ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

หลวงปู่สรวง

[คัดลอกลิงก์]



เครดิต : facebook อำพล เจน





เครดิต : facebook อำพล เจน



เหตุเกิดที่วัดบ้านเบิด

----

ห้วงหนึ่ง

หลวงตาไปพักอยู่วัดบ้านเบิด
พวกศิษย์ก็เลยชวนกันพัฒนาพื้นที่วัด
เริ่มดายหญ้าถางไม้ ที่มันรกเกะกะ
ทำความสะอาดพื้นที่ก่อนจะทำอย่างอื่น
มีดอีโต้คมขนาดโกนขนหน้าแข้งได้
นายอ๊อดฟันไม้พลาดท่าไหนไม่ทราบ
คมอีโต้สับฉั๊วะเข้าที่ขาตนเอง
แถวๆข้อพับ
พ่อบุญเลิศเล่าว่าตนเองตกใจร้องเสียงหลง
แผลเปิดเหวอะน่ากลัว
หลวงตาอยู่แถวนั้นพอดี
ท่านโดดเข้าหา
เอามือตะปบแผลไว้
ปากเป่าปู้ดๆ
พอปล่อยมือ
ไม่ปรากฏแผลเลย
เห็นแค่รอยเนื้อปูดเป็นเส้นตามรอยคมอีโต้เท่านั้น



เครดิต : facebook อำพล เจน

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x



สัญญาว่าจะเล่า
ถือว่าเจ๊าไม่เป็นหนี้กันอีก

---

คุณติ๋ว หญิงวัยกลางคน ชาวอำเภอขุขันธ์ (คลับคล้ายว่าเป็นภรรยาเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์) ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม
หมอนัดผ่าตัดไว้แล้ว ไม่อยากผ่า กลัวๆกล้าๆบอกไม่ถูก
ที่กลัวสุดๆคือกลัวเสียโฉม
เขาว่าต้องตัดนมทิ้งทั้งเต้า
ไปร้องห่มร้องไห้กับหลวงตา
หลวงตาเรียกให้เข้าไปหาใกล้ๆ
จับนมคุณติ๋วบีบเล่นๆ
สักครู่ก็ปล่อย
ไม่ทำอะไรอีก
ก่อนกลับบ้าน หลวงตาเขียนเลข3ตัวให้คุณติ๋ว ซึ่งคุณติ๋วได้ไหว้วานให้พ่อบุญเลิศช่วยแทงทั้งเต็งทั้งโต๊ด ให้เงินค่าแทง 1 พันบาท
"เลขออกตรงๆได้เงินทั้งเต็งโต๊ดเรือนแสน ผมเป็นคนเอาเงินไปส่งให้ถึงบ้านคุณติ๋วที่ขุขันธ์" พ่อบุญเลิศว่า
มะเร็งเต้านมก็หายขาด
ถึงวันนัดผ่าตัด หมอตรวจไม่พบมะเร็ง จึงยกเลิกการผ่าตัด
---
เรื่องจับนมคุณติ๋ว เป็นเหตุให้คนกล่าวขวัญถึง
ผู้หญิงหลายคนอยากให้หลวงตาจับ
ร่ำลือว่าถ้าหลวงตาจับนมใครแล้ว
คนๆนั้นจะโชคดี
แต่ผู้ไม่คุ้นกับเรื่องแบบนี้
มักทำใจยอมรับไม่ได้
คนไม่นับถือหลวงตาเพราะเรื่องนี้จึงมีอยู่



เครดิต : facebook อำพล เจน

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x



ก่อนปี 2525 หลวงตามีที่พำนักประจำอยู่ที่ บ้านละลม อำเภอขุขันธ์

เป็นที่นาของยายอึ๊บ ถวายให้ท่านปลูกกระต๊อบอยู่ราวๆ 1 ไร่

มียายชีแก่เฒ่าอยู่เฝ้าคนหนึ่ง

ไม่ว่าหลวงตาจะไปไหนมาไหน
สุดท้ายย้อนกลับมาที่นี่เสมอ

ต่อมามีคนถูกหวยได้ลาภจากหลวงตามากเข้า
พากันลงขันสร้างที่พัก
สร้างส้วมดีๆ
เพื่ออำนวยความสะดวกถวายหลวงตา

