chakpetch โพสต์ 2013-4-21 23:54

...
เชิงอรรถ กับ ประวัติศาสตร์
...

โคปุระชั้นนอกด้านทิศตะวันตก
ปรากฏเทวรูปพระวิษณุสูงเกือบจรดเพดาน 4 เมตร
สลักด้วยหินทรายประทับยืน

http://www.baanjompra.com/webboard/data/attachment/forum/201304/21/232010xheq81ikii9rxp7n.jpg

      พระเจ้าสุริยวรมันที่2ผู้สร้างนครวัดทรงนับถือศาสนาพราหมณ์นิกายวิษณุเวฏ (ไวษณเวศ) ทรงบูชาพระนารายณ์ เป็นเทพสูงสุด บรมวิษณุโลก จึงเป็นพระนามของพระองค์ จึงสร้างรูปปั้นนี้ โดยมุ่งหมายให้เป็นรูปแทนตัวของพระองค์เองคือพระวิษณุอวตารลงมาปกครองโลก และ นครวัดจึงเต็มไปด้วยภาพจำหลักปางอวตารต่างๆ ขององค์นารายณ์ ในบทบาทของ "เทพผู้รักษา"



morntanti โพสต์ 2013-4-22 06:44

เข้ามาติดตาม....ขอบคุณ ครับ ภาพสวยๆ เรื่องราวดีๆ แล้วอย่าลืมนำมาลงอีกนะ   น้องเพชร {:9_431:}

Nujeab โพสต์ 2013-4-22 10:14

รอติดตามต่อครับ {:5_174:}

โพไซดอน โพสต์ 2013-4-22 17:34

เรื่องราวหน้าติดตามครับ{:12_590:}

bigbird โพสต์ 2013-4-22 17:55

กางเสื่อกางร่มรอแระงับ{:8_385:}

sriyan3 โพสต์ 2013-4-22 22:28

รอติดตามด้วยครับ{:7_310:}

รามเทพ โพสต์ 2013-4-23 23:27


...
6
...

อะแฮ่ม!...เขียนมาก ๆ ชักฝืดคอต้องหาน้ำมาแก้กระหายกันหน่อยเดินออกมาตาม
ทางที่ปูหินก้อนใหญ่ ๆ ปะเข้ากับคนขายน้ำตาลสดมีกระบอกไม้ไผ่ใหญ่ ๆ ใส่น้ำตาล
เป็นเครื่องยืนยันวิทยฐานะเหล่าคศช. ไม่รอช้าล้อมวงเข้ามาในทันใด...ด้วยความ
อยากรู้ว่าน้ำตาลสดเขมรจะสู้ของไทยได้หรือป่าว???พอถึงคิวผมซดเข้าไปอึกใหญ่
รสชาติหวานแบบปะแล่ม ๆ เจือด้วยรสของไม้ที่ใส่เข้าไปในกระบอกไม่ทราบว่าเป็นตะ
เคียนหรือไม้พะยอม ไอ้ที่แน่ ๆ มันมีดีกรีซะด้วยจิคับอาจจะเป็นเพราะอากาศที่ร้อน
อบอ้าวทำให้เกิดกระบวนการดังกล่าวขึ้นแต่ยังไม่เข้มข้นนักน่าจะซัก 2-3 ดีกรี
จิบกันไปคุยกันไปพอหายเหนื่อยก่อนออกจากตัวปราสาทกลับไปยังรถผมมองดูภาพ
ปราสาทที่เริ่มสลัวรางอยู่ในความมืดพร้อมกับหมายหมั้นปั้นมือ...ฝากไว้ก่อนเถิด...พรุ่ง
นี้เราคงจะได้เจอกัน


