ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3640
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

"ปรศุราม"

[คัดลอกลิงก์]
ปรศุรามวตาร



ท่านเป็น 1 ในภาคอวตารแห่งนารายณ์มหาเทพ เมื่อครั้งโลกมนุษย์ถูกปกครองโดยวงศ์กษัตราผู้หยาบคายว่า "ท้าวสหัสอรชุน" ซึ่งเป็นพระโอรสของท้าวกฤตวีรยะ ท้าวอรชุนนั้นจึงมีฉายาว่า "การตวีรยะ" ท้าวอรชุนนั้นได้ร่ำเรียนวิชาจากฤาษีทัตตะไตยะ
ฤาษีตนนี้ท่านเป็นบุตรของมหาฤาษีอัตริพรหมประชาบดี 1 ใน  มหาสัปตฤาษีผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 7 ตน และเป็นบิดาของฤาษีทุรวาส  ท้าวอรชุนได้หมั่นปรนนิบัติฤาษีทัตตะไตยะเป็นอย่างดี จนท่านเมตตาให้ท้าวอรชุน ขอพรจากท่านได้ 7 ข้อ เพื่อตอบแทนที่หมั่นปรนนิบัติท่านมา  ท้าวอรชุนจึงได้ขอพรจากฤาษีทัตตะไตยะ 7 ข้อ ดังนี้
1.ขอให้มีพระกร 1,000 พระกร
2.ขอบุษบกที่สามารถเหาะลอยได้ตามใจปรารถนา
3.ขอให้มีอำนาจ ปัญญาปราบทุจริตให้สำเร็จด้วยความยุติธรรม
4.ขอให้ชนะได้ทั่วทั้งแผ่นดินเหนือพระราชาทั้งโลก
5.ขอให้จิตรู้จักผิดชอบชั่วดีเพื่อจะได้ปกครองประชาชนโดยธรรม์
6.ขออย่าให้พ่ายแพ้แก่ผู้ใด ในการสู้รบ
7.ถ้าจะตาย ขอให้ตายด้วยมือของผู้มีเกียรติลือเลื่องทั่วไตรภพ
ท่านจึงประทานพรให้ตามนั้น ท้าวอรชุนปกครองบ้านเมืองด้วยความสงบสุข นครมหิษบดีปุระในยุคสมัยของอรชุนนั้นอยู่ยืนยาวถึง 8,500ปี และเมื่อมีสงครามก็ชนะทุกครั้งไป
เรื่องราวลือไปไกลจนถึงนครลงกา ทราบถึงท้าวราพนาสูร(ทศกัณฐ์ยังวัยเยาว์ ร่ำเรียนวิชากับฤาษีโคบุตร) เกิดความสงสัยในฤทธิ์ของท้าวอรชุน จึงแอบเขาไปยังอุทยานนครมหิษบดีปุระ พบว่าท้าวอรชุนมีบุษบกวิเศษที่สามารถไปที่ใดก็ได้ และอาจเป็นผลให้มีฤทธิ์มาก จึงเกิดความอิจฉาริษยาอยากได้เป็นของตน ทันใดนั้นท้าวอรชุนสังเกตุเห็น จึงร้องถามและเกิดวาทะโอ้อวดเรืองฤทธิ์ ทำให้ท้าวอรชุนมีโทสะลงมือสั่งสอนท้าวราพนาสูรจนบาดเจ็บสาหัส
ฤๅษีโคบุตรรู้ด้วยญานเตือนภัยแก่ศิษย์จึงออกตามหา ก็พบท้าวอรชุนเอาศรนาคมัดราพนาสูรตระเวนไปบนฟ้าก็ตกใจ ด้วยกล้วว่าลูกศิษย์จะตายจึงขอโทษแทนศิษย์  ท้าวอรชุนแม้ยังโกรธแต่เมื่อท่านฤๅษีอ้อนวอน จึงยอมยกโทษอภัยให้ ด้วยเหตุครั้งนั้นทำให้เป็นที่นับถือให้ความเคารพมากยิ่งขึ้น เมื่อมีเรื่องอะไรกันก็จะให้ท้าวอรชุนตัดสิน บรรดาวรรณะกษัตริย์ก็ยอมอยู่ใต้พระบารมีของท้าวอรชุน เวลาที่วรรณะกษัตริย์มีเหตุกับวรรณะพราหมณ์ก็ให้ท้าวอรชุนช่วย ซึ่งท้าวอรชุนก็จัดการกับพราหมณ์ฤาษี จนพราหมณ์พ่ายแพ้ไปเสียทุกครั้ง ไม่เว้นแม้แต่พราหมณ์ที่ดีมีคุณธรรม ด้วยความหลงในอำนาจและเกียรติที่ได้รับทำให้คุณธรรมเจือจากไป
บรรดาฤาษีและคณะพราหมณ์ จึงรวมกันทำพิธียัญญกรรมอันเชิญพระนารายณ์มหาเทพให้ลงมาปราบและแก้ไขศีลธรรม พระองค์ทรงอวตารเป็นบุตรคนที่ 5 ของฤาษีชมทัคนีผู้ที่ถือได้ว่าเป็นยอดแห่งฤาษี และด้วยเหตุแห่งพิธีกรรมของมหาฤาษีภฤคุ 1 ในสัปตะฤาษีผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 7 ตน ให้บุตรในคราวหลานมีฤทธิ์เดชเรืองอำนาจมาก เมื่ออวตารมาได้ถือร่ำเรียนสรรพวิชาและพรตบำเพ็ญเป็นฤาษีนาม"ราม"หรือ"รามฤทธิรุทร" รามเป็นที่ชื่นชอบของพระศิวะเจ้ามาก
ท่านจึงประทานขวานเพชรให้แล้วเรียกขานว่า