ปรากฏว่าหลังจากนั้นท่านไม่มาที่นี่อีกเลย

เว้นแต่ครั้งที่ยายชีเสียชีวิต
ท่านมาจัดแจงเรื่องศพให้
แล้วก็หายไปไม่กลับมาอีก

พ่อบุญเลิศอธิบายว่าหลวงตาไม่ชอบสถานที่หรูหราสะดวกสบาย
แม้ส้วมก็ไม่เคยใช้
ท่านขุดดินด้วยมือเปล่าแล้วใช้หลุมที่ขุดด้วยมือท่านเองจนตลอดชีวิต

---

ระหว่างที่ท่านยังอยู่ที่นายายอึ๊บนั้นมีเหตุการณ์น่าสนใจเกิดขึ้น

พ่อลูกคู่หนึ่งขับรถเบนซ์รุ่นล่าสุดเข้ามา
หน้าตาพ่อแบกทุกข์หนัก
ถามไถ่ได้ความว่าลูกสาวที่มาด้วยอายุ 12 ขวบ กำลังป่วยเป็นมะเร็งลำไส้
หมอบอกว่าหมดหนทางเยียวยา
ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่เกิน 6 เดือน

บังเอิญมีผู้รู้จักแนะนำให้มาหาหลวงตา
ให้ความหวังว่าบางทีหลวงตาจะช่วยได้
เพราะเคยเห็นท่านช่วยคนเป็นมะเร็งรอดตายมาอย่างน้อยคนหนึ่ง ซึ่งเป็นชาวอำเภอขุขันธ์นี่เอง (จะเล่าให้ฟังต่อไป)

ผู้เป็นพ่อขอร้องให้พ่อบุญเลิศกราบเรียนหลวงตาขอความเมตตาช่วยลูกสาวด้วย

พ่อบุญเลิศตอบว่า นั่นต้องแล้วแต่หลวงตา ท่านจะช่วยหรือไม่ช่วย ก็สุดแต่ท่าน แต่จะกราบเรียนให้

"หลวงตาหลานหญิงตัวน้อยนี้ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ หลวงตาช่วยเขาหน่อย" คุณบุญเลิศกราบเรียนท่านเสียงดัง

"อื๊อ"

ท่านขานรับแล้วไม่ว่าอะไร
คงรับแขกด้วยการเขียนหนังสือสื่อสารกับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยๆ

---

ขณะหนึ่งมีเด็กสาววัยรุ่นอยู่แถวนั้นกำลังดื่มนมกล่อง
ท่านเห็นก็กวักมือเรียก
ชี้นิ้วไปที่นมกล่องที่เด็กสาววัยรุ่นกำลังดูดกิน
หล่อนเข้าใจความหมายที่หลวงตาเรียกได้ดี
กุลีกุจอจะไปหาเอานมกล่องใหม่ถวายหลวงตา
แต่ท่านไม่เอา ยังคงชี้ใส่นมกล่องที่เด็กสาวคนนั้นดูดกินไปแล้ว

เด็กสาวก็จำเป็นต้องถวายนมกล่องที่ดื่มยังไม่หมดให้หลวงตา

ท่านรับมาแล้วก็ดูดจิบเดียว

หันมาเรียกเด็กหญิง ๑๒ ขวบ ที่กำลังป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ให้เข้าไปหา

ส่งนมกล่องให้
พยักเพยิดให้ดูดกินจนหมด
เด็กหญิงที่ป่วยก็ดื่มจนหมด

--

เวลาผ่านไปๆ
เนิ่นนานจนเป็นเหตุให้ผู้เป็นพ่ออึดอัด

"พ่อเลิศครับ ช่วยเรียนหลวงตาอีกครั้งเถิดครับ"

"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ.. เรียนท่านครั้งเดียวก็ไม่ลืม ถ้าท่านจะช่วยท่านก็ช่วยเองหรอก..เมื่อกี้ท่านเอานมให้หนูคนนี้กิน ไม่แน่ว่าท่านช่วยไปแล้วก็ได้ "

---

เรื่องนมกล่องนั้น
ดูยังไงก็ไม่มีใครจะเฉลียวว่าเป็นการช่วยเหลือจากหลวงตาแน่ๆ
เป็นแค่เมตตาของหลวงตาเอื้อเฟื้อของกินแก่เด็กเท่านั้น

