ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2014-7-8 15:28
แล้วอันเดียวตัวเดียวจะเหลือไว้ ทำไม  ...

เหลือให้มีฮอโมนเพศครับ จะได้ยิ่งทรมาน
เวรกรรม เสียใจกับคุณแม่น้องเค้าด้วย ที่ทุกข์ใจไปอีกนานคือคนพี่ครับ


ช็อก! ?โค้ชเช? ไม่กลับไทยแล้ว

*
นายกสมาคมเทควันโดเผยโทร.คุยกับ “โค้ชเช” ล่าสุด ระบุยังไม่กลับไทย ยังไม่มีกำหนด เชื่อโค้ช 4 คน ไม่ผิดพลาดขนาดที่นักกีฬาอ้างแน่ ชี้นักกีฬาผิดจริง อัด “น้องก้อย” อยากได้ความสะใจให้ “โค้ชเช” ขอโทษผ่านสื่อเป็นการ “พลีชาติเพื่อชีพ” เกินไปไหม ลั่นถ้าไม่เคลียร์จะบินไปเกาหลีไปตามกลับ


เช้าวันนี้ (17 ก.ค.) นายพิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ทางช่อง 3 ทางโทรศัพท์จากประเทศสหรัฐอเมริกา กรณีปัญหา “โค้ชเช” เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวเกาหลีใต้ที่ลงไม้ลงมือทำโทษ “น้องก้อย” รุ่งระวี ขุระสะ นักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย ดีกรีเหรียญทองแดงชิงแชมป์เอเชีย 2014 รุ่น 62 กิโลกรัม โดยเจ้าตัวออกมาแฉว่าโดนโค้ชเช ชกเข้าที่ใบหน้า และต่อยท้อง หลังโมโหที่ตนลงแข่งขันช้า และไม่พร้อมในการลงสนาม ส่งผลให้พ่ายการแข่งขันกับเจ้าถิ่นไป โดย นายพิมล เปิดเผยล่าสุดว่า “โค้ชเช” อาจไม่กลับมาเมืองไทยแล้ว
      
       “ผมคุยกับโค้ชเชและก็โค้ชแม็กซ์นะฮะ โค้ชแม็กซ์ ตอนที่ผมคุยโค้ชเชเขาก็เงียบไปนะฮะ ผมก็ถามว่า จะกลับมาวันที่ 17 นี้ไหม เขาก็เงียบไป แล้วผมก็คุยกับโค้ชแม็กซ์ โค้ชแม็กซ์ก็บอกผมว่าไม่กลับครับ แล้วผมก็ถามว่าจะกลับเมื่อไหร่ เขาก็บอกว่าไม่ทราบครับ ผมก็เลย นี่แหละครับ” นายพิมลกล่าว
      
       เมื่อถามต่อว่าเมื่อได้คุยกับโค้ชทั้ง 3 คน แล้วได้ข้อสรุปว่าอย่างไร นายพิมล เล่าว่า นักกีฬาก็ผิดจริง เพราะไม่ได้เอาไอดีการ์ดมา ไม่ได้เอาถุงมือมา ส่วนกรณีโค้ชวิชิตพูดผิดหรือบอกผิด ให้ไปรอผิดที่ หรือไม่เตรียมตัวก็ได้ ก็ไม่เป็นความจริง หรือการวอร์มอัป ที่นักกีฬาก็ไม่ได้วอร์มอัป และใส่อุปกรณ์ให้ครบเพื่อเตรียมตัวลงสนาม โดยตนยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่โค้ชที่ผ่านการแข่งขันมาแล้วระดับโลกจะทำผิดพลาดขนาดนี้
      
       “ก็ไม่ทราบว่านักกีฬาคนที่เป็นปัญหาอยู่นี้ ไม่ได้ฟัง หรือว่าไม่ได้ใส่ใจ หรือว่ากุเรื่องขึ้นเองผมไม่ทราบ แต่ผมไม่เชื่อว่าเป็นความผิดที่โค้ช” นายกสมาคมเทควันโดระบุ
      
