หลวงปู่สีทัตถ์ ท่านเป็นชาวท่าอุเทนโดยกำเนิด ท่านเกิดที่หมู่ที่ ๔ ตำบลท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม เมื่อพ.ศ. ๒๔๐๘โยมบิดาชื่อ นายมาก โยมมารดาชื่อ นางดา สุวรรณมาโจเมื่ออายุครบ ๒๐ ปี ท่านได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดโพนแก้ว อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรมทางบาลีจากท่านพระอาจารย์ขันธ์ พระอาจารย์ผู้มีวิทยาคมสูงยิ่งแห่งวัดโพนแก้วนั่นเองเมื่อเห็นว่ามีความรู้ขั้นพื้นฐานดีแล้ว ท่านจึงได้ย้ายสำนักไปเรียนอยู่กับ พระอาจารย์ตาคำ แห่งวัดศรีสะเกษในตัวเมืองท่าอุเทนเช่นกัน
หลวงปู่สีทัตถ์เป็นพระโพธิสัตว์สำเร็จอภิญญา ๕ ประการยั้งจิตไว้ไม่เข้าสู่สาวกภูมิหรือบรรลุเป็นพระอริยบุคคลในปัจจุบันชาติ ไม่เข้าสู่ความเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามีและอรหันต์ เพราะท่านจะสร้างสมบุญญาธิการไปเรื่อยจนกว่าจะบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในกาลข้างหน้าซึ่งไม่รู้ว่าจะอีกนานเท่าไหร่ แต่ทั้งนี้ความมุ่งมาดปรารถนาของท่านสำเร็จผลแน่นอน เพราะองค์ท่านได้รับพุทธพยากรณ์ไว้แล้วจากพระพุทธเจ้าในอดีตกาล อำนาจจากอภิญญา ๕ ประการนี้หนึ่งในความสามารถนั้นคือการย่นย่อระยะทาง ใช้อำนาจจิตอธิษฐานทำให้แผ่นดินแผ่นน้ำที่กว่างใหญ่แคบลงเพียงไม่กี่ก้าวเดินได้ ในสมัยที่หลวงปู่สีทัตถ์เดินธุดงค์พร้อมสามเณรน้อย คราวหนึ่งหลังจากฉันเช้าแล้ว หลวงปู่สีทัตถ์จะพาเณรน้อยข้ามลำน้ำโขงแต่เนื่องจากไม่มีเรือจึงเดินเลาะชายโขงไปเรื่อยๆ เพื่อว่าจะเจอเรือสักลำ เดินอยู่นานจนเณรน้อยเหนื่อยก็ยังไม่พบเรืออยู่ดี
ในที่สุดหลวงปู่ท่านบอกให้เณรน้อยกลับหลังหัน แล้วให้ยืนนิ่ง ๆ พร้อมกับให้หลับตาให้สนิทจริง ๆขณะที่สั่งหลวงปู่ท่านอยู่ด้านหลัง และอยู่ห่างกันประมาณวาเศษ ๆ พอหลวงปู่ท่านสั่งแล้วเณรน้อยก็หลับตาตามที่ท่านสั่ง สักอึดใจนึงหลวงปู่ก็สั่งขึ้นว่าเอ้าเณรลืมตาขึ้นได้ พอเณรลืมตาขึ้นมาเท่านั้นก็พิศวงในใจอย่างยิ่งเพราะบัดนี้ตนเองและหลวงปู่มายืนอยู่อีกฝั่งโขงเสียแล้ว ตรงที่ตนเองกำลังยืนอยู่คือแผ่นดินฝั่งลาว เรามาได้อย่างไรกัน พอเอ่ยปากถามหลวงปู่ว่ามาได้อย่างไร หลวงปู่กลับบอกว่า “ไม่ใช่เรื่อง เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว”
|