...
รถตู้พาเราวิ่งเข้าเมืองมาเริ่มเห็นแสงสีแล้วครับในเมืองคนเยอะมากรู้สึกว่าจะเป็นวัน
สำคัญวันหนึ่งของชาวเขมรหลายครั้งที่เรานั่งรถตู้ผ่านบ้านที่กำลังจัดพิธีแต่งงานกันถือ
ว่าวันนี้เป็นวันดีจริง ๆ ครับหลวงพ่อธรรมรัตน์พาเราไปไหว้สักการะ องค์เจ็กองค์จอมที่
ศาลอยู่ประมาณว่าใจกลางเมืองเลยครับคนเยอะมาก...เนื่องจากเป็นวันดีอย่างที่ว่าหละ
ครับถัดมาจากนั้นไม่ไกลก็เป็นที่ตั้งศาลของย่าดำดูจากรูปยังไม่รู้สึกเท่าไหร่ครับ แต่
ถ้าไปสักการะท่านแล้วก็แลดูจะหวาดเสียวเล็กน้อยเพราะศาลท่านทำเลที่ตั้งคล้ายกับ
เกาะกลางถนนยังไงยังงั้นเลยเนื่องจากเป็นศาลที่ไม่ใหญ่มากนักและมีรถวิ่งผ่านตลอด
เวลา ก็ทำให้ดูตื่นเต้นดีนะครับ
...

...

นั่งรถตู้เข้าเมืองยังไม่ทันไรคนขับจะพาไปนั่งกินอาหารแบบบุพเฟ่ซะแร้ว...หัวละ 350.-
รึเปล่าจำไม่ได้เพราะไม่ได้กิน...555ตัดสินใจกันไปกินกันข้างหน้าดีก่าเข้าเมืองมา
เรื่อย ๆ ชักจะเริ่มคุ้นตาว่าตอนบ่ายก็ผ่านทางนี้นี่นาขอลงเดินดีกว่ารถตู้จะไปไหนก็ไป..ไป๊!
ร้อนวิชาแร้วคับพากันลงเดินเดินกันอยู่พักใหญ่พอเพลิน ๆ เหงื่อท่วมหลัง ก็มาเจอร้าน
อาหารตามสั่งไม่ไกลจากที่พักนักกินกันแบบง่าย ๆ ก็เป็นข้าวผัด,น้ำปั่น...เย็นชื่นใจด้วย
ราคาจ่ายกันเป็นดอลล์ ข้าวผัดนี่น่าจะจานหละ 1.5 ดอลล์ น้ำปั่นแก้วหละ 1 ดอลล์อ่ะมั้งคับ
จำไม่ได้แหล่วเงิน ๆ ทอง ๆ ชอบนึกไม่ออกนะเนี้ยะกินกันไปพวกเราต่างก็เมียงมองกัน
ตัวตลาดที่อยู่ตรงข้ามฝั่งถนนมาถึงตอนนี้แล้วที่หลวงพ่อท่านว่าคล้ายกับเมืองเชียงใหม่นี่ผม
ว่าใกล้จะเป็นแบบถนนข้าวสารในเมืองกรุงของบ้านเราแล้วครับ" PUB STREET" ที่เป็นป้าย
ไฟ ช่างเย้ายวนใจศิษย์พี่ศิษย์น้องและตัวผมยิ่งนัก...เอาไว้ก่อนน่ากลับที่พักตั้งหลักกัน
ซะก่อน.


รามเทพ โพสต์ 2013-4-23 23:28


...
7
..
นอนกระดิกเท้าตากแอร์พอหายเหนื่อยเหล่าลูกศิษย์คศช. ก็พากันรวมตัวเพื่อปฏิบัติ
ภารกิจลับยามค่ำคืน...อา....ราตรีนี้ช่างยาวนานร้านรวงต่างก็พากันเปิดแสงสีดึงดูด
ใจเหล่าแมลงเม่าตาดำ ๆ อย่างเราให้พากันเดินตูดบิดไปบิดมาดูร้านนี้..ร้านโน้น...
ร้านนั้น...โฮ้ย!!!จะเดินอะไรกันนักหนาไม่เข้าไปนั่งกันซักทีนึง   ...แบบว่าส่วนมาก
เป็นร้านเหล้าแบบถนนข้าวสารนี่หละฮะเดินไปคุณจะเห็นถนนเป็นสี่แยกร้านก็กระจัดกระ
จายตามแยกต่าง ๆ ไปแสงสีตระการตาแต่เหล่าคศช.มองตาปริบ ๆ เพราะไม่มีใคร
เดินนำ...เอ๊ย!!ไม่มีใครกินเหล้า ประมาณนั้น(คิดถึงพี่ตี๋กับพี่สุริยาจังเลยค๊าบ)
...