       เมื่อพิธีกรถามต่อว่า “น้องก้อย” ยืนยันว่าวันที่เกิดเหตุโค้ชชิตบอกให้เขารออยู่ตรงนั้น โค้ชบอกให้เขาถอดก่อน เพราะอึดอัด แต่ถึงเวลาสื่อสารผิดพลาด มีวิทยุมาตาม พอตกใจทำให้ลืมไอดีการ์ด วอร์มอัปก็ยังไม่ได้วอร์ม เครื่องไม้เครื่องมือก็ยังไม่ได้ใส่ ด้านนายพิมลก็กล่าวว่า สอบถามดูแล้วปรากฏว่านักกีฬาลืมไอดีอยู่ที่โรงแรม และไม่เคยมีการบอกให้ถอดอุปกรณ์ก่อนได้ ยังไม่ต้องรีบใส่ เพราะเป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว ณ จุดวอร์มอัปนักกีฬาต้องใส่อุปกรณ์รอ
      
       “นักกีฬาคนนี้เท่าที่ได้ฟังมา ไม่ได้ทำอะไร ก็นั่งๆ ไป ก็เป็นอย่างนั้น” นายพิมล ระบุ ส่วนกรณีการทำร้ายร่างกายนักกีฬาที่น้องก้อยอ้างว่าโดนต่อยเป็นสิบครั้งทั้งที่หน้าและที่ท้องนั้น นายกสมาคมระบุว่า การตรวจร่างกายของนักกีฬาเทควันโดนั้น แน่นอนว่าต้องมีอาการฟกช้ำอย่างแน่นอน และไม่ควรไปป้ายสีโค้ชเชเช่นนี้
      
       “ผมก็ถามเชว่าเกิดอะไรขึ้น เชเขาก็ทุบเอา และเขาก็บอกว่าเขาไม่ได้ทำแรงอย่างที่ว่า ผมก็ถามว่ามันแรงขนาดไหน เพราะถ้าแรงมากคนก็ต้องลงไปกองแล้ว เพราะโดนต่อยหน้า ตาปูด และเห็นว่าตอนที่นักกีฬากลับมาก็เลี่ยงผู้สื่อข่าว ก็ไม่ได้ไปเจอนะฮะ เพราะอาจห่วงว่าไม่มีรอยหรือเปล่า เพราะโดนกำหมัดต่อยหน้าโดนผู้ชาย หรือผู้ชายต่อผู้ชายเองก็เถอะ ไม่ต้องผู้ชายต่อยผู้หญิงหรอก โดนต่อยท้องก็ต้องลงไปกองแล้วมั้งฮะ แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องอย่างนั้นนะฮะ คือไม่ว่าจะยังไง เขาที่ทำไปก็เพราะด้วยความรัก ความหวังดี อยากจะให้จำ อยากให้เก็ต แล้วมาทำแบบนี้ ผมไม่คิดว่ามันสมควร” นายพิมล ระบุ
      
       เมื่อถามถึงความรู้สึกของโค้ชเช นายพิมล กล่าวว่า โค้ชเชแสดงความเสียใจต่อตนที่ทำให้ตนลำบาก แต่ตนก็บอกว่าตนไม่ถือ และอยากให้กลับมาคุยกันให้เรียบร้อย พร้อมกันนั้น โค้ชเชได้กล่าวว่าที่เขาทำลงไปก็เพราะหวังดี และรักนักกีฬาทุกคน ไม่ได้มีความตั้งใจจะไประบายอารมณ์
      
       นายพิมล เล่าด้วยว่า ตนบอกโค้ชเชว่าไม่ให้ท้อแท้ เพราะนักกีฬาเพียงคนเดียว เนื่องจากมีนักกีฬาที่เป็นลูกศิษย์ของโค้ชเชอีกเป็นร้อยคน รวมถึงชาวไทยที่ให้กำลังใจอยู่ ซึ่งโค้ชเชก็ตอบมาเพียงว่า “ครับผม ครับผม” ทว่า ที่คุยกับโค้ชแม็กซ์ล่าสุด โค้ชชาวไทยจะกลับเมืองไทย แต่โค้ชเชไม่กลับ ขณะที่ลูกและภรรยาก็กลับไปเกาหลีแล้ว
      
       “ลูกโค้ชเชก็เรียนอยู่ที่โรงเรียนศรีวิกรม์จากทุนการศึกษาที่ผมให้ลูกเขา เขาก็ไปเกาหลี ส่วนภรรยาก็ไปเกาหลีเช่นกัน ไปเมื่อไหร่ไม่ทราบ แต่ลาเรียนไป ผมยังไม่ได้สอบไปที่โรงเรียนว่าไปเมื่อไหร่ และกลับเมื่อไหร่” นายกสมาคมเทควันโดเผย
      