พ่อลูกคู่นี้อดทนคอยต่อไป
รอจนกว่าจะแน่ใจว่าหลวงตาทำพิธีช่วยเหลือที่ชัดเจน

ในที่สุดหมดความอดทน คิดว่าท่านไม่สนใจใยดีจะช่วย จึงกราบลากลับกรุงเทพฯ

---

เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนลืม

กี่สัปดาห์
กี่เดือน

พ่อบุญเลิศบอกจำไม่ได้ นึกไม่ออก

พ่อลูกคู่นี้ย้อนกลับมาอีก
พร้อมด้วยรถกระบะติดตาม 2 คัน
บรรทุกข้าวของเครื่องอุปโภคบริโภคสารพันสารพัดเต็มคันรถทั้ง2คัน
เอามาถวายหลวงตา

บอกพ่อบุญเลิศอย่างตื่นเต้นดีใจว่า ลูกสาวปลอดภัยแล้วไม่ตายแน่นอนแล้ว

คือหลังจากกลับไปคราวนั้น
หมอตรวจไม่พบมะเร็งลำไส้
ทั้งยังสงสัยว่ามะเร็งหายไปเองได้อย่างไร

ขณะนี้เชื่อมั่นว่านมกล่องนั้น
น่าจะเป็นการช่วยเหลือจากหลวงตาจริงดังที่พ่อบุญเลิศตั้งข้อสังเกตุ

---

ข้าวของที่ขนมาถวายเยอะแยะ ๒ คันรถนั้น
หลวงตาไม่ยอมรับ
ท่านเรียกชาวบ้านทั้งหมู่บ้านมา
แล้วแจกให้ทุกคนจนเป็นที่สนุกสนานกัน

--

ทุกวันนี้ลูกสาว12ขวบก็โตเป็นสาวแล้ว

ยังมีชีวิตอยู่เป็นสุขสบายดี




เครดิต : facebook อำพล เจน

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x

เรื่องนี้บันทึกไว้นานแล้ว
ตั้งแต่ Mar 12 2011 นู่น
ลอกเอาข้อความที่เขียนไว้ตอนนั้นมาให้อ่านกันใหม่

---

คุณมยุรี โสมอินทร์ เปิดร้านspaบริการฝรั่งอยู่อเมริกา
จำไม่ได้ว่าพิกัดร้านเธออยู่ตรงไหน
คงจะแถวๆนิวยอร์ค
มีเสียงบ่นให้ได้ยินเสมอว่ากิจการไม่ค่อยดี
พยายามหาตัวช่วยให้กิจการกระเตื้องขึ้นหลายแบบหลายแนว
ตามประสาคนนับถือของศักดิ์สิทธิ์
ไม่ว่าจะพิฆเณศร์ หมอชีวก หรือสารพัดที่เขาว่าดี
นิมนต์เข้าร้านหมด
สุดท้ายฝันเห็นหลวงปู่สรวงมาบอกอะไรสักอย่าง (จำไม่ได้ว่าบอกอะไร)
ในฝันส่งภาษาขะแมร์คุยกันด้วย
คุณมยุรี คล่องขะแมร์อยู่แล้ว เพราะเกิดที่สุรินทร์ ก็เลยคุยกันรู้เรื่องดี
ต่อมาคุณบรรณศาสตร์น้องชายคุณมยุรี ได้แวะมาหาผม
จึงได้โอกาสฝากรูปเหมือนหลวงปู่สรวง รุ่นเสาร์๕มหาราชไปให้
พอรูปเหมือนไปถึงร้านเท่านั้น
คุณมยุรีบอกว่า สถานะการณ์พลิกฟื้นขึ้นมาทันใด
อย่างกับพลิกฝ่ามือ
มีคนมาใช้บริการมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
อะไรที่ไม่ดีกลับกลายเป็นดีหมด
คงจะถูกโฉลกกับตัวช่วยรุ่นนี้
ขอให้เจริญๆเถิด
ภายภาคหน้าจะได้ขอพึ่งพาอาศัยได้มั่ง



