ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 8390
ตอบกลับ: 31
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ตราแผ่นดิน

[คัดลอกลิงก์]
ตราแผ่นดิน
นพชัย วัดอักษร Ph.D.


บนธนบัตรแบบที่ ๑ ซึ่งเป็นธนบัตรแบบแรกของไทย มีการอัญเชิญตราแผ่นดิน หรือ ตราอาร์มแผ่นดิน มาพิมพ์ตรงเหนือคำว่าไว้ “รัฐบาลสยาม” และเป็นธนบัตรแบบเดียวที่มีการใช้ตรานี้พิมพ์บนธนบัตร
คลิกบนรูปเพื่อขยาย
ตราแผ่นดิน หรือ ที่เรียกกันว่า "อาร์มแผ่นดิน" ตามพจนานุกรมฉบับเฉลิมพระเกียรติ ให้ความหมายเอาไว้ว่า คำนาม หมายถึงตราประจำประเทศ
ตราแผ่นดิน
คลิกบนรูปเพื่อขยาย

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๑๖ เป็นตราที่รวมเอาสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของข้าราชการและชนชาวสยามเชื้อสายต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน เพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสยามประเทศ ผู้ออกแบบคือเสวกเอกหม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนสีหราชวิกรม ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้
ส่วนบนเป็นรูปไอราพต อันหมายถึง ทิพย์สมบัติ แต่บางท่านว่า หมายถึง สยามประเทศ ส่วน ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคใต้
ส่วนล่างซีกซ้าย เป็นรูปช้างเผือก หมายถึง ประเทศลาว ส่วนล่างซีกขวา เป็นรูปกริช หมายถึง หัวเมืองมลายู (มาเลเซีย) ซึ่งอยู่ในขอบขัณฑสีมาในรัชสมัยนั้น แต่บางท่านก็ตีความรวมทั้งช้างเผือกและกริชว่า หมายถึง ราชสมบัติอันยิ่งใหญ่
เหนือโล่ห์ขึ้นไปเป็นรูปจักรและตรี อันหมายถึง พระบรมราชวงศ์จักรี อยู่ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ โดยมีฉัตร ๗ ชั้นอยู่ ๒ ข้าง ซึ่งพระมหาพิชัยมงกุฎและฉัตรนี้เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นพระเจ้าแผ่นดิน
ทางด้านซ้ายของโล่ห์เป็นรูปคชสีห์แบกพระแสงกระบี่อาญาสิทธิ์ อันหมายถึงฝ่ายทหาร อันเป็นหน่วยงานหลักในการรักษาประเทศ
ทางด้านขวาของโล่ห์เป็นรูปราชสีห์แบกพระแสงดาบอาญาสิทธิ์ อันหมายถึงฝ่ายพลเรือน คือ มหาดไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการรักษาประเทศอีกหน่วยหนึ่ง
รอบโล่ห์เป็นพระสังวาลของพระมหากษัตริย์ นอกจากนี้ยังมีเครื่องพระราชกกุธภัณฑ์ประดับอยู่ในตราแผ่นดิน คือ ฉลองพระบาทอยู่ใต้ฉัตรทั้งสองข้าง พระแส้จามรีอยู่คู่กับพระแสงกระบี่อาญาสิทธิ์ทางด้านซ้าย ส่วนพระแสงดาบอาญาสิทธิ์ทางด้านขวามีพัชนีฝักมะขามอยู่คู่กัน ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนแท่นสี่เหลี่ยม
ด้านล่างของแท่นมีแถบผ้า จารึกคาถาบาลี ว่า “สพเพ สงฆ ภูตาน สามคคี วฑฒิ สาธิกา” ที่แปลว่า "ความพร้อมเพรียงของบุคคลทั้งปวงผู้อยู่เป็นหมวดหมู่กัน ย่อมเป็นเครื่องทำความเจริญให้สำเร็จ" พร้อมทั้งมีพระฉลองภูษาเต็มยศของพระมหากษัตริย์คลุมโอบจากเบื้องหลัง
ได้มีการใช้ตราแผ่นดินนี้มาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) ที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้เปลี่ยนมาใช้ตรา“พระครุฑพ่าห์เป็นตราแผ่นดินแทน เพราะทรงติว่าตราอาร์มเป็นอย่างฝรั่งเกินไป และมูลเหตุในการเปลี่ยนตราประจำชาติ นอกจากที่จะระบุไว้ข้างต้นแล้ว เป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงตราแผ่นดินน่าจะมีมูลเหตุหลักมาจากการสูญเสียประเทศราชทั้งลาว เขมรและมลายูในรัชสมัยของพระองค์ จึงต้องเปลี่ยนแปลงตราเพื่อให้เหมาะกับกาลสมัย
อ้างอิง
ตราแผ่นดินของไทย http://th.wikipedia.org/wiki/ตราแผ่นดินของไทย  
      แก้ไขเมื่อ วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๐; วันอังคารที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับตราแผ่นดิน สถานีตำรวจภูธรตำบลพัทยา วันพฤหัสบดีที่
      ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
ตราแผ่นดิน โรงเรียนนายเรืออากาศ วันอังคารที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐




32#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-29 16:29 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระราชลัญจกรประจำแผ่นดินสยาม
ตราอาร์มรุ่นต่างๆ
รอยประทับพระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน (ตราอาร์ม) สมัยรัชกาลที่ 5
รายละเอียด
ผู้ใช้ตรารัฐบาลสยาม (สมัยรัชกาลที่ 5 - 6)
เริ่มใช้ใช้อย่างเต็มที่ตั้งแต่ พ.ศ. 2416 - 2436 แต่ยังคงมีการใช้ในบางหน่วยงาน เช่นสตช. ร.ร.จปร.มาจนถึงปัจจุบัน
เครื่องยอดพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี
โล่โล่แบ่งเป็นสามห้อง ห้องบนหนึ่งห้อง มีสีเหลือง บรรจุรูปช้างเผือกสามเศียร ห้องล่างสองห้อง ห้องล่างซ้ายสีแดง บรรจุรูปช้างเผือกเปล่า ห้องล่างขวาสีชมพู บรรจุกริชคดกับกริชตรงไขว้กัน
ประคองข้างคชสีห์และราชสีห์
ฐานรองข้างพระแท่นลา
คำขวัญบาลีอักษรไทย : "สพฺเพสํ สํฆภูตานํ สามคฺคี วุฑฺฒิสาธิกา" (ความพร้อมเพรียงของชนผู้เป็นหมู่ ยังความเจริญให้สำเร็จ)
อิสริยาภรณ์พระมหาสังวาลนพรัตน์รัตนราชวราภรณ์,เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า
ส่วนประกอบอื่นตราจักรี, ฉัตรเจ็ดชั้น 2 คัน, พระแสงขรรค์ชัยศรี, ธารพระกร, วาลวิชนี, พระแส้งหางจามรี, ฉลองพระบาทเชิงงอน, ฉลองพระองค์ครุย
การใช้ประทับหรือพิมพ์ในเอกสารของทางราชการ

31#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-29 16:28 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

    • องค์พระราชลัญจกรตราแผ่นดินนั้นเป็นตรากลม มีอักษรตามขอบพระราชลัญจกรจารึกไว้ว่า "สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามกุฎ พระจุลจอมเกล้าเจ้ากรุงสยาม"
    นอกจากนี้ยังมีคำอธิบายอื่นๆ ในลักษณะที่ต่างออกไป แต่คำอธิบายข้างต้นนี้มีที่มาแรกสุดจากพระอธิบายที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานให้หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ ซึ่งพระอธิบายนี้ได้รับการเรียบเรียงใหม่เป็นหลายสำนวนในที่ต่างๆ จึงนับได้ว่าเป็นคำอธิบายที่แพร่หลายและได้รับการยอมรับมากที่สุด

