วังนาคินทร์ คำชะโนดแห่งนี้ ปรากฏตำนานลี้ลับ และเรื่องราวมหัศจรรย์มากมายให้กล่าวขาน ตามตำนานเล่าว่า พระอินทร์ให้ พระยาสุทโธนาค มาตั้งบ้านเรือนอยู่ถิ่นนี้ ซึ่งมีต้นชะโนดขึ้น และพระอินทร์ได้กำหนดไว้ว่า ในหนึ่งเดือน เมื่อถึงข้างขึ้น 15 วัน ให้พระยาสุทโธนาค กลายร่างเป็นมนุษย์ พระยาสุทโธนาค เมื่อกลายร่างเป็นมนุษย์ มีชื่อเรียกว่า “เจ้าพ่อพระยาศรีสุทโธ” มีวังนาคินทร์ คำชะโนด เป็นถิ่นพำนัก ส่วนอีก 15 วันในข้างแรม พระอินทร์กำหนดให้ พระยาสุทโธนาค และบริวาร กลายร่างเป็นนาค เมื่อพระยาสุทโธนาค กลายร่างเป็นนาค มีชื่อเรียกว่า “พระยานาคราชศรีสุทโธ” และให้อาศัยอยู่ในเมืองบาดาล
ชาวบ้านที่ทำมาหากินอยู่ในละแวกนั้น มักจะพบเห็นสิ่งมหัศจรรย์ในมิติลี้ลับอยู่เสมอ เช่น เห็นชาวเมืองชะโนด ไปเที่ยวงานบุญบ้าง เห็นผู้หญิงไปยืมเครื่องมือทอผ้าจากชาวบ้านบ้าง หรือบางครั้งชาวเมืองชะโนดจัดงานบุญประจำปี และว่าจ้างเอาภาพยนตร์เข้าไปฉายที่กลางเมืองชะโนด ก็เคยมี เป็นที่กล่าวขานกัน จนหน่วยฉายหนังเร่เมืองอุดร หวาดผวาไปตามๆ กัน หรือแม้เวลาที่เกิดน้ำท่วมใหญ่บริเวณรอบๆ ตัวเกาะ เมืองชะโนดก็ยกตัวลอยขึ้นทั้งเกาะ น้ำจึงท่วมไม่ถึงตัวเกาะคำชะโนด ครั้งเมื่อเวลาน้ำลด ตัวเกาะก็จะลดลงเหมือนเดิม เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่เมืองคำชะโนดคำชะโนด แห่งนี้ มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า “ปล่องพญานาค” เคยมีคนนำไม้ไผ่ลำยาวๆ 3 ต้นมาต่อกัน แล้วหยั่งลงไป ปรากฏว่า ยังไม่ถึงพื้นเลย แต่แปลกที่ว่า เมื่อโยนเหรียญลงไป จะมองเห็นเหรียญได้หมด น้ำใสมาก ชาวบ้านมีความเชื่อว่า พญานาค ได้ออกมาจากปล่องนี้ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นที่เชื่อถือกันว่า เป็นแหล่งที่อยู่ของพญานาคใต้บาดาล บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีลักษณะเป็นบ่อน้ำตามธรรมชาติ บ่อน้ำแห่งนี้มีเรื่องเล่ากันว่า เป็นบ่อศักดิ์สิทธิ์ บางท่านลองมาทำการอธิษฐานเสี่ยงสัตย์ บารมีว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่ โดยลองอธิษฐานให้น้ำภายในบ่อเปลี่ยนสีเป็นสีต่างๆ ก็ปรากฏว่า น้ำภายในบ่อแห่งนี้สามารถเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง สีแดง ได้ตามอธิษฐานจริงๆ ความโด่งดัง ความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ของบ่อแห่งนี้ จึงทำให้ผู้คนทุกชนชั้น นำน้ำภายในบ่อไปรักษา โรค ไปดื่ม ไปอาบ ไปบูชาไว้ภายในบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคลของตนเองและ ครอบครัว มีหลายรายที่นำน้ำภายในบ่อนี้ ไปรักษาอาการ เจ็บป่วยของตนเองหรือของผู้อื่นก็ปรากฏเป็นอัศจรรย์ว่า เขาเหล่านั้นสามารถหายจากอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่บางโรคนั้น แพทย์แผนปัจจุบันก็ไม่รับรักษาแล้ว หรือเป็นเรื้อรังมานานแม้รักษาเท่าใดอาการก็ไม่เคยทุเลา ก็ลองนำน้ำภายในบ่อนี้มาใช้ดูก็ปรากฏว่า โรคที่เรื้อรังมาแต่เดิมกลับสามารถหายได้อย่างไม่คาดฝันมาก่อนเลย