เครดิต : facebook อำพล เจน



ตลอดเวลา30ปีที่ได้อยู่รับใช้ใกล้ชิดหลวงตาสรวง

พ่อบุญเลิศยืนยันว่าหลวงตาไม่เคยบิณฑบาต

บาตรก็ไม่เคยมี

ถ้ามีใครบอกว่าเห็นหลวงตาบิณฑบาตที่ไหน

ขอให้เชื่อได้เลยว่าไม่เป็นความจริง

รวมทั้งโม้ว่าเคยร่วมบิณฑบาตกับหลวงตา

---

มีแค่2ครั้งเท่านั้นที่เห็นหลวงตาบิณฑบาต

ครั้งแรกในป่าลึกบนเขาเขตอำเภอกันทรลักษ์
ครั้งที่ 2 ในป่าบนเขาลึกเขตอำเภอน้ำยืน

ทั้ง 2 ครั้งนี้ หลวงตาออกบิณฑบาตในพื้นที่ซึ่งไร้ผู้คน

---

ท่านพาลูกศิษย์ไม่เต็มบาทไปด้วยคนหนึ่ง อีกคนก็คุณบุญเลิศซึ่งถือว่าเต็มบาท
รอนแรมอยู่ในป่าเขาหลายวันจนเสบียงหมด

หิวแสบไส้จนตาลาย

หลวงตาได้บอกคุณบุญเลิศในตอนเช้าวันหนึ่งว่าให้คอยอยู่ที่นี่ ท่านจะไปบิณฑบาต

องค์ท่านหายไปไม่นานเกินรอก็กลับมา พร้อมกับอุ้มบาตรใบใหญ่ มีอาหารเต็ม

ไม่ทราบว่าท่านไปเอาบาตรมาจากไหนอีกด้วย

ทั้งยังไม่รู้ว่าจะมีใครในป่าดงดิบใส่บาตรให้ท่าน

อาหารนั้นมีพอฉันและพอกินทุกคน

เป็นอาหารคาวหวานพื้นๆเหมือนที่เคยกินกันทุกวัน
แต่อร่อยมากจนเห็นว่าผิดปกติ
ดูใบตองที่เย็บห่อก็ปรานีตกว่าที่เคยเห็นชินตา

กินครั้งเดียวอิ่มไปทั้งวัน
กระทั่งน้ำก็ไม่รู้สึกกระหาย

แปลกดี

ทั้ง 2 แห่งที่หลวงตาออกบิณฑบาตกลางป่าลึก

เหตุเกิดเหมือนกันทุกประการ



เครดิต : facebook อำพล เจน

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x




ครั้งหนึ่งราวๆปี ๒๕๕๒

มีปัญหาเรื่องเงิน

จะต้องจ่ายเงินตามกำหนดนัดหมายในอีก ๓ วันข้างหน้า

แต่เงินมีไม่พอจ่าย

---

ขณะนั้นนึกถึงลูกค้าคนหนึ่งอยู่ต่างจังหวัด (สมมุตว่าชื่อ ย.ยักษ์)
เพิ่งจะมีการส่งมอบงานที่เขาสั่งทำจนเสร็จสมบูรณ์ทุกขั้นตอนไปให้เรียบร้อยแล้วโดยทางรถไฟ

เหลือแต่รอรับเงินค่าแรงเท่านั้น

ปกติไม่ต้องทวงกัน
แล้วแต่สะดวก
จะโอนให้วันไหนก็ได้

ย.ยักษ์ เป็นลูกค้าเก่าแก่
เครดิตดีมาก
ไม่เคยค้างชำระหนี้

เขาจึงเป็นความหวังเดียวที่จะได้เงินในเวลาคับขันอย่างนี้

นอกจากจะพอจ่าย
ยังจะเหลือไว้ใช้ด้วย

ตัดสินใจโทรฯหา
เพื่อจะขอให้ส่งปัจจัยให้ภายในวันสองวัน

โทรฯ ๓-๔ ครั้ง
ติดทุกครั้ง
แต่ไม่รับสาย
แถมไม่โทรฯกลับอีกด้วย

เอาไงดี

---

นึกถึงหลวงปู่สรวง

เอาเหรียญรุ่นแรกมาจบใส่หัว

"หลวงปู่ๆ..ดลจิตดลใจให้เขาโอนเงินมาให้ผมหน่อย โทรฯหาทั้งวัน ไม่ได้เรื่องไม่ได้ความ ..ถ้าเขาให้มา.. ผมจะรอด"