    ตราตั้งห้างสมัยรัชกาลที่ 5



    การใช้ตราอาร์มเป็นตราแผ่นดินนั้นใช้ในลักษณะทำนองเดียวกันกับตราพระครุฑพ่าห์ในปัจจุบัน จนกระทั่งยกเลิกไปเมื่อมีการใช้ตราครุฑเป็นตราประจำชาติแทน ปัจจุบันนี้ยังมีบางหน่วยงาน เช่น กรมป่าไม้ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เป็นต้นได้ใช้ตราอาร์มเป็นตราประจำหน่วยงานของตนเอง ด้วยเหตุที่ว่าหน่วยงานของตนก่อตั้งในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือมีประวัติความเป็นมาที่เกี่ยวข้องกับช่วงระยะดังกล่าว (เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งใช้ตราอาร์มเป็นตราหน้าหมวกนั้น เริ่มมีการจัดระบบตำรวจอย่างจริงจังในสมัยนั้น เป็นต้น)
    มูลเหตุในการเปลี่ยนตราประจำชาตินั้น นอกจากที่จะระบุไว้ข้างต้นว่า รัชกาลที่ 5 ทรงติว่าตราอาร์มเป็นอย่างฝรั่งเกินไปแล้ว เป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงตราแผ่นดินน่าจะมีมูลเหตุหลักมาจากการสูญเสียประเทศราชทั้งลาว เขมรและมลายูในรัชสมัยของพระองค์ จึงต้องเปลี่ยนแปลงตราเพื่อให้เหมาะกับกาลสมัย

30#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-29 16:28 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
          • ความหมายโดยรวมของรูปสัญลักษณ์ภายในโล่จึงหมายถึงขอบขัณฑสีมาทั้งหมดของประเทศสยามในเวลานั้น
          • ต่อจากฉัตรทางด้านขวาเป็นภาพคชสีห์ประคองฉัตร ส่วนทางด้านซ้ายเป็นภาพราชสีห์ประคองฉัตร คชสีห์หมายถึงข้าราชการฝ่ายกลาโหม ซึ่งเป็นใหญ่ทางฝ่ายทหาร ส่วนราชสีห์หมายถึง ข้าราชการฝ่ายมหาดไทย ซึ่งเป็นใหญ่ทางฝ่ายพลเรือน ทั้งสองฝ่ายนี้มีหน้าที่ป้องกันพระราชอาณาจักรและค้ำจุนพระราชบัลลังก์
          • ส่วนขอบโล่ด้านล่างสุดล้อมรอบด้วยพระมหาสังวาลนพรัตน์รัตนราชวราภรณ์ หมายถึง พระพุทธศาสนา มีที่มาจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์์ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งพระมหาสังวาลนพรัตน์รัตนราชวราภรณ์ก็นับเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชนิดนี้ด้วย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ กำหนดให้พระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการที่กระทำคุณงามความดีต่อชาติอย่างใหญ่หลวง โดยเงื่อนไขสำคัญในการพระราชทานนั้นกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า จะพระราชทานให้แก่บุคคลที่เป็นพุทธมามกะเท่านั้น

            ตราแผ่นดินของสยามซึ่งตีพิมพ์ในเอกสารของทางราชการ (ในภาพ เป็นประกาศนียบัตรกระทรวงธรรมการ ตั้งเปรียญธรรม 3 ประโยค พ.ศ. 2453)



            • ส่วนใต้พระมหาสังวาลนพรัตน์รัตนราชวราภรณ์ คือ สายสร้อยจุลจอมเกล้าพร้อมดวงตรา หมายถึงการบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ อันเป็นภาษิตของเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างขึ้น เพื่อเป็นบำเหน็จความชอบแก่ผู้ที่ปฏิบัติราชการด้วยความซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน และพระบรมราชวงศ์ และบุตรทายาทของผู้ปฏิบัติราชการ โดยพระราชทานสืบสกุลลงไปจนสิ้นสายบุตรชายเพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล และเพื่อให้ผู้สืบสกุลกระทำความชอบต่อแผ่นดิน และสามัคคีกันรับใช้ชาติให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป
            • ส่วนล่างสุดของภาพ คือ คาถาภาษาบาลี จารึกบนแพรแถบด้วยอักษรไทย เป็นข้อความว่า "สพฺเพสํ สงฺฆภูตานํ สามคฺคี วุฑฒิ สาธิกา" แปลว่า "ความพร้อมเพรียงของบุคคลทั้งปวงผู้อยู่เป็นหมวดหมู่กัน ย่อมเป็นเครื่องทำความเจริญให้สำเร็จ" คาถาบทนี้เป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ซึ่งได้ใช้เป็นข้อเตือนใจประจำโรงเรียนเตรียมทหารในเวลาต่อมาอีกด้วย
            • เครื่องหมายอื่นๆ ที่แทรกอยู่ในตรา แต่เห็นได้ไม่สู้ชัดเจนนัก คือ เครื่องราชกกุธภัณฑ์ทั้ง 5 อันเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นพระเจ้าแผ่นดินโดยสมบูรณ์ ดังบรรยายต่อไปนี้