ความอัศจรรย์จากบ่อน้ำแห่งนี้ยังมีอีก คือระดับน้ำในสระนั้นสามารถขึ้นลงได้เช่นเดียวกันกับระดับน้ำในแม่น้ำโขง ประการต่อมาคือยามที่มี บั้งไฟพญานาคบางครั้งก็จะมีลูกไฟลอยขึ้นมาจากสระน้ำแห่งนี้เช่นเดียวกัน สร้างความประหลาดใจกับชาวบ้านมานักต่อนักแล้ว อีกประการหนึ่งคือที่สระน้ำแห่งนี้จะมีฟองอากาศผุดขึ้นมาคล้ายว่า มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างหายใจอยู่ใต้น้ำ ชาวบ้านเขาก็เชื่อว่าพญานาคท่านหายใจออกมา คุณครูไม่ใหญ่เมตตาให้คำตอบไว้ว่า บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีคนไปอธิษฐานให้รักษาโรคนั้น บางคนหาย บางคนไม่หาย ขึ้นอยู่กับบุญบาปหรือการกระทำของตัว รวมทั้งความเชื่อด้วย หากพญานาคช่วยใครได้สำเร็จ พญานาคก็จะได้บุญและบารมี แล้วก็จะมีคนไปนับถือเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง ซึ่งก็ยังไม่ใช่ที่พึ่งที่แท้จริง เพราะพญานาคยังต้องพึ่งพระรัตนตรัย ต้นชะโนด เป็นต้นไม้กายสิทธิ์ มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Livistona saribus ชะโนดเป็นต้นไม้ชนิดที่หายากมากในประเทศไทย ประกอบด้วยต้นมะพร้าว ต้นหมาก และต้นตาล รวมกันเป็นต้นชะโนด อยู่ในตระกูลปาร์มชนิดหนึ่งไม่มีหนามมีใบเหมือนใบตาล ลำต้นเหมือนต้นมะพร้าว ลูกเป็นเม็ดเล็กๆคล้ายหมาก สูงประมาณ30เมตร เหลืออยู่ที่เดียวในท้องที่อำเภอบ้านดุง ซึ่งอยู่ระหว่างรอยต่อ 3 ตำบลคือ ตำบลบ้านม่วง ตำบลวังทองและ ตำบลบ้านจันทน์ จ.อุดรธานี มีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่
มีผู้หญิงจากคำชะโนดมายืมฟืม (เครื่องมือทอผ้า)
ก่อนปี พ.ศ. 2500 พี่น้องชาวบ้านม่วง บ้านเมืองไพร บ้านวังทอง อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี มักจะไปพบเห็นชาวเมืองชะโนด ไปเที่ยวงานบุญประจำปี หรือบุญมหาชาติที่ชาวบ้านเรียกว่าบุญพระเวส ทั้งผู้หญิงและผู้ชายอยู่บ่อยครั้ง บางทีจะมีผู้หญิงจากเมืองชะโนด มายืมเครื่องมือทอผ้า (ฟืม) ไปทอผ้าอยู่เป็นประจำ
ประกวดชายงามที่คำชะโนด
เจ้าพ่อพญาศรีสุทโธ ได้จัดมีการแข่งเรือและประกวดชายงามที่เมืองชะโนด นายคำตา ทองสีเหลือง ซึ่งเป็นชาวบ้านวังทอง ตำบลวังทอง อำเภอบ้านดุง ติดกับเมืองชะโนด เป็นผู้ได้รับคัดเลือกจากเจ้าพ่อพญาศรีสุทโธ ให้ไปประกวดชายงาม และนายคำตาเกิดคลุ้มคลั่งอยู่ประมาณ 1 อาทิตย์ ญาติพี่น้องได้ทำการรักษาโดยใช้หมอเวทมนต์ (อีสานเรียกว่าหมอทำ) จัดเวรยามอยู่เฝ้าดูแล แต่ในที่สุดนายคำตา ก็ได้หายตัวไปนานประมาณ 6 ชั่วโมง จากนั้นก็ได้โผล่กลับมา และได้เล่าเรื่องเมืองชะโนด ให้พ่อแม่ พี่น้องฟังถึงความงามความวิจิตรพิสดารต่างๆ ของเมืองบาดาล ซึ่งต่อมาภายหลัง นายคำตา ได้บวชอยู่ที่วัดศิริสุทโธ หรือวัดโนนตูม และได้ถึงแก่มรณภาพเมื่อ พ.ศ.2533 (จากบล็อกโอเคเนชั่น)
http://www.dmc.tv/pages/scoop/คำชะโนด%20.html
|