"ปรศุราม"

วันหนึ่งฤาษีชมทัคนีได้เข้าป่าหาผลไม้ นางเรณุกาภรรยาได้ไปเพื่ออาบน้ำที่ลำธารตามปกติ นางเรณุกาก็ได้ยินเสียงของพระราชาจิตรสแห่งเมืองมฤติกาวดีกับพระมเหสีกำลังพลอดรักกันอยู่ในลำธาร ทำให้นางเรณุกาจึงเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจว่า ตนเองนั้นเป็นถึงธิดากษัตริย์แต่กลับต้องทำงานเยี่ยงบ่าวไพร่ และไม่มีเวลาได้อยู่กับฤาษีชมทัคนี นางได้กลับมาที่อาศรมแต่มีอาการกระวนกระวายใจ เมื่อฤาษีชมทัคนีกลับมาเห็นนางผิดแปลกไป จึงเอ่ยถามนางนางจึงเล่าให้ฟังทั้งหมด จึงทำให้ฤาษีชมทัคนีโกรธว่าทำไมนางมีจิตใจลามกเช่นนี้ และได้สั่งให้บุตรชายคนโตรุวัณวัตสังหารนางเสีย แต่รุวัณวัตไม่สามารถทำได้ ฤาษีชมทัคนีจึงสั่งบุตรชายคนที่สองไปจนกึงคนที่สี่แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำได้ ฤาษีจึงโกรธมากและสาปให้ คนหนึ่งเป็นคนโง่ คนหนึ่งเป็นคนบ้า คนหนึ่งเป็นคนเสียสติ คนหนึ่งเป็นคนวิกลจริต ในขณะนั้นปศุรามกลับมาที่อาศรมพอดี ฤาษีชมทัคคีจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังและสั่งให้ปรศุรามสังหารมารดาเสีย ปรศุรามไม่อยากสังหารมารดาแต่ก็ไม่อยากขัดคำสั่งบิดา และไม่อยากเป็นเช่นพี่ชายทั้งสี่คน จึงก้มลงกราบลงที่เท้าของนางเรณุกาและนำขวานเพชรฟันพระศอของนางขาดกระเด็นเมื่อสังหารนางเรณุกาแล้ว ฤาษีชมทัคนีได้ชื่นชมปรศุรามและได้ให้พร 3 ประการ ปรศุรามจึงขอพรดังนี้

