"นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน'' นักโทษประหารหญิงคนที่ 2
''นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน'' นักโทษประหารหญิงคนที่ 2
นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน เธอคนนี้คนไทยเองน้อยคนไม่ค่อยรู้จัก แต่ไม่ยากที่จะค้นหา เพราะประเทศไทยเรามีนักโทษประหารหญิงไม่กี่คน ซึ่งนางกิ่งแก้วนั้นเป็นนักโทษประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของไทยเรา
เรื่องราวของนางกิ่งแก้ว ลอสูงเนินน่าเชื่อว่ามาจากเนื้อหาหนังสือที่เชาวเรศน์จารุบุณย์เชาวเรศน์ จารุบุณย์เพชฌฆาตคนสุดท้ายที่ลั่นกระสุนปืนประหารชีวิตนักโทษหลายราย ก่อนที่การประหารชีวิตไทยจะเปลี่ยนเป็นฉีดยาพิษเข้าเส้นเลือดแทน ซึ่งหนังสือดังกล่าวถูกตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ ทำให้คนต่างชาติรู้เรื่องการประหารชีวิตยิงเป้ามาก ซึ่งพอดีผมไปค้นที่ห้องสมุดไม่เจอหนังสือดังกล่าว ดังนั้นผมขอแปลเท่าที่จะทำได้ล่ะกันน่ะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วย
นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนินเป็น พี่เลี้ยงเด็กชาวโคราชที่ทำงานในกรุงเทพ ที่คุ้นเคยและได้รับวางใจกับครอบครัวหนึ่งที่ได้จ้างเธอมาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ชายอายุ 6 ขวบ ซึ่งวันที่เกิดเหตุนั้นเธอได้ไปรับเด็กชายที่โรงเรียน ซึ่งเธอเป็นที่รู้จักกันดีในคุณครูในโรงเรียนดีอยู่แล้วและส่งให้เธอโดยไม่ เกิดความสงสัยใดๆ แต่กลายเป็นนางกิ่งแก้วได้ร่วมมือกับพวกโจรผู้ชาย (2 คน) จับเด็กชายไปเรียกเงินค่าไถ่จากพ่อแม่เด็ก โดยตามแผนการนั้นพ่อแม่เด็กจะต้องโยนเงินออกจากรถไฟที่กำลังแล่นและใกล้กับ ธงที่กำหนด ที่นี้ก็เกิดปัญหาขึ้นเมื่อเวลาส่งมอบเงินดันเป็นตอนกลางคืน ผู้ปกครองเด็กมองไม่เห็นธง และส่งเงินผิดพลาดไม่ตรงจุดที่กำหนด ส่งผลทำให้การเลือกเปลี่ยนเงินค่าไถ่ล้มเหลว พวกโจรโกรธแค้นและแทงเด็กตายเพื่อปิดปาก แม้ว่านางกิ่งแก้วพยายามห้ามพวกโจรไม่ทำร้ายเด็ก แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจแทงเด็กตายและนำศพไปฝัง ก่อนที่จะแยกย้ายกันหลบหนี (จากการชันสูตรศพต่อมาพบว่ามีเศษดินในปอดแสดงให้เห็นว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่ หลังฝังศพของเขาบนดินแล้ว)
ด้วยการกระทำของเธอในการฆาตกรรมเด็กชาย
นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนินถูก ตัดสินประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า สำหรับการยิงเป้าของไทยนั้น นักโทษถูกผ้าปิดตาและผูกติดกับเสาหลักรูปไม้กางเขนฟันหน้าเข้ากับกำแพง ไม่ว่าจะเป็นเอว หน้าอก ข้อศอกทั้งสองข้างต้องติดกับไม้กางเขนทั้งสองด้าน และที่ข้อมือมีลักษณะพนมมือโอบรอบเสา ซึ่งต้องมัดให้แน่นจนนักโทษขยับตัวไม่ได้ และจากนั้นก็ตั้งปืนไรเฟิลอัตโนมัติชี้ไปยังหัวใจบริเวณแผ่นหลังของนักโทษ ประหาร (ซึ่งจะทำเครื่องหมายบริเวณหัวใจนักโทษเอาไว้) เมื่อถึงเวลาประหารเพชฌฆาตที่ อยู่ด้านหลังนักโทษจะทำการยิงกระสุนเข้าไปสิบห้านัดเข้าไปบริเวณที่ทำ เครื่องหมาย เพื่อให้นักโทษประหารตายทันทีไม่ให้ทรมานมากเกินไป
นาง กิ่งแก้ว ลอสูงเนินถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 13 มกราคม 1976 ในเวลานั้นสภาพจิตใจนางกิ่งแก้วย้ำแย่มาก (เคยพยายามฆ่าตัวตายเพื่อหนีโทษประหาร) ซ้ำยังหน้ามืดจะเป็นลม มีอาการทางจิตประสาท ทำให้พี่เลี้ยงต้องคอยดูแลอาการและคอยให้ยาดม ในระหว่างรอประหารเธอก็ยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ของเธอในคดีฆาตกรรมเด็กชาย ว่า “ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่าเด็ก” เธอขอร้อง “ได้โปรดอย่าฆ่าฉัน ฉันไม่ได้ฆ่าเขา” เธอพูดซ้ำซากแบบนี้ตลอดเวลา แต่หมดสิ้นความหวังเพราะเธอก็ถูกส่งไปยังเวทีประหาร ปืนถูกโหลดและเพชฌฆาตเล็ง อีกสักครูก็มีกระสุนกว่าสิบนัดถูกยิงออกมาเข้าไปจุดที่เชื่อว่าจัดขั้วหัวใจของนางกิ่งแก้ว
ไม่ นานหลังจากยิงปืนเสร็จสิ้น หมอได้เดินเข้ามาใกล้ผู้หญิงแล้วตรวจหาชีพจรก็พบว่าเธอเสียชีวิตแล้ว จุดที่ถูกยิงมีเลือดออกมาปริมาณมาก พวกเขาจัดการแก้ร่างของเธอและวางคว่ำหน้าของเธอลงบนพื้น ซึ่งตอนนั้นเธอก็ชักและกระตุกเล็กน้อย หน้าอกของเธอปริออกเพราะแรงกระสุน ร่างของเธอถูกย้ายไปที่ห้องเก็บศพและวางอยู่บนเตียง ขณะที่เจ้าหน้าที่คนอื่นเตรียมประหารคนต่อไปที่รอคิวอยู่
แต่แล้วก็เกิดเรื่องเหลือเชื่อขึ้น นางกิ่งแก้วยังไม่ตาย เธอเริ่มส่งเสียง (ดูเหมือนจะพูดว่า"ฉันไม่ผิดๆๆๆๆๆๆๆ") และ พยายามลุกขึ้นนั่ง พี่เลี้ยงต้องวิ่งเข้าไปห้องเด็บศพ และพวกเขาพยายามกลิ้งเธอหลายครั้งและกดบนหลังของเธอเพื่อให้เลือดออกเร็ว ขึ้นให้ธอตายสงบ (บางคนพยายามที่จะบีบคอ) แต่เธอก็ยังอ้าปากหายใจ ไม่เสียชีวิตในทันที แม้จะทำยังไงเธอก็หายใจและยังมีชิวิตอยู่ แม้เลือดจะออกมามากมายก็ตาม ผลสุดท้ายเธอก็ถูกยกกลับไปเวทีประหารและประหารชีวิตใหม่ด้วยการยิงกระสุนอีก 15 นัดอีกครั้ง เธอจึงเสียชีวิต
ไม่ มีใครทราบว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น บางทีอาจเป็นเพราะผูกติดกับเสาหลักไม่แน่นพอ ทำให้เธอดิ้นจนกระสุนเลยจุดตาย และอีกทั้งหัวใจของเธอนั้นอยู่ด้านขวาไม่ใช่ด้านซ้ายเป็นเหตุทำให้การประหาร ผิดพลาดดังกล่าว
(มี เหตุหลังจากนี้นิดหน่อย มีเรื่องเล่าว่าหลังจากที่นำศพของเธอมาไว้ห้องเก็บศพ ยังคงมีคนได้ยินเสียง “ฉัน ไม่ ผิด” ดังจากในห้องซ้ำแบบนี้ตลอดเวลา และทุกวันนี้ยังมีผู้พบเห็นเธอเป็นผีวนเวียนที่เรือนจำบางขวาง)
|