เดินดูบรรยากาศกันจนเหนื่อยจนไปนั่งพักกันที่ร้านไอติม กินนู่นกินนี่เล็ก ๆ น้อย ๆ ผลสุด
ท้ายมาจบที่ร้านนวดข้างๆ โรงแรมที่พัก...มีไวไฟด้วยนะทันสมัยป่ะหละนักท่องเที่ยวก็
นวดกันไปเล่นไอแพดกันไปสมาชิกบางท่านนวดทั้งตัว,บางท่านก็แค่นาบ...อร๊ายยย??
นวดเฉพาะขานอนเรียงกันหน้าสลอนเลยฮะเจ้าของร้านเป็นสาวสวยเฉี่ยวไฉไลทันสมัย
ฝุด ๆ เลยค๊าบส่วนพนักงานนวดก็มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายผมเองเป็นพนักงานนวดผู้ชายฮะ
นวดกันสุดตัวไปเรยยย์เค้าค่อย ๆ นวดเริ่มจากเท้าก่อนครับ แล้วก็ค่อย ๆ ไล่ขึ้นมาข้าง
บนเรื่อย ๆ ...เรื่อย ๆ ...อืม...เวลาเราหลับตาแล้วมีมือมาลูบ ๆ คลำ ๆ ตัวมันสบายยังงี้เอง
เนาะ!แต่ทำไมยิ่งนวดมันยิ่งสูงขึ้นหว่าแสดงว่าวิชาเค้าไม่เหมือนวิชาของไทยต้องเปิด
ใจให้กว้างรับรู้สิ่งใหม่ ๆ นะฮะก่อนที่จะจบคอร์ส มือก็มาสัมผัสกับใบหน้าของเรานวดตรง
นู้นปาดตรงนั้น ขยี้ตรงนี้...อั้ยย่ะห์...นี่มันหน้าป๋มนะค๊าบบพี่พนักงานเล่นนวดเท้าแล้ว
มานวดหน้านี่คนไทยเค้าถือกันนะค๊าบ...อารมณ์เสียแระมีพี่นกนี่หละที่รู้ทันไม่
ยอมให้เค้าล่วงเกิน
...
กลับมานอนพักผ่อนด้วยความผ่อนคลาย...คืนนี้ฝันถึงใครดีนะเออ....อาเจ๊เจ้าของร้านนวด
ดีป่ะ   แต่ว่าราตรีนี้ยังยาวนานสำหรับใครบางคนอีกนะครับไม่ยอมกลับไม่ยอมหลับไม่
ยอมนอนทำตัวน่าสงสัยฝุด ๆตลอดทริปการเดินทางในยามค่ำคืน...ไม่นานครับเราจะได้
รู้กัน...คืนนี้ฝันดีทุกคนนะค๊าบ...ราตรีสวัสดิ์ เรียห์เตรย ซัวสเดย.