       “ผมก็จะต้องพยายามคุยกับโค้ชเชให้เขากลับมา ถ้าเขาไม่กลับมาผมก็ต้องบินไปตามให้เขากลับมา ต้องพยายามทุกๆ ทางที่จะทำได้ ไม่ได้แต่ว่าเฉพาะเหรียญอย่างเดียว แน่นอนว่าเหรียญก็สำคัญ เราก็มองว่าโค้ชเชก็เป็นสมาชิกครอบครัวเรา ชาวเกาหลีหัวใจไทย แต่ว่าเขาก็รู้สึกกดดัน ในหลายๆ ทางสื่อที่เกาหลีก็เอาสื่อไทยไปแปล ชาติอื่นก็มาจีบบ้างอะไรบ้าง เขาก็มึนงง เขาก็ต้องขอตั้งสติสักพักหนึ่ง เพราะเวลาเขาทำอะไรเขาก็ทุ่มเท กรณีนี้เขาก็ทั้งท้อแท้และผิดหวัง ก็คงต้องให้เวลาสักนิดหนึ่ง ถ้ามันยังไม่คลี่คลายผมก็คงต้องบินไปคุยกับเขา”
      
       นอกจากนี้ นายพิมล ยังกล่าวถึง “น้องก้อย” รุ่งระวี ด้วยว่าตนอยากให้น้องรุ่งระวีไตร่ตรองดูว่าเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ในฐานะเป็นนักกีฬาทีมชาติ ซึ่งตนเคยย้ำหลายครั้งว่าเวลานักกีฬาไปแข่งนั้นเป็นการเสียสละเพื่อประเทศชาติ เหมือนทหารเวลาไปรบก็ต้องพลีชีพเพื่อชาติ แต่สิ่งที่รุ่งระวีทำนั้นเป็นการ “พลีชีพเพื่อชาติ” หรือเปล่า
      
       “คุณทำไปอย่างนี้ประเทศชาติเสียหาย จะให้สะใจ จะต้องให้ขอโทษในที่สาธารณะผ่านสื่อให้ทุกคนรู้ โค้ชเชต้องมาขอโทษเนี่ย โดยที่เขาทำไปทั้งหมดด้วยความรักและหวังดี มันสมควรหรือ เพราะว่าถ้าโค้ชเชไม่กลับมา เรามีเหรียญยูธโอลิมปิก เหรียญเอเชียนเกมส์ ที่เราเคยได้ทอง มันก็ริบหรี่ๆ แล้วคุยก็อาจเป็นนักกีฬาทีมชาติคนแรกที่คนไทยไม่เชียร์ เพื่อความสะใจของตัวเอง ก็อยากให้นักกีฬาไปไตร่ตรองดูว่าอะไรผิดอะไรถูก” นายพิมลระบุ

ที่มา ผู้จัดการ


กทม.เดินหน้าจัดระเบียบทางเดินเท้าปัดรังแกปชช.


นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

กรุงเทพมหานคร เดินหน้าจัดระเบียบทางเดินเท้าต่อเนื่อง ย้ำ ไม่ใด้รังแกประชาชน แต่ปัญหาหาบเร่แผงลอยบนทางเท้ามีมานาน ปชช.เดือดร้อน
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดีในการจัดระเบียบทางเท้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งที่ถนนราชดำเนิน ตลาดโบ๊เบ๊และตลาดมีนบุรี รามคำแหง ยืนยัน กทม. ไม่ได้ทำเพื่อรังแกประชาชนแต่ปัญหาหาบเร่แผงลอยบนทางเท้ามีมานานและที่แก้ไขไม่ได้ ส่วนหนึ่งเพราะเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยและประชาชนในพื้นที่บางส่วนให้การสนับสนุนทำให้กระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ต้องเดินทางสัญจรผ่านไปมาและปัญหาจราจรติดขัดบางแห่งมีการขายผักขายปลาบนทางเท้าซึ่งไม่ถูกสุขลักษณะและไม่เหมาะสม หรือมีการลักลอบต่อไฟฟ้าอย่างผิดกฎหมาย หากยังผ่อนผันหรือปล่อยไว้นานจะแก้ไขไม่ได้เสียที พร้อมเตรียมเดินหน้าจัดระเบียบในพื้นที่ที่มีปัญหาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ที่บริเวณเมเจอร์รัชโยธิน บริเวณท่าช้าง ซึ่งได้รับการร้องเรียนประชาชนจำนวนมาก


ชมภาพชุด นาที "โค้ชเช" กลับประเทศไทย...ปชช.แห่ให้กำลังใจ เพียบ!
  