หลังจากนั้นก็ทำตนเป็นข้าวคอยปาฏิหารย์จากฝน

---

ผ่านไป ๒ วัน

ฝนก็ยังไม่ตก

จนล่วงเข้าสู่ภาคบ่ายในวันสุดท้าย คือวันที่ ๓

ยังเงียบกริบ

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แม้แต่เสียงฟ้าร้อง

----

คงเพียงพึมพำอยู่ในใจคนเดียวว่า..เหลวเป๋ว..ปาฏิหารย์ไม่มีจริง

---

เย็นวันนั้นเอง..มีลูกหนี้อีกรายหนึ่งโผล่มาแบบไม่คาดฝัน

เป็นลูกหนี้เก่าแก่ อยู่เมืองอุบลฯด้วยกันนี่เอง ติดค้างชำระมานานมากๆ จนลืมสนิทไปแล้ว

เขาแย้มหน้าผ่านประตูรั้วเข้ามาส่งยิ้มแป้นมาแต่ไกล

ไม่ได้นึกว่าเขาจะเอาเงินมาให้หรอกครับ

"โอ้โฮ..ไปไงมาไง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน "

"เผอิญผ่านมาทางนี้ เลยแวะเข้ามาดู.. อยู่บ้านพอดีเลย.. ก็เอาเงินมาให้"

---

จะโดยบังเอิญหรือจะโดยอะไรก็ตาม

เงินซึ่งลูกหนี้รายนี้เอามาจ่ายให้นั้น
มีจำนวนเท่ากับเงินที่ผมมีความจำเป็นจะต้องจ่ายตามนัดหมายในวันนั้นพอดีทุกบาททุกสตางค์

---

เรื่องนี้ทำให้ต้องฉุกคิด..

ถ้าหากจำนวนเงินนั้น มากกว่าหรือน้อยกว่า ก็แล้วไป อาจจะไม่คิดว่าเป็นอภินิหารประการใด

นี่จึงทำให้แน่ใจได้ว่า เป็นฝีมือหลวงปู่สรวง อย่างไม่ต้องสงสัย

----

อีก ๕-๖ วัน ต่อมา

ย.ยักษ์ โทรฯมาหาตอนสายๆ

" โทษทีพี่..ผมมีธุระด่วนไปเยอรมันหลายวัน เพิ่งกลับมา เดี๋ยววันนี้บ่ายๆจะออกไปโอนตังค์ให้ "

... คราวนี้เหลือเงินไว้ใช้อู้ฟู้เลยครับ



เครดิต : facebook อำพล เจน

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x



ยังมีลูกศิษย์อีกคนหนึ่งชอบถือวิสาสะล้วงย่ามหลวงตา

ไม่รู้จะล้วงจะค้นหาอะไร

ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นว่าในย่ามหลวงตาไม่มีอะไรเลย
นอกจากเชือกขดเดียวที่มีไว้เพื่อมัดสิ่งของ ผูกเปล หรือทำสายป่านยามปล่อยว่าว

---

ย่ามหลวงตาบางครั้งเหมือนย่ามวิเศษ

จึงยั่วยวนใจให้คนอยากรื้ออยากค้น

---

หลวงตาสรวงชอบไปไปเดินตลาดขุขันธ์
ครั้งหนึ่งท่านขอซื้อปลาที่กำลังจะตายหรือแม้แต่เพิ่งตายใหม่ๆ

แปลกที่ล้วงย่ามเมื่อไหร่มีเงินออกมาจ่ายค่าปลาทุกที

ได้ปลามาหลายตัว
ท่านเอามาปล่อยใส่ตุ่ม
ปลาที่ตายก็ฟื้น
ที่กำลังร่อแร่ก็กระปรี้กระเปร่าแหวกว่ายหายเพลีย

ต่อจากนั้นท่านจึงให้ลูกศิษย์เอาปลาไปปล่อยลงหนองหรือห้วยธารแถวนั้น

---

อย่าว่าแต่ปลาเลย,กระทั่งไก่เป็นโรคจนเงื่องเหงาใกล้ตาย
หากหลวงตาพบเห็นก็เป็นวาสนาของไก่ตัวนั้น

