้นจากความทุกข์ยาก เป็นบางครั้งบางคราว
ก็นี่แหละที่คุณสนิทแน่ใจว่า "สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์" อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระองค์หนึ่งที่อยู่ในอันดับเทพชั้นสูง ก็เพราะในสมัยที่พระองค์ยังเป็นพรรพชิตอยู่นั้น พระองค์ได้ทรงประกอบกุศลกรรมบท ๑๐ และบุญกิริยา ๑๐ อย่างครบถ้วน เช่น การรักษาศีลบริสุทธิและการมีความเห็นอย่างเที่ยงตรง ฉะนั้นเมื่อพระวิญญาณละจากโลกมนุษย์ไปแล้ว ก็ต้องไปสู่สุคติอย่างแน่นอน
แต่ในการที่พระองค์ยังมาปรากฏร่างให้น้องสาวพระสุชาติ หรือโยมแม่ของสามเณรหน่วยได้เห็นอาจจะเป็นเพราะ เมื่อออกจากสมาธิ พระวิญญาณคงจะมาเยี่ยมวัดบวรนิเวศวิหารอยู่เนือง ๆ และเมื่อพิจารณาเห็นว่า สิ่งใดที่บุคคลภายนอกไม่รู้ในกฏและพระวินัยของพระภิกษุ พระองค์ท่านก็จะมาปรากฏร่างให้เห็นเป็นการเตือนผู้นั้น
สำหรับพระภิกษุสามเณรที่ปฏิบัติพระวินัยย่อหย่อนก็เช่นกัน คุณสนิทได้ทราบจากผู้เชี่ยวชาญทางวิปัสสนาว่า พระองค์ท่านมักจะดลบันดาลใจให้เกิดความมีสติ เช่น ให้เกิดความรู้สึกว่า เรามีเพศที่แตกต่างจากคฤหัสถ์แล้ว เราควรจะมีกิริยาอาการให้สมกับความเป็นสมณะอย่างใด และสมณะต้องเตือนตัวเองด้วยศีลอยู่เสมอ เพราะเมื่อได้เข้ามาบวชเป็นพระเป็นสมณะแล้ว การล้วงละเมิดศีลนอกจากจะถือว่าเป็นการบั่นทอนทำลายพระพุทธศาสนาแล้ว เมื่อตายไปก็จะไปตกนรกอยู่ในขุมที่ร้ายแรงกว่าคฤหัสถ์หลายเท่า สมณะจึงควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า วันคืนล่วงไปวันหนึ่ง ๆ ตนได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่วัด แก่สังคมของมนุษย์และแก่พระพุทธศาสนาให้เจริญก้าวหน้าบ้าง ด้วยสมณะที่แท้จริงย่อมไม่เข้ามาบวชเพื่อหลอกลวงตนเองหรือหลอกลวงผู้อื่น อันเป็นการผลาญข้าวสุกชาวบ้านให้สูญเปล่า
เรื่องที่ ๑๗ "พระชั้นสูง"
อย่างไรก็ดีเกี่ยวกับวิญญาณเทพชั้นสูงที่ยังไม่บรรลุพระอรหันต์นั้น คุณสนิทได้เคยขอร้องให้ "อาจารย์พร รัตนสุวรรณ และอาจารย์ศรีเพ็ญ จัตุทะศรี" ทำพิธีอัญเชิญมาในงานสำคัญครั้งหนึ่ง กล่าวคือ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ คุณสนิทพร้อมด้วย "ท่านศาสตราจารย์ ม.ล. เกษตร สนิทวงศ์" ได้ร่วมกันคิดสร้างพระเครื่องชื่อว่า "พระศรีศาสดา" ขึ้นจำนวนหนึ่ง เพื่อถวายแด่เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวรให้แจกจ่ายแก่ลูกศิษย์และสาธุชนทั่วไป ที่มาแสดงมุทิตาจิตเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของท่านที่ครบ ๖๐ ปี ในวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๑๖ ซึ่งเดิมทีก็คิดและปรึกษากันเงียบ ๆ สองคนเท่านั้น แต่ต่อมาได้มีการเชิญบุคคลอื่นที่ใกล้ชิดกับวัดบวรนิเวศเข้ามาร่วมอีกหลายคนเพราะต้องใช้ทุนเป็นจำนวนมาก แต่ได้กำชับเป็นการภายในว่า ให้ถือเอาเรื่องนี้ "ลับมาก" อย่าให้เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทราบเป็นอันขาด และในการทำพิธีนั้น คุณสนิทได้ทำหนังสือขอให้ "ท่านศาสตราจารย์ ม.ล.เกษตร สนิทวงศ์" นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาพระราชทานผงศักดิ์สิทธิจาก ๗๒ จังหวัดที่พระองค์ได้เคยสร้าง "พระเครื่องจิตรลดา" หรือที่เรียกว่า "หลวงพ่อภูมิพล" มาแล้ว โดยเอามาเป็นชนวนสำหรับสร้าง
ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้า ฯ พระราชทานผงศักดิ์สิทธิ์แล้ว คุณสนิทก็นำผงนั้นไปมอบให้ "ม.ร.ว. ประสมศักดิ์ จรูญโรจน์" อธิบดีกรมธนารักษ์สมัยนั้น เป็นผู้ดำเนินการจัดแกะพิมพ์และจัดหาผงที่เป็นส่วนผสมดั้งเดิมของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง เป็นแบบฉบับและในการพิมพ์พระศรีศาสดาที่กองกษาปณ์ กรมธนารักษ์ก็ให้ถือเป็นความลับด้วย เมื่อเสร็จแล้ว ก็ได้นำมาเก็บรักษาไว้ที่สำนักงานมหามกุฏราชวิทยาลัย
ต่อเมื่อถึงเทศกาลเข้าพรรษาก็เอาพระเครื่องนั้นเข้าไปประจำพรรษาในพระอุโบสถด้วย จนกระทั่งถึงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๑๖ อันเป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของ "สมเด็จกรมพระยาปวเรศ ฯ" อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ ซึ่งทางวัดได้จัดให้มีพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธรูปที่ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ทรงหล่อสร้าง "พระพุทธรูปชัยวัฒน์" อีกองค์หนึ่ง คุณสนิทพร้อมด้วย "ท่าน ม.ล. เดช สนิทวงศ์" องคมนตรีซึ่งรับช่วงงานสร้างพระศรีศาสตาจาก ศาสตราจารย์ ม.ล. เกษตร สนิทวงศ์ ซึ่งเดินทางไปรักษาหลอดเสียงลำคอในต่างประเทศ ได้นำเอาพระเครื่องและเหรียญทั้งหมดที่ซุ่มสร้างไว้เงียบ ๆ มาเข้าพิธีพุทธาภิเษกครั้งนี้ด้วย เนื่องจากความตั้งใจที่จะให้พระที่ทำการพุทธาภิกเษกครั้งนี้มีความขลังเป็นพิเศษ คุณสนิทจึงได้ขอให้ "อาจารย์ศรีเพ็ญ ติดต่อกับวิญญาณของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)" ช่วยนิมนต์วิญญาณพระอื่น ๆ ที่อยู่บนสวรรค์ทุกชั้นให้ลงมานั่งปรกด้วย
ซึ่งได้ทราบจากอาจารย์ศรีเพ็ญในภายหลังว่า "สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) รับว่าจะช่วยเรื่องนี้ด้วยความเต็มใจ และยังบอกอาจารย์ศรีเพ็ญว่า "จะเป็นเจ้าภาพไปนิมนต์พระที่อยู่ในโลกสวรรค์ให้มาในงานนี้ถึง ๑๐๘ องค์ ด้วยตัวท่านเอง เพราะในโลกสวรรค์นั้น วิญญาณพระในอดีตมีการพบปะและไปมาหาสู่กันเสมอ"ถึงกำหนดวันทำพิธีพุทธาภิเษก คุณสนิทได้รับคำบอกเล่าจาก "อาจารย์ศรีเพ็ญ จัตุทะศรี" ว่า
"สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ได้มาคอยรับวิญญาณและพระวิญญาณของพระเถระอยู่ที่วัดบวร ฯ ตั้งแต่เช้าทีเดียว
เมื่อถึงเวลา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร จุดเทียนชัย พระที่เป็นเทพชั้นสูงมาครบ ๑๐๘ องค์พอดี และในจำนวนนี้ อาจารย์ศรีเพ็ญบอกว่า
"สมเด็จกรมพระยาปวเรศวิริยากรณ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์" ก็เสด็จมาด้วย นอกจากนี้ ก็มี "อดีตพระสังฆราชอีกหลายองค์ รวมทั้งหลวงพ่อวัดพระแก้ว หลวงพ่อครูบาศรีวิชัย และหลวงพ่อโอภาสี" ก็มา แต่ไม่มีวิญญาณของ "สมเด็จพระสังฆราช (จวน) วัดมกุฏกษัตริยาราม และ ท่านเจ้าคุณพรหมมุนี (ผิน) อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารซึ่ง "สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ค้นหาวิญญาณไม่พบ
มีบางคนว่า สำหรับวิญญาณของ "ท่านเจ้าคุณพรหมมุนี (ผิน) นั้นได้ไปเกิดแล้ว ส่วนวิญญาณของ "สมเด็จพระสังฆราช (จวน) ไม่ทราบว่าไปอยู่ภูมิใด อาจจะขัดข้องเพราะยังไม่ออกจากสมาบัติ ก็เป็นได้
http://board.palungjit.org/f12/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B0-548764.html
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
ธี
ธี
ออฟไลน์
เครดิต
2786
12
#
โพสต์ 2016-7-24 21:27
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Nujeab
Nujeab
ออฟไลน์
เครดิต
27800
13
#
โพสต์ 2016-7-25 10:24
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
1
2
/ 2 หน้า
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...