เมื่อช่วงดึกวันที่ 20 กรกฎาคม ′โค้ชเช′ หรือ เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทยชาวเกาหลีใต้ ได้เดินทางกลับถึงประเทศแล้ว ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นของแฟนเทควันโดชาวไทย บรรยากาศที่สนามบินสุวรรณภูมิมีแฟนคลับ ประชาชนกว่า 500 คน นักกีฬาและอดีตนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยและสื่อมวลชนมารอรับโค้ชเชอย่างคึกคัก พร้อมป้ายข้อความให้กำลังใจ















http://www.matichon.co.th/webmobile/readnews.php?newsid=1405905526
พึ่งติดทีมชาติไม่กี่ครั้ง...แถมไม่อยู่ในระเบียบวินัย...นี่หรือนักกีฬาทีมชาติสมัยนี้...สมัยก่อนใครได้ติดทีมชาติได้เค้าไม่ยอมให้หลุดโผง่ายๆหรอก...แทนที่จะทำให้คนเห็นใจกับโดนรุมประมามแถมเจอนักสืบพันทิพขุดคุ้ยเรื่องที่ไร้วินัยและเรื่องครอบครัวมาประจานอีก ...น่าสงสาร " น้อยก้อย " ทำตัวเองแท้ๆ
ปล. โค้ชดีๆหายากแต่นักกีฬามีให้เลือกมากมาย....
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย morntanti เมื่อ 2014-7-22 12:30

  • ผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษาธิการคิดได้แค่นี้จริงๆหรือ?
  • ระวังคลิปหลุด นักเรียน นักศึกษานำแสตมป์ 7/11 ไปแลกความดีนะครับ
  • ค่านิยมหลัก 12 ประการ : เห็นชอบการจัดทำ "สมุดบันทึกความดี" ของนักเรียนทุกระดับ

จากการที่ได้ขอให้ทุกหน่วยงานนำค่านิยมหลัก 12 ประการ ไปบูรณาการกับกิจกรรมการเรียนการสอน หลักสูตร การวัดและประเมินผล และในการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อ ได้แก่ ความกตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์  การมีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำหรือกิเลส  มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป  และคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมและของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง นั้น
ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบการจัดทำสมุดบันทึกความดีของนักเรียนทุกระดับ ทุกประเภท ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งผู้เรียน กศน. เพื่อต้องการให้จดบันทึกความดีที่นักเรียนได้กระทำ และขอให้ทุกหน่วยงานจัดระบบของตัวเอง และมีการรับรองจากครูใหญ่และผู้อำนวยการโรงเรียนด้วย ทั้งนี้ยังได้ขอให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) พิจารณาใช้ความดีเป็นส่วนหนึ่งในการรับเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ซึ่งนายแพทย์กำจร ตติยกวี เลขาธิการ กกอ. จะได้นำไปหารือในที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ต่อไป
ส่วนการกำหนดแนวปฏิบัติว่าจะให้ครอบคลุมตั้งแต่เมื่อไร เลขาธิการ กกอ. รับจะนำไปหารือกับ ทปอ. ก่อน เพราะในระบบการคัดเลือกบุคคลเข้ามหาวิทยาลัย จะต้องใช้มติ ทปอ.เป็นหลัก ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเห็นด้วยกับการใช้ในเรื่องของความดี เช่น นครปฐมโมเดล ที่ใช้ความดีแล้วเข้ามหาวิทยาลัยได้ จึงจะต้องมีช่องทางของคนทำดี คนซื่อสัตย์ มีคุณลักษณะตามค่านิยม 12 ประการ ให้เข้ามหาวิทยาลัยได้ ดังเช่นในต่างประเทศ ก็ใช้อ่านจากเรียงความ
ในส่วนของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ได้มีสมุดบันทึกความดีประจำตัวลูกเสืออยู่แล้ว จึงต้องการให้ลูกเสือทุกคนได้จดบันทึกความดี และมีการบูรณาการไปยังกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาดต่อไปด้วย เพื่อส่งเสริมค่านิยมหลัก 12 ประการ ซึ่งบรรจุอยู่ในคุณลักษณะที่พึงประสงค์ 8 ประการในหลักสูตรขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 อยู่แล้ว แต่สำหรับ 4 ประการที่เพิ่มขึ้นจะบูรณาการจัดกิจกรรม โดย สพฐ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรับไปดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ ศธ.ได้จัดทำสปอตปฏิรูปการศึกษา ในเรื่องความซื่อสัตย์ ความมีระเบียบวินัย พร้อมทั้งรวบรวมเพลงที่เกี่ยวข้องกับความกตัญญูและรู้คุณค่าของแม่ในรูปแบบของซีดี ส่งไปให้ทุกโรงเรียนได้เปิดในช่วงกิจกรรมวันแม่ เพื่อสานต่อนโยบายของ คสช.เกี่ยวกับค่านิยม 12 ประการด้วย
สำหรับค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายของ คสช. ประกอบด้วย
          1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
          2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม
          3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์
          4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม
          5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม
          6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน
          7. เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง
          8. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่
          9. มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
          10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจำหน่าย และพร้อมที่จะขยายกิจการเมื่อมีความพร้อม เมื่อมีภูมิคุ้มกันที่ดี
          11. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลส มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปตามหลักของศาสนา
          12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง
  • มหกรรมปรองดองสมานฉันท์ คืนความสุขให้คนในชาติ