29#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-29 16:26 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตราแผ่นดินของไทยในอดีต
ก่อนหน้านั้นประเทศไทยไม่มีการกำหนดตราแผ่นดินที่ชัดเจนนัก มีแต่ตราประจำรัชกาลที่ประทับลงบนเงินพดด้วงซึ่งจะเปลี่ยนไปตามรัชกาลของพระมหากษัตริย์
นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าสยามนำรูปครุฑพ่าห์มาใช้เป็นตราพระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา โดยนำแบบอย่างการใช้ตรามาจากประเทศจีน โดยอ้างอิงจดหมายเหตุลาลูแบร์ ซึ่งบันทึกว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้น พระมหากษัตริย์มีตราประจำพระองค์ ในจดหมายเหตุดังกล่าวไม่ได้ระบุว่าตราเป็นรูปอะไร จึงสันนิษฐานกันว่าน่าจะเป็น ตราครุฑพ่าห์ คือ รูปพระนารายณ์ทรงครุฑ ทั้งนี้เพื่อให้เข้ากับคตินิยมที่ถือเอาองค์พระมหากษัตริย์เป็นผู้มีบุญบารมีเทียบเท่าพระนารายณ์ผู้ทรงครุฑเป็นพาหนะ
ในสายตาชาวต่างประเทศนั้นถือว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรแห่งช้างเผือก จึงกำหนดรูปช้างเผือกลงในโล่ทำนองเดียวกับตราประจำตระกูลหรือตราแผ่นดินในยุโรป เพื่อสื่อความหมายถึงราชอาณาจักรสยาม ซึ่งดูได้จากแผนที่โบราณฉบับต่างๆ ที่กล่าวถึงสยามในบางฉบับ (ดูตัวอย่างได้ ที่นี่) เนื่องจากไม่ทราบชัดเจนว่าสยามใช้เครื่องหมายอะไรเป็นตราประจำประเทศ
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ เสวกเอก หม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนราชสีหวิกรม ผูกตราประจำประเทศขึ้นเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2416 โดยอิงกับหลักการผูกตราของทางยุโรปที่เรียกกันว่า Heraldry(หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยแปลคำนี้ลงในหนังสือเรื่อง ฝรั่งศักดินา เอาไว้ว่า “มุทราศาสตร์”) ตรานี้เรียกกันโดยทั่วไปว่า ตราแผ่นดินหรือตราอาร์ม อันมีลักษณะดังต่อไปนี้

  • ส่วนบนสุดตรงกลาง คือ ภาพพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี หมายถึงความเป็นพระมหากษัตริย์ ภายใต้พระมหาพิชัยมงกฎเป็นภาพจักรและตรีไขว้ เรียกว่า ตรามหาจักรี อันเป็นพระบรมราชสัญลักษณ์ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องหมายแทนนามราชวงศ์จักรี ความหมายโดยรวมจึงแปลว่า พระมหากษัตริย์แห่งพระราชวงศ์จักรี
  • ทางด้านซ้ายและขวาของพระมหาพิชัยมงกฎเป็นรูปฉัตร 7 ชั้น อันเป็นเครื่องหมายแห่งราชาธิปไตย ที่เป็นฉัตร 7 ชั้น ก็เพราะว่าเป็นฉัตรสำหรับใช้ประกอบกับนพปฏลมหาเศวตฉัตร (ฉัตร 9 ชั้น) ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงพระราชอิสริยศของพระมหากษัตริย์ การใช้รูปดังกล่าวจึงเป็นการประกาศให้รู้ว่า ดินแดนสยามอยู่ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ผู้เป็นสยามินทราธิราช
  • ใต้ลงมาเป็นรูปโล่แบ่งออกเป็น 3 ห้อง โดยส่วนบนแบ่งเป็น 1 ห้อง ส่วนล่างเป็น 2 ห้อง มีความหมายดังนี้