ท่านจะจับไก่จุ่มลงน้ำนานกว่า3นาที

เห็นแล้วก็เหมือนว่าจะซ้ำเติมไก่
หรืออาจคล้ายจะส่งเสริมไก่ให้ตายไวๆ

ใครไม่รู้ไม่เคยเห็นท่านทำแบบนี้มาก่อน
จะอึ้งพูดไม่ออก

แต่พอดึงไก่ขึ้นพ้นน้ำ

ไก่ก็หายป่วยเป็นอัศจรรย์

--

ย่ามของหลวงตามีความวิเศษที่องค์ท่านล้วงเอาอะไรออกมาได้หมด
เหมือนกระเป๋าวิเศษของแมรี่ ป๊อบปินส์(มีใครเคยดูหนังเรื่องนี้บ้าง)
แมรี่ล้วงออกมาได้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน

บางครั้งลูกศิษย์ที่ขับรถพาท่านไปไหนๆกำลังเหนื่อยและง่วง
ท่านล้วงย่ามเอาแอปเปิ้ลออกมา ๑ ลูก
ล้วงอีกทีก็ได้มีดออกมาปอกแอปเปิ้ล ผ่าเป็นซีก ป้อนให้ลูกศิษย์กิน

ลูกศิษย์ท่านนี้คือพ่อบุญเลิศนั่นเอง

พ่อบุญเลิศบอกว่า...
หลังจากนั้นจะขับไปรอบประเทศก็ไม่เหนื่อย ไม่หิว ไม่ง่วง

แปลกมาก

--

ลูกศิษย์คนนั้นชอบค้นย่ามหลวงตาจนกลายเป็นนิสสัย

หลวงตาก็ไม่ว่าอะไร

คนอื่นๆแม้ไม่ชอบที่ได้เห็นเขาทำแบบนั้นก็ทำอะไรไม่ได้

ได้แต่ดูเขาค้นย่ามหลวงตาจนพอใจ

---

วันหนึ่งหลังค้นย่ามเสร็จ,หลวงตาเรียกมาหา บอกให้ถอดเสื้อ ให้นั่งหันหลัง

ท่านเอาปากกาเมจิกเขียนอักขระใส่แผ่นหลังสองสามตัว

---

เย็นวันนั้นกลับบ้านไปก็โดนฟ้าผ่า

เสื้อผ้า ผม ขน ไหม้ดำไปทั้งตัว

ไม่ตาย

ปลอดภัยดี,แค่เสียโฉมหมดหล่อสักระยะหนึ่งเท่านั้น

---

ต่อมาภายหลัง

หลวงตาเห็นหน้าหมอนี่โผล่มาอีก

ท่านเอาเท้าเขี่ยย่ามให้

ไม่เคยเห็นว่าจะกล้าจับกล้ารื้อย่ามหลวงตาอีกเลย

(ลูกศิษย์ท่านนี้ยังมีชีวิตอยู่ ได้ยินว่าหลังๆนี้เป็นสมาชิกอบต.หรือจะเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอะไรสักอย่าง ..จำไม่ได้)



เครดิต : facebook อำพล เจน

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x



นานมากแล้ว
หลายสิบปีก่อน

หลวงตาสรวงขึ้นมาเมืองไทยทางด้านเขาพระวิหาร
ละแวกนั้นยังมีกับระเบิดตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก
ชาวบ้านที่ต้องเข้าป่าหากินต้องบาดเจ็บล้มตายเพราะระเบิดเหล่านี้บ่อยๆ

อยู่ๆหลวงตาก็ลุกขึ้นเดินเข้าป่าไปหาระเบิด
ทั้งหอบทั้งหิ้วกระเตงๆออกมาทีละลูก2ลูก
เอามากองไว้กลางลานบ้าน
ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านเผ่นหนีกันกระเจิง
หมู่บ้านถึงกับร้าง
อย่าว่าแต่ชาวบ้าน
ทหารที่ตรึงกำลังอยู่หมู่บ้านนั้นก็เผ่นป่าราบเหมือนกัน
เขาเล่าว่าท่านเดินเข้าออกป่าหลายรอบ
ได้ระเบิดมากองหลายสิบลูก
ตอนนั้นไม่มีใครนึกว่าท่านเก่ง
เขาเห็นท่านเป็นคนบ้า
ใครก็พูดจาด้วยไม่รู้เรื่อง
---
(เรื่องนี้ฟังจากปากหลวงพ่อทิน ปิยสีโล)



เครดิต : facebook อำพล เจน

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้