รามเทพ โพสต์ 2013-4-23 23:29

ก่อนจะตื่นมายามเช้าเพื่อเตรียมตัวตะลุยปราสาทกันทั้งวันนั้นต้องมาทำฟามเข้าจัยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ
ซักหน่อยนะฮะ จะเที่ยวโบราณสถานให้สนุกและมีความสุขนั้น คุณจะต้องมีความรู้ติดไม้ติดมือติดหัว
สมอง ๆ น้อย ๆ ไปซักกะหน่อยเพราะความยิ่งใหญ่ของตัวโบราณสถานนั้น ๆ เอง ย่อมมีรายละเอียด
เยอะแยะมากมายถ้ารู้นู่นนิดนี่หน่อยจับมาผสมรวม ๆ กันจะเที่ยวได้สนุกยิ่งขึ้นครับความรู้ปราสาท
เมืองเขมรของป๋มก็ประมาณหางอึ่งเทียบท่านอาจารย์กับพี่เพชรมะได้แต่จะขอเท้าความแบบอึ่ง ๆ
ซักกะติ๊ดพาดย้อนอดีตกันไปไกล ๆ ก่าเดิมซักหน่อย...เอาสนุกนะฮะ
...
ย้อนไปถึงยุคแรก ๆ ของอินตระเดีย นับกันจริง ๆ แบบคศช. คงต้องมาเริ่มกันที่ "ยุคพระเวท"ที่มี
เหล่าพราหมณ์เป็นเจ้าพิธีติดต่อบวงสรวงเทพเจ้าที่ถือกำเนิดมาจากธรรมชาติต้องมีการบูชายัญ
กันว่างั้นเถอะนักบวชหรือเหล่าพราหมณ์นี่จะต้องกล่าวคำบูชาหรือ "โศลก" อ่านโองการสรรเสริญ
เทพเจ้าเกิดเป็นคัมภีร์พระเวทขึ้นมาไม่ว่าจะเป็น "ฤคเวท" ,"ยชุรเวท",หรือ สามเวทรวมกัน
เรียกว่า "คัมภีร์ไตรเพท" ครับเชื้อสายที่ครองความยิ่งใหญ่ในยุคนั้นเป็นเชื้อสาย "เผ่าอารยัน" ที่
ฮิตเลอร์หลงไหลนั่นเอง
...
ยุคแรกเริ่มเดิมทีอาจจะสับสนกันนิดหน่อยข้อมูลทางวิชาการหากันไม่ค่อยจะครบหรอกครับมี
หลายสาย หลายวิชาที่ถือว่าเป็นความลับมาเป็นรูปเป็นร่างกันจริง ๆ ตอนที่เกิดสงครามระหว่าง
พวกปานฑปกับพวกเการพที่เค้าเรียกว่า "มหาภารตยุทธ"   เหล่านักบวชได้นำเอาสงครามครั้งนี้
มาจดเอาไว้เล่าขานถึงวิธีการต่อสู้ การใช้เวทย์มนต์คาถาจนมากลายเป็นคัมภีร์ที่สี่ "อาถรรพ์เวท"
...
ยุคถัดจากมหาภารตยุทธพวกพราหมณ์รุ่งเรืองถึงขีดสุด แตกแยกแขนงออกไปเป็นศาสนาฮินดูที่
นับถือและบูชาเทพเจ้าอย่างชัดเจน ซึ่งก็คือ พระพรหม,พระวิษณุ,และพระศิวะกลายเป็นอักขระ
ยอดฮิต อ,อุ,มรวมเป็นคำศักดิ์สิทธิ์เรียกว่า "โอม"...แทนพระนาม "ตรีมูรติ"
...
ยุคนั้นนิกายที่โด่งดังมีสองนิกายครับ คือ "ไศวะนิกาย่" และ "วิษณุนิกาย"    พวกที่นับถือพระศิวะ
นั้นจะอยู่ในตอนกลางของประเทศอินเดียส่วนพวกนับถือพระวิษณุนั้นจะอยู่ทางอินเดียตอนล่าง...
ส่วนประวัติความเป็นมาของเทพทั้งสามนั้นพี่ ๆ คงจะคุ้นเคยกันดี...เชิญหาอ่านกันตามสะดวกเลยครับ
แน่นอนครับ ความนับถือในนิกายเหล่านี้ต่างถ่ายทอดผ่านการเดินทางมายังดินแดนสุวรรณภูมิจนเกิด
กลายเป็นสรรพวิชาและมรดกโลกชิ้นงามในปัจจุบัน
...
ในอินเดียสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้านั้นมีมากมายมหาศาลใหญ่โต ที่ยังสมบูรณ์อยู่
ก็มีเป็นจำนวนมากผมดูความงดงามของปราสาทในอินเดียแล้วหันมาชมของนครวัด-นครธมก็ล้วน
แล้วเป็นการสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมต่อๆ กันมานี่เองครับ...พอจะมองเห็นภาพรวมกันบ้างไหม
เอ่ย???

รามเทพ โพสต์ 2013-4-23 23:29

...
9
...