28#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-29 16:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การใช้ตราพระครุฑพ่าห์[แก้]
พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์นี้ใช้สำหรับประทับกำกับพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์หรือกำกับนามผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ซึ่งลงนามแทนในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ นอกจากนี้ก็ยังใช้เป็นตราประจำสถานที่ราชการต่างๆ ของรัฐบาลไทย ใช้พิมพ์เป็นตราบนหัวหนังสือและเอกสารต่างๆ ของทางราชการ และใช้เป็นตราสำหรับประทับในหนังสือราชการของกรมกองต่าง ๆ
อนึ่ง บริษัทห้างร้านใดที่จดทะเบียนโดยชอบตามกฎหมายที่ติดต่อค้าขายกับทางราชสำนัก ซึ่งปรากฏว่ามีฐานะทางการเงินดี เป็นที่เชื่อถือแก่มหาชน ไม่มีหนี้สินรุงรังนอกจากหนี้สินปกติจากการค้าขาย และจะต้องประกอบการค้าโดยสุจริต อาจได้รับพระบรมราชานุญาตให้ประดับตราพระครุฑพ่าห์เป็นตราตั้งห้างไว้ที่ห้างร้านของตนได้ โดยพระมหากษัตริย์ทรงไว้ในสิทธิที่จะเรียกคืนตราดังกล่าวได้
ภาพตราครุฑรูปแบบต่าง ๆ[แก้]


  • ตราพระครุฑพ่าห์ แบบที่ใช้เป็นหน้าปกราชกิจจานุเบกษาหนังสือเดินทาง รวมทั้งใช้เป็นตราราชการของกรมราชองครักษ์ และหน่วยงานในกระทรวงการต่างประเทศ





  • ตราพระครุฑพ่าห์ สำหรับใช้เป็นตราหัวหนังสือราชการไทย (แบบที่นิยมใช้กันมาก)





  • ตราพระครุฑพ่าห์ สำหรับใช้เป็นตราหัวหนังสือราชการไทย (แบบที่นิยมใช้กันมากอีกแบบหนึ่ง)





  • ตราพระครุฑพ่าห์ สำหรับใช้เป็นตราหัวหนังสือราชการไทย (แบบปีกครุฑกว้าง)





  • ครุฑตราตั้งห้าง





  • ครุฑในธงมหาราช









ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/ตราแผ่นดินของไทย
27#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-29 16:22 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตราแผ่นดินของไทยตราแผ่นดินของไทย คือตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ เทพพาหนะของพระนารายณ์ ใช้เป็นสัญลักษณ์ของพระราชอำนาจแห่งพระมหากษัตริย์ผู้เป็นประมุขของชาติและเป็นองค์อวตารของพระนารายณ์ตามแนวคิดสมมุติเทพ โดยเริ่มใช้มาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่หลังพ.ศ. 2436 เป็นต้นมา แต่มาใช้อย่างเต็มที่แทนตราแผ่นดินเดิมทั้งหมดเมื่อ พ.ศ. 2453

ประวัติตราพระครุฑพ่าห์[แก้]
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ใช้ตราอาร์มเป็นตราแผ่นดินใน พ.ศ. 2416 ต่อมาพระองค์มีพระราชดำริว่า ตราอาร์มที่ใช้เป็นตราแผ่นดินในเวลานั้นเป็นอย่างฝรั่งเกินไป และทรงระลึกได้ว่า พระเจ้าแผ่นดินสมัยกรุงศรีอยุธยาเคยใช้ตราพระครุฑพ่าห์มาก่อน (ตราที่กล่าวถึงคือตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์องค์เดิม) จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงเขียนพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ขึ้นเป็นตราแผ่นดินเพื่อใช้แทนตราอาร์ม โดยครั้งแรกทรงเขียนเป็นรูปตราพระนารายณ์ทรงครุฑจับนาค ตรานี้ได้ใช้อยู่ระยะหนึ่งก็โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงเขียนตราครุฑขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นตราวงกลม โดยยกรูปพระนารายณ์และนาคออกเสีย คงเหลือแต่รูปครุฑ ซึ่งเขียนเป็นรูปครุฑรำตามแบบครุฑเขมร พื้นเป็นลายเปลวไฟ เมื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายก็ชอบพระราชหฤทัย และมีพระราชประสงค์ที่จะให้ใช้ตรานี้เป็นตราแผ่นดินถาวรสืบไป จะได้ไม่ต้องสร้างขึ้นใหม่เมื่อเปลี่ยนรัชกาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเทวาภินิมมิต (ฉาย เทียมศิลปชัย) เป็นผู้เขียนตราครุฑถวายใหม่ โดยยังคงใช้ตราครุฑเดิมแบบสมัยรัชกาลที่ 5 เพียงแต่เพิ่มพระปรมาภิไธยตามขอบพระราชลัญจกร และเปลี่ยนพระปรมาภิไธยที่ขอบพระราชลัญจกรให้ตรงตามรัชกาล และให้ยึดถือเป็นแบบอย่างต่อมาจนถึงปัจจุบัน โดยพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ประจำรัชกาลจะสร้างขึ้นใหม่เมื่อพระมหากษัตริย์ได้รับการบรมราชาภิเษกแล้วเท่านั้น ในสมัยรัชกาลที่ 8 จึงไม่มีการสร้างพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ประจำรัชกาลขึ้น เนื่องจากพระองค์มิได้กระทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษก คงมีแต่พระราชลัญจกรประจำรัชกาลเท่านั้น และเชิญพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ รัชกาลที่ 5 ออกประทับแทน


ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/ตราแผ่นดินของไทย
26#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-29 16:17 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

[size=+1]
[size=+1]
[size=+1]
[size=+1]
[size=+1]
[size=+1]
ธนบัตรแบบพิเศษ
จัดพิมพ์ขึ้นใช้ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างวันที่ ๒๕ มิถุนายน๒๔๘๕ ถึงวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๔๘๖
แบบพิเศษ ชนิดราคา ๑ บาท จัดพิมพ์โดยกรมแผนที่ทหารบก นำออกมาใช้เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕
แบบพิเศษ ชนิดราคา ๑,๐๐๐ บาท จัดพิมพ์โดยกรมแผนที่ทหารบก นำออกใช้เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๖
แบบพิเศษ ชนิดราคา ๕๐ บาทนำออกใช้เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ ๒๔๘๘ โดยนำธนบัตรที่พิมพ์เพื่อใช้ในรัฐ ไทรบุรี ปลิศ กลันตัน และตรังกานู ซึ่งเคยเป็นของไทย และญี่ปุ่นมอบคืนให้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองมาใช้ในเวลาที่ธนบัตรในประเทศขาดแคลน
การพิมพ์หมึกดำคาดทับข้อความที่ไม่ต้องการให้ปรากฏบนธนบัตร ประชาชนจึงเรียกธนบัตรนี้ว่า "ธนบัตรไว้ทุกข์"
ธนบัตรแบบ "บุก" ราคาหนึ่งบาท (One Baht) เป็นธนบัตรที่รัฐบาลอังกฤษจัดพิมพ์ เพื่อเตรียมนำใช้หากยึดประเทศไทยจากญี่ปุ่นได้ ซึ่งเมื่อสงครามเลิกจึงได้มอบให้รัฐบาลไทยนำมาใช้ รัฐบาลไทยจึงพิมพ์ภาษาไทยว่า "รัฐบาลไทย ธนบัตรเป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย" พร้อมลายเซ็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงบนด้านหน้าธนบัตร


ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services6.htm
25#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-29 16:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

[size=+1]


ธนบัตรแบบที่ ๑๖
ธนบัตรชนิด ๕๐ บาท เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕
ธนบัตรชนิด ๒๐ บาท เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖

พิมพ์โดยโรงพิมพ์ธนบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนบัตรแบบนี้จัดพิมพ์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทย ตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันเป็นคุณูปการแก่ประเทศชาติ
มี ๒ ชนิดราคา เรียงตามลำดับการประกาศใช้ คือ ๕๐ บาท และ ๒๐ บาท

อ้างอิง: ธนาคารแห่งประเทศไทย

ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services6.htm
24#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-29 16:14 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

[size=+1]
[size=+1]
ธนบัตรแบบที่ ๑๕ ปรับปรุง
เริ่มใช้เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
พิมพ์โดย โรงพิมพ์ธนบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนบัตรแบบนี้จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์
แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ที่ทรงมีคุณูปการกับประเทศในด้านต่าง ๆ

มี ๓ ชนิดราคา ตามลำดับการประกาศใช้ ดังนี้ ๕๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท
และ ๑๐๐ บาท


อ้างอิง: ธนาคารแห่งประเทศไทย

ที่มา http://www.tanabat-thai.com/services6.htm
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้