เรื่องของท่านบ๋าวเอิง เก็บความจากหนังสือประสบการณ์ทางวิญญาณเล่มที่ ๑๔ ของคุณทองทิว สุวรรณทัต โพสท์ในเวบสวนขลังดอทคอม เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2551
องสรภาณมธุรส หรืออีกนัยหนึ่งคือ ท่านบ๋าวเอิง แห่งวัดญวนสะพานขาวเคยเล่าว่า มีเด็กคนหนึ่งตายได้หนึ่งเดือนแล้วแต่ร่างกายไม่เน่าเปื่อย บิดา-มารดาของเด็กได้มาหาท่านขอให้ช่วยชีวิตลูกของเขากลับคืนมา ท่านบ๋าวเอิงฟังเรื่องการไม่เน่าไม่เปื่อยของเด็กที่ตายไปแล้วก็อยากจะรู้ ความจริง จึงได้ทำพิธีเรียกวิญญาณเด็กคนนั้นมาถามก็ได้ความว่า "เป็นลูกชายพญานาคมาเที่ยวเมืองมนุษย์ ถึงเวลาแล้วต้องกลับ" บิดา-มารดาของเด็กทราบความก็อยากให้ลูกฟื้นคืนชีวิตมาอีก ซึ่งเรื่องนี้ท่านบ๋าวเอิงได้บอกกับลูกศิษย์ที่อยู่ในที่นั้นว่า "อาตมาขอปรึกษาท่านโอภาสีที่บางมดก่อน" ลูกศิษย์ท่านบ๋าวเอิงถามว่า "หลวงพ่อจะไปถึงบางมดเชียวหรือครับ" ท่านบ๋าวเอิงตอบว่า "เดี๋ยวจะนิมนต์วิญญาณท่านโอภาสีมา" ลูกศิษย์จึงแย้งว่า "ท่านโอภาสียังมีชีวิตอยู่วิญญาณของท่านจะมาได้อย่างไร" ท่านบ๋าวเอิงจึงบอกว่า "ตามปกติท่านโอภาสีฉันเพลแล้วจะทำสมาธิถอดวิญญาณออกจากร่างไปเที่ยวในที่ ต่างๆ ได้" เมื่อได้เวลาท่านบ๋าวเอิงก็เข้ากุฏิทำสมาธินิมนต์วิญญาณ ท่านโอภาสีมาสนทนาถามไถ่ถึงปัญหาต่างๆจากนั้นจึงเล่าให้ลูกศิษย์ฟังในเวลา ต่อมาว่า "หลวงพ่อโอภาสีมาบอกว่าวิญญาณของเด็กคนนี้แข็งมากเพราะ เป็นลูกชายของพญานาคมาจุติ เมื่อออกจากร่างเด็กก็ไปเลยไม่กลับมาอีก ถ้าจะให้เด็กมีชีวิตอยู่ต่อ ก็ต้องให้วิญญาณของคนตายไม่นานมาเข้าร่างเด็กแทน ถ้าวิญญาณใหม่ที่เข้าร่างเด็กนี้เป็นอริกับพ่อ-แม่ก็จะล้างผลาญพ่อ-แม่ให้ เกิดความเสียหายได้ ไหนๆ เด็กก็ตายไปแล้วอย่าได้อาลัยอยู่เลย เร่งทำบุญต้อนรับลูกคนใหม่เถิด" นอกจากนี้ท่านบ๋าวเอิง ยังได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับวิญญาณอีกว่า วันหนึ่งใน พ.ศ.๒๔๘๙ นายเซ่งหลี ลืออำรุงได้มานิมนต์ทำพิธีกงเต็กให้แก่บิดาชื่อ นายฮ้วย แซ่หลือ ซึ่งได้ถึงแก่กรรมเมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ พิธีกงเต็กเริ่มขึ้นเมื่อเวลา ๑๖.๐๐ น. โดยให้เจ้าภาพสมาทานศีลและสอนเจ้าภาพให้อธิษฐานบูชาธูปต่อพระรัตนตรัย อัญเชิญมาเป็นองค์ประธานสูงสุด กล่าวชุมนุมเทพเจ้าทั้งสิบทิศ มีพระสยามเทวาธิราชเป็นต้นเป็นองค์ทิพยพยานแล้วพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ต่อจากนั้นก็ถึงพิธีเชิญวิญญาณของนายฮ้วย แซ่หลือ มาสู่ดวงวิญญาณทิพย์ (ที่สมมติทำด้วยกระดาษให้วิญญาณสถิตย์) พระสงฆ์สวดพระคาถามีการบรรเลงมโหรีคลอไปตามทำนองลีลาการสวดในพิธีกงเต็ก เวลาล่วงเลยไปประมาณ ๑๘.๐๐ น. ขณะที่ท่านบ๋าวเอิงสำรวมจิตภาวนาระลึกถึงพระบารมีของพระพุทธองค์ ให้ทรงโปรดประทานนำดวงวิญญาณของนายฮ้วย แซ่หลือ มาสิงสถิตในดวงวิญญาณทิพย์ เพื่อวิญญาณจะได้ฟังธรรม จำศีล รับส่วนกุศลผลศีลผลทานของบุตรผู้มีความกตัญญูกตเวที อุทิศให้ พอสักครู่ได้เกิดนิมิตเห็นแสงสว่างดังดวงไฟฉายส่องแสง เป็นลำพุ่งมายังตัวของท่านเป็นทางยาว จากต้นตอที่มาของแสงสว่างเป็นจุดเล็กๆเคลื่อนเข้ามาทุกที จนปรากฏชัดเป็นภาพของมนุษย์สวมเสื้อกุยเฮง กางเกงปั๋งลิ้นสีดำ ร่างกายผอมหลัง ค่อมเล็กน้อย กิริยาท่าทางที่เดินเข้ามาดูเร่งรีบ เมื่อมาใกล้ดวงวิญญาณทิพย์ก็หายวับ ท่านบ๋าวเองบอกว่า "ท่านไม่เคยเห็นตัวจริงหรือแม้แต่ภาพถ่ายของผู้ตายมาก่อนเลย แต่เมื่อบุตรของผู้ตายนำมาให้ดูภายหลังหน้าตาก็เหมือนกับที่ท่านได้เห็นในนิมิต" เก็บความจากหนังสือประสบการณ์ทางวิญญาณเล่มที่ ๑๔ ของคุณทองทิว สุวรรณทัต เรื่องของหลวงพ่อบ๋าวเอิงนั้นขอขัดตาทัพเอาไว้ก่อนเพียงแค่นี้ เรื่องอื่นๆ รอคุณรณธรรมมาเล่า โดยเฉพาะ เรื่องเชิญวิญญาณพ่อปู่หมอชีวกโกมารภัตมา ปรากฏที่เล็บมือเพื่อปั้นรูป เดี๋ยวคุณรณธรรมไม่ได้ออกโรงเอง สมาชิกที่รออยู่จะได้หายเหงา หายคิดถึง
|