ครั้นในปี พ.ศ.๒๕๐๖ พ่อท่านแดงได้ดำริเห็นว่าโรงธรรมที่ก่อสร้างชั่วคราวนั้น ก็พอใช้ไปก่อนได้บ้าง ท่านจึงได้ปรึกษาหารือแก่ผู้ที่เข้ามาบวชใหม่ในพรรษนั้นคิดจัดการสร้างสิ่งก่อสร้างสิ่งของไว้เป็นอนุสรณ์ เมื่อได้ปรึกษาตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้คิดสร้างกุฏิใหม่ แทนหลังเก่าหลังหนึ่ง และสร้างเว็จกุฏิหลังหนึ่ง และพ่อท่านแดงเองท่านก่อได้จัดหาทุนช่วยเหลือในการก่อสร้างและท่านได้จัดการให้พระภิกษุสามเณรช่วยกันหาอุปกรณ์ในการก่อสร้าง จนก่อสร้างแล้วเสร็จในปีนั้นเองพ่อท่านแดงนั้น เมื่อท่านได้คิดเห็นว่าอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมแล้ว ท่านจะพยายามเสมอมาตลอดชีวิตของท่าน ครั้นต่อมาปี พ.ศ.๒๕๐๗ ท่านได้จัดสร้างศาลากลางวัดขึ้นหลังหนึ่ง เพื่อใช้แทนของเก่าที่ทรุดโทรม โดยท่านได้จัดให้ทุนกับพวกพระภิกษุที่บวชเข้ามาใหม่ในรุ่นปี ๒๕๐๗ ช่วยกันจัดทำแต่ยังไม่สำเร็จเรียบร้อยดี เพียงแต่ใช้ได้ชั่วคราวไปก่อน และท่านได้ให้ช่วยกันปรับปรุงตกแต่งกุฏิวิหารที่ยังคงค้างคาต่อไป เพื่อให้เสร็จสมบูรณ์ ครั้น ปี พ.ศ.๒๕๐๘ ท่านได้พยายามปรับปรุงเสนาสนะ และปรับปรุงตกแต่งวัดเรื่อยมา การกิจวัตรของท่านนั้น ซึ่งนอกจากการวิปัสสนากรรมฐานที่ท่านกระทำมาตลอด ท่านก็หนักไปทางตกแต่งปลูกสร้างวัดให้เจริญขึ้น ซึ่งพระภิกษุที่บวชใหม่แต่ละรุ่น แต่ละปีในสำนักของท่าน ท่านก็ได้แนะนำตักเตือนพร่ำสอนตามสมควร ครั้นต่อมาปี พ.ศ.๒๕๐๙ ท่านคิดขยายศาลากลางวัด เพื่อให้พอเป็นที่บำเพ็ญประโยชน์ได้ด้วยกันในบางกาลบางสมัย จึงได้ปรึกษากับคณะพุทธบริษัทของวัด และผู้ที่เข้ามาบวชใหม่ในรุ่น ๒๕๐๙ โดยทั้งหมดได้เห็นด้วยกับพ่อท่านแดง จึงเป็นอันตกลงกัน โดยพ่อท่านแดงท่านได้จัดทุนของท่านเองออกใช้จ่ายในการปลูกสร้าง จนศาลากลางวัดนี้แล้วเสร็จสมบูรณ์ใช้ประโยชน์ได้ตามความประสงค์ของท่านทุกประการ แต่เมื่อปลายปี พ.ศ.๒๕๐๙ พ่อท่านแดงท่านเริ่มอาพาธ แต่ท่านก็ยังพยายามปรับปรุงตกแต่งวัดและพระพุทธศาสนามิได้หยุดหย่อน จนไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนเลย ครั้นปี พ.ศ.๒๕๑๐ ความเจ็บป่วยของท่านก็เริ่มกำเริบหนักยิ่งขึ้น ท่านก็พยายามรักษาพยาบาลเสมอมา แต่ว่าอาการของท่านนั้นถึงแม้ว่าจะพยายามรักษาพยาบาลสักเท่าไหร่แล้ว ก็มีแต่ทรงกับทรุดเท่านั้น แต่แม้ท่านอาพาธอยู่ท่านก็ยังคงดำเนินการบำรุงก่อสร้างวัดมาโดยตลอด จนในที่สุดอาการอาพาธของท่านได้ทรุดหนักลงทุกวันๆ เป็นที่เป็นห่วงกังวลของชาวบ้านทั้งใกล้และไกลยิ่งนัก จนในที่สุดท่านก็ได้ปล่อยให้ความอาลัยอาวรณ์ ท่ามกลางความวิปโยคให้แก่บรรดาศิษยานุศิษย์ ญาติมิตร และผู้ที่เคารพศรัทธาท่าน เป็นอันมาก ไป เมื่อ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๐ เดือน ๑๒ แรม ๔ ค่ำ วันจันทร์ อันเป็นวันที่ท่านละสังขาร สร้างความอาลัยแก่ศิษย์เป็นอย่างยิ่ง นับแต่ท่านอุปสมบทมาตลอดทั้งชีวิต ท่านได้บำเพ็ญบำรุงพระพุทธศาสนามาตลอด ทั้งที่วัดโคกเหล็ก ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากนานาประการ แต่ด้วยความเป็นเนื้อนาบุญ ท่านก็ฝ่าฟันมาได้ ทั้งเมื่อท่านมาอยู่ ณ วัดโทตรี เป็นเวลา ๒๐ ปี ท่านก็ได้บำเพ็ญประโยชน์ไว้เป็นอันมาก เป็นต้นว่า การปลูกสร้างกุฏิวิหารต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการก่อสร้างในสมัยของท่านทั้งสิ้น ท่าน เป็นอาจารย์ผู้ชอบทำบุญทำทาน ไม่ยึดติดในทรัพย์หรือวัตถุใดๆ ส่งเสริมให้ทุกคนเป็นคนดี ท่านอุตส่าห์พยายามตักเตือนพร่ำสอนเสมอ ยอมสละทรัพย์ส่วนตัว และชักชวนคนอื่นบริจาคเพื่อบำรุงพระศาสนา อันนับได้ว่าท่านเป็นพระภิกษุที่หาได้ยากยิ่ง
|