สลดอีกแล้ว! เด็กอนุบาลวัย 4 ขวบ เสียชีวิตคารถรับส่งนักเรียน

หนุ่มขับรถส่งนักเรียน ลืมเด็กนักเรียนชายวัย 4 ขวบชั้นอนุบาลไว้ในแค็บรถกระบะจนขาดอากาศหายใจดับ คาลานจอดรถโรงพักชะอวด เผยหารายได้เสริมด้วยการรับส่งนักเรียนในหมู่บ้าน คิดว่าส่งเด็กลงหมดแล้ว ก่อนขับมาจอดไว้ที่โรงพักแล้วขี่จยย.กลับบ้าน ผ่านไป 6 ชั่วโมง เอะใจรีบบึ่งกลับมาดูจึงรู้เด็กยังนอนอยู่ แต่เสียชีวิตไปแล้ว

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 21 ก.ค. นายอนุสรณ์ จึงรุ่งเรือง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111/100 หมู่ 4 ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมาช เดินทางเข้าแจ้งความกับร.ต.ท.ประพลศักดิ์ เภรีภาส พงส.สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ว่า มีเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลนอนเสียชีวิตอยู่ภายในรถยนต์กระบะรับส่งนักเรียนของตน ซึ่งจอดอยู่ที่ลานจอดรถของสภ.ชะอวดนี่เอง จึงรีบรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนประสานแพทย์นิติเวช แล้วลงมาตรวจสอบ พร้อมพ.ต.อ.ประสิทธิ์ เผ่าชู ผกก.สภ.ชะอวด

พบรถยนต์กระบะโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บร-4163 สงขลา แบบตอนครึ่ง ภายในรถพบศพด.ช.รณกร นาคพันธ์ อายุ 4 ขวบ นักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนอนุบาลภรณ์อุดม ในเขตเทศบาล ต.ชะอวด อยู่บ้านเลขที่ 22/3 หมู่ 9 ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ในสภาพสวมเสื้อแขนสั้นสีแดง สวมชุดวอร์มนักเรียนอนุบาลคลุมทับ กางเกงขาสั้นสีเหลือง แพทย์ลงความเห็นเสียชีวิต มาแล้วประมาณ 4 ชั่วโมง