1.ขอให้นางเรณุกาฟื้นคืน
2.ขอให้พี่ชายทั้ง 4 กลับมาเป็นคนปกติ
3.ขอให้ตนเองมีฤทธิ์เดช อายุยืน มีเกียรติแบบแห่งมุนี
ซึ่งฤาษีชมทัคนี ก็ประทานพรให้ และทั้งหมดก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-9-4 16:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2016-9-4 16:31



ครั้งหนึ่งท้าวอรชุน ทราบว่ามหาฤาษีวสิษฐ์ (1 ใน สัปตะฤาษีทั้ง 7 ตน) มีโควิเศษคือโคสุรภี ซึ่งได้มาจากการกวนเกษียณสมุทร จึงอยากได้มากเป็นของตน จึงยกทัพไปล้อมอาศรมของท่าน มหาฤาษีวสิษฐ์จึงให้โคสุรภีนิรมิตกองทัพมาสู้รบจนท้าวอรชุนพ่ายแพ้ไป หลังจากพ่ายศึกนั้นท้าวอรชุนได้ไปประพาสป่า
ผ่านมาที่อาศรมของฤาษีชมทัคนี ซึ่งในขณะนั้นนางเรณุกาอยู่แต่เพียงผู้เดียว จึงได้รับการต้อนรับเป็นอันดีจากนางเรณุกา  ก่อนที่จะกลับ ท้าวอรชุนเห็นโคตัวหนึ่งที่เลี้ยงไว้ ซึ่งเป็นโควิเศษเช่นเดียวกับโคของฤาษีวสิษฐ์ จึงได้เอ่ยปากขอ แต่นางเรณุกาไม่ให้ด้วยท้าวอรชุนมีสมบัติมากมายอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องการโควิเศษ ท้าวอรชุนจึงเอ่ยปากขอลูกโคแทน แต่นางเรณุกาไม่ต้องการให้พรากลูกโคออกจากแม่โคจึงไม่อนุญาต ท้าวอรชุนไม่ยอมจึงแสดงความไม่พอใจด้วยการตัดต้นไม้รอบๆอาศรมทิ้งและจับลูกโคสุรภีไป แล้วตรัสว่าใครมาขัดขวางจะลงโทษ
เมื่อฤาษีชมทัคนีกลับมาที่อาศรมเห็นต้นไม้ถูกตัดออกไปจึงถามนางเรณุกา ซึ่งนางก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังและบอกให้แก้แค้น แต่ฤาษีกลับไม่เอาเรื่องและพูดปลอบ นางเรณุกาจึงไปบอกกับปรศุรามให้แก้แค้น เมื่อปรศุรามได้ฟังก็โกรธแค้นมากเนื่องจากโคตัวนั้นมีความสำคัญมาก จึงนำขวานเพชนและธนูคู่มือติดตามไปนครมหิษมดี ท้าสู้กันตัวต่อตัวกับท้าวอรชุน ท้าวอรชุนนั้นตอบตกลงโดยไม่กลัวเกรง
ทั้งต่อสู้กันต่างผลัดกันรุกรับมิพลาดพลั้งกัน พลั้นปรศุรามยิงศรไปศรหนึ่ง ได้สำแดงถูกแขนพันแขนของท้าวอรชุน เหลือเพียงสองแขน แล้วใช้ขวานเพชรซึ่งไม่มีอำนาจใดมาหักล้างได้เพราะพระศิวะเจ้าประทานให้ ท้าวอรชุนจึงถูกฟันขาดถึงความตายในที่สุด
ปรศุรามได้กลับอาศรม และเล่าเรื่องให้ฤาษีทัคนีผู้เป็นบิดาฟัง แต่ท่านกลับรู้สึกไม่ดีและได้กล่าวสั่งสอนว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ไปก่อเวรแบบนี้น่ะไม่ดีเลย แต่ปรศุรามกลับตอบว่า ใครที่มาก่อเวรจะให้ลองรสขวานเพชรอันเรืองฤทธิ์

