ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2787
ตอบกลับ: 4
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เจ้าคุณโพธิ์แจ้งมหาเถระ วัดโพธิ์แมนคุณาราม

[คัดลอกลิงก์]

พระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร ฯโพธิ์แจ้งมหาเถระ อดีตเจ้าคณะใหญ่ สงฆ์จีนนิกาย รูปที่6 ประธานคณะกรรมการสงฆ์จีนนิกายรูปที่1 เจ้