โดยนายอนุสรณ์ ให้การว่า ตนมีอาชีพขายของชำอยู่ที่บ้านพัก แต่ก็นำรถยนต์กระบะ มาวิ่งรับส่งนักเรียนชั้นอนุบาลที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน เป็นรายได้เสริม ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้าขับรถรับนักเรียนชั้นอนุบาลประมาณ 6-7 คน รวมทั้งด.ช.รณกรไปส่งยังโรงเรียนต่างๆ ในเขตเทศบาล ต.ชะอวด หลังจากนั้นก็ขับรถกลับมาจอดไว้ที่ลานจอดรถของสภ.ชะอวดแล้วขี่รถจักรยานยนต์ออกไปซื้อของที่ตลาดนำกลับมาขายที่บ้าน โดยไม่รู้เลยว่าด.ช.รณกรนอนหลับอยู่บริเวณแค็บด้านหลัง

นายอนุสรณ์ ให้การต่อว่า จนกระทั่งช่วงเที่ยง ระหว่างที่นั่งขายของอยู่ที่บ้านพัก เกิดนึกเอะใจว่าส่งด.ช.รณกรลงที่โรงเรียนไปแล้วหรือยัง จึงรีบขี่รถจักรยานยนต์กลับมาที่ลานจอดรถ สภ.ชะอวด เมื่อไขกุญเปิดประตูรถออกดูก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อพบว่าด.ช.รณกรยังนอนอยู่ที่เบาะรถ จึงรีบเข้าไปปลุกเขย่าตัว แต่ก็ปรากฏว่าด.ช.รณกรเสียชีวิตไปแล้ว จึงรีบวิ่งมาแจ้งตำรวจ ก่อนโทร.ไปบอกครอบครัวของด.ช.รณกรให้ทราบเรื่อง

นายอนุสรณ์กล่าวว่า รู้สึกเสียใจมาก เพราะบ้านของตนกับด.ช.รณกรก็อยู่ใกล้กัน จึงรู้ว่าปกติด.ช.รณกรไปโรงเรียนบ้าง ไม่ไปบ้าง เป็นความผิดของตัวเอง ที่ไม่ตรวจดูให้ดีเสียก่อน ว่าเด็กนักเรียนลงจากรถหมดหรือยัง คาดว่าขณะที่ตนขับรถตระเวนส่งนักเรียนคนอื่นๆ ด.ช.รณกร น่าจะนอนหลับ ทำให้ตนมองไม่เห็น กว่าจะนึกสงสัยว่า ด.ช.รณกรลงจากรถไปหรือยัง เวลาก็ผ่านมา 5-6 ชั่วโมงแล้ว จนขาดอากาศหายใจ เสียชีวิตไปในที่สุด

ด้านร.ต.ท.ประพลศักดิ์ เปิดเผยว่า ทางครอบครัวและญาติของด.ช.รณกรไม่ได้ติดใจว่าเป็นเหตุการฆาตกรรม แต่หลังทราบข่าวต่างรู้สึกเศร้าโศกเสียใจกันมากที่ต้องมาสูญเสียด.ช.รณกร ซึ่งเชื่อว่ากว่าจะเสียชีวิต ด.ช.รณกรน่าจะต้องทรมานอยู่นานก่อนจะเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิตกับนายอนุสรณ์ ซึ่งก็ได้ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนศพด.ช.รณกรนั้น เจ้าหน้าที่จะนำส่งชันสูตร ก่อนมอบให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd05UazFNVGt4Tnc9PQ==







ยังไม่ได้เลือกตั้งทุกระดับอีกนานเป็นปี
ศาลรัฐธรรมนูญ กับ กกต. สมควรยุบหรือไม่?

สันตะวา


หนังสือพิมพ์ ข่าวสด สิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย เป็นของปวงชนชาวไทยทุกคน ฉบับนี้ตรงกับวันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พุทธศักราช 2557 แรม 11 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเมีย

วันดีเป็นศรีวัน คสช. ถือโอกาสยึดอำนาจครบ 2 เดือน จัดงาน มหกรรมปรองดองสมานฉันท์ คืนความสุขให้คนในชาติ บริเวณท้องสนามหลวง เริ่มพิธีเช้าวันนี้ทำบุญใหญ่ จากนั้นตั้งแต่สายๆ ยันค่ำ จัดกิจกรรมหลากหลาย ดนตรีขับกล่อม ฉายหนังกลางแปลง งานมีไปจนถึง 27 ก.ค. ผู้ใช้รถใช้ถนนควรตรวจสอบเส้นทางการจราจรก่อนออกจากบ้าน