เมื่อท้าวอรชุนสวรรคต บรรดาโอรสของท้าวอรชุนต่างโกรธแค้นเป็นอันมากและได้ยกทัพไปที่อาศรมของฤาษีชมทัคนี ซึ่งฤาษีชมทัคนีก็ได้ออกมาต้อนรับ อริชาโอรสคนโตของท้าวอรชุนจึงเอ่ยถามปรศุรามเป็นบุตรของเจ้าซึ่งได้สังหารบิดาของตน  เพราะฉะนั้นอริชาจึงจะสังหารบิดาของปรศุรามให้ตายเป็นการแก้แค้น เมื่อฤาษีชมทัคนีได้ฟังก็ได้ร้องชีวิตแต่หาได้เป็นผลไม่ อริชาได้สังหารฤาษีชมทัคนีและทิ้งศพไว้หน้าอาศรมนั้น  เมื่อปรศุรามกลับมา พบศพของฤาษีชมทัคนีก็ร้องไห้เสียใจแล้วตัดพ้อว่า ฤาษีผู้เป็นบิดานี้ทำแต่ความดี ทำไมถึงมาเสียชีวิตเพราะคนพาลสันดานหยาบแบบนี้ จึงเกิดความรู้สึกถึงว่าวรรณะกษัตริย์นั้นช่างโหดเหี้ยมนัก  และได้สาบานว่าจะสังหารเผ่าพันธุ์วงศ์กษัตริย์ทั้งหมด

หลังจากนั้นปรศุรามก็สังหารวงศ์ของท้าวอรชุนจนสิ้น  รวมไปถึงเหล่าโอรสยกเว้นธิดา มเหสีของเมืองทุกเมืองจนสิ้น จนครบอายุคือ 21 พรรษา ซึ่งหมายความว่าปรศุรามได้สังหารวงศ์กษัตริย์ไปถึง 21 ครั้ง เพื่อแก้แค้น จนในที่สุดเมื่อฉุดคิดขึ้นมาได้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นบาปจึงเดินทางไปที่วิมานเขาไกรลาส เพื่อคืนขวานเพชรให้แก่พระศิวะมหาเทพ ระหว่างนั้นพระศิวะเทพอยู่ในภาวะฌาน มิควรมีผู้รบกวน เมื่อปรศุรามจะเข้าเฝ้าองค์คเณศจึงเข้ามาขวางไม่ยอมให้ปรศุรามเข้าพบ ทำให้ปรศุรามเกิดโทสะใช้ขวานฟาดใส่องค์คเณศ องค์คเณศก็ทราบอยู่แล้วว่า ขวานนั้นเป็นอาวุธของพระบิดา ครั้นจะต่อสู้กันไปก็อาจทำได้ แต่จะมีประโยชน์อันใดกับการทำลายฤทธิ์เดชของอาวุธลงเสียซึ่งอาวุธพระบิดา ก็หาสมควรไม่ จึงใช้งาของตนรับขวาน ที่ขว้างมา จึงทำให้งาของท่านหักไป หลังจากนั้นปรศุรามจึงไปบำเพ็ญตนอยู่ ณ เขามเหนทรบรรพตไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก

บรรดาธิดาและมเหสี เห็นว่าไม่มีเมืองไหนที่มีกษัตริย์ครองเมือง ด้วยกลัวว่าจะสิ้นราชวงศ์วรรณะกษัตริย์ จึงไปขอร้องบรรดาฤาษีทั้งหลายให้ช่วยทำพิธีนิโยค เพื่อไม่ใช้วรรณะกษัตริย์สูญสิ้น บรรดาฤาษีเห็นว่าแผ่นดินควรมีทั้ง วรรณะกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูตร จึงได้ทำพิธีนิโยคขึ้น วรรณะพราหมณ์จึงเป็นผู้ให้กำเนิดวรรณะกษัตริย์ครั้งหนึ่งหลังจากที่ปรศุรามละจากทางโลกแล้ว
ปรศุรามฤาษีเป็นผู้ดุดันเกรี้ยวกราด ทั้งเป็นภาคอวตารที่ผิดแผกจากองค์นารายณ์เพราะอุดมไปด้วยความแค้นและเพลิงโทสะ ด้วยผลพีธีกรรมของมหาฤาษีภฤคที่ก่อโทสะในระหว่างบริกรรม ส่งผลให้เมื่อเสร็จภารกิจก็ไม่ยอมกลับไปรวมภาคกับพระนารายณ์มหาเทพ มุ่งบำเพ็ญไถ่บาปยังบนโลกมนุษย์


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้