เสียงเคาะประตูดังลั่นเข้ามาในความรู้สึก สมาชิกร่วมห้องดีดตัวขึ้นจากเตียงแทบจะพร้อม ๆ กัน
เปิดประตูออกมาเป็นพี่วุ่นนี่เองมาเคาะปลุก เพราะถึงเวลานัดแล้วแต่ห้องนี้ยังม่ายตื่น:Lชีวิตวุ่น
วายมากครับกับการอาบน้ำทำเวลาอย่างรวดเร็ว แล้วลงมานั่งรอรถตู้ที่นัดเอาไว้ยามเช้าตรงล๊อบบี้
ของโรงแรมกันหน้าสลอนโรงแรมเห็นเราจะออกเดินทางแต่เช้าไม่รับอาหารเช้าฟรีก็ยังใจดีจัด
กล่องอาหารว่างแบบเบา ๆ ให้พวกเราไปกินกันบนรถซะอีกแน่ะ
...
เนื่องจากวันนี้เราต้องเข้าไปเยี่ยมชมหลายปราสาทมาก...มากจริง ๆ ;P ผิดพลาดประการใดขอ
อำไพทุก ๆ ท่านมา ณ โอกาสนี้ครับการทัวร์ปราสาทในแต่ละวันจะต้องมีการซื้อตั๋วเข้าชมครับ
ในราคา 20 ดอลล่าร์ขาดตัวต่อมะได้แถมต้องไปรายงานตัวตอนซื้อตั๋วซะด้วยเพราะเค้าต้อง
ถ่ายรูปของเราลงบัตรแล้วปรินท์ออกมาให้พกติดตัวไว้แสดงเวลาพนักงานตรวจครับ หรือบางทัวร์
เค้าก็มีแจกแท็กไว้ให้ลูกทัวร์ห้อยคอเอาไว้เลย คิดเป็นเงินไทยกลม ๆ ณ เวลานั้นก็ 600 บาท
ครับ เข้าชมได้ทุกปราสาทที่ท่านอยากจะไปในหนึ่งวันแนะนำกันอีกซักนิดกรุณาเช็คเวลาเปิด
ปิดให้เข้าชมปราสาทต่าง ๆ ให้ดีก่อนวางแผนนะครับบางที่รู้สึกว่าจะปิดเร็วบางที่ก็ปิดช้าครับ
พลาดแล้วจะทำให้เสียเวลาในการเดินทาง...ต่อ...ต่อ...ถ่ายรูปเสร็จปุ๊ปได้ตั๋วปั๊ป เค้าจะมีโบชัวร์
วางเอาไว้ข้าง ๆ ช่องจ่ายเงินนั่นหละครับมือไวใจเร็วหยิบได้เรยย์ฟรีแน่นอน เป็นแผนที่พร้อม
ภาพประกอบสวยให้เราดูประกอบการตัดสินใจพอสังเขปครับ(ปล. 3 วันเค้าคิด 40 ดอลล์) เปิด
จำหน่ายตั๋วตั้งกะตีสีครึ่งหรือยังไงนี่ละครับว่ากันตั้งแต่เช้ามืดไปเรยย์เค้าเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ตี
สามหรือตีสี่นี่แหละครับจำไม่ได้แหล่ว:Lเรียกว่าจุดเทียนส่องกันได้ตามที่ท่านต้องการเลย(อัน
นี้เข้าทางทัวร์คณะนี้พอดี;P)
...



...
จริง ๆ แล้วนักท่องเที่ยวส่วนมากจะรอชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ตัวปราสาทบริเวณสระน้ำนั่นเองครับเป็น
ไฮไลท์สำหรับจุดนี้โดยเฉพาะส่วนคณะคศช. ไม่มีเวลาดูพระอาทิตย์ขึ้นหรอกครับรีบจ้ำอ้าวไป
ยังตัวปราสาทหลังเล็กที่องค์อัฎฐะกรเทวราชประทับอยู่ตามนิมิตรของท่านอาจารย์ที่เห็นว่ามีคนมา
โยนผ้าสีขาวให้คณะของคศช.ทำการสักการะท่านอีกครั้งด้วยความปลาบปลื้มครับ ใครจะไปนึก
ว่าจะได้พบท่านทั้งเช้าและเย็นถึงตอนนี้ก็เปิดการเจรจากับผู้ดูแลบริเวณนั้นครับและ
ผ้าคล้องพระกรขององค์ท่านก็ได้ถูกอัญเชิญมาโดยท่านอาจารย์สรายุทธของเราให้ลูกศิษย์ที่ไม่ได้
ไปในครั้งนี้ได้สักการะบูชาถึงสำนักกรุงเทพเลย...แน่นอนครับจุดนี้เราได้มวลสารแบบเยอะมาก ๆ
ขออะไรได้อย่างนั้นเลยเชียว ....เติมเต็มด้านกำลังใจกันเต็มที่แล้วได้เวลาตะลุยปราสาท
นครวัดกันแล้วค๊าบบ..








หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7
ดูในรูปแบบกติ: >> ธรรมชาติ ปราสาท ศิลา สวรรค์ one Dollar กับ Lady Boy<<