วันนี้เช่นกัน สรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. จะชงป.ป.ช.ชุดใหญ่กรณีอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่เป็นธรรมที่ถูกชี้มูลความผิดโครงการรับจำนำข้าว ก่อนทำหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร

ฝากป.ป.ช. ชี้แจงอีกประเด็น ปกติป.ป.ช.จะนัดวัน เวลาก่อนแถลงมติ ทว่าคดีนี้ป.ป.ช.ตั้งโต๊ะแถลงแบบสายฟ้าแลบ คล้อยหลัง คสช.อนุญาตอดีตนายกฯ หญิงเดินทาง ออกนอกประเทศได้ ระหว่างแถลง บิ๊กป.ป.ช. ยังให้ความเห็นการไปต่างประเทศของผู้ถูกชี้มูล เรียกว่าคิวก็แหก ความเห็นก็ด่วน

แน่นอนแล้วว่าอีกนานมากกว่า 1 ปีถึงจะเลือกตั้งใหญ่ ส่วนเลือกตั้งท้องถิ่น ส.ก. ส.ข. อบจ. อบต. เทศบาล คสช. ปรับเปลี่ยนไปใช้ ระบบสรรหา จนกว่า จะได้ รัฐธรรมนูญใหม่ เมื่อยังไม่มีรัฐธรรมนูญ ยังไม่ได้เลือกตั้งทุกระดับอีกนานเป็นปี ศาลรัฐธรรมนูญ กับ กกต. สมควรยุบหรือไม่?

งานไม่มีทำ แต่เงินเดือน ค่าตอบแทน

สิทธิประโยชน์ยังรับเต็ม งบประมาณแผ่นดินทั้งนั้น




ที่มา..http://www.khaosod.co.th/view_ne ... PQ==&sectionid=
                                                        แยกอโศกไร้ตำรวจกวดขัน5จอม                           
                                                                                       
                            ที่มา : เดลินิวส์
                                                            เวลา 13.00น.( 21ก.ค.) ที่แยกอโศก เขตคลองเตย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเมื่อวันที่ 17ก.ค.ที่ผ่านมาได้มีการกวดขัน มาตรการจับจริง "5จอม" จำนวน199แยกทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ผ่านมาเพียง5วัน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณแยกอโศก หนึ่งในแยกที่มีการกวดขันอีกครั้ง กลับพบว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลตามหัวมุมถนนอีกแล้ว มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำป้อมเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งขัดกับมาตรการที่บอกไว้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่กวดขันตลอดทั้งวัน ส่งผลให้ผู้ขับขี่ทำผิดกฎจราจรกันเหมือนเดิม แม้ว่าทางสน.ทองหล่อ จะนำป้ายมาตั้งไว้ข้างป้อมตำรวจเพื่อประชาสัมพันธ์มาตรการดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควรเพราะมีแค่ป้ายเดียวเท่านั้น

จากการสอบถามชาวบ้านบริเวณแยกอโศก กล่าวว่า ตนเองเป็นแม่ค้าที่ต้องเข็นรถข้ามถนนทุกวันอย่างวันแรกที่มีเจ้าหน้าตำรวจเข้ามาดูแลพื้นที่อย่างเข้มงวดดีกว่าเพราะข้ามถนนได้สะดวกแต่วันนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีผู้ขับขี่รถจอดกีดขวางบนทางม้าลายอีกแล้ว นอกจากนี้ชาวบ้านคนดังกล่าวได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่าทำใจว่ามาตรการนี้คงทำได้ยาก

ด้าน ด.ต.นพรัตน์ มารอด พนักงานจราจรประจำป้อม กล่าวว่า สาเหตุที่วันนี้ ไม่มีตำรวจประจำการตามหัวมุมถนน เพราะว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาทำหน้าที่ในช่วงเช้าแล้ว ตั้งแต่ 09.00น.เป็นต้นไป และเนื่องจากเจ้าหน้าที่ต่างมีภารกิจ จึงมาประจำการได้แค่ช่วงเช้าเท่านั้น ส่วนการจับกุมผู้ขับขี่ที่กระทำความผิดยังคงมีอยู่ แต่ลดน้อยลงแล้ว.                                                                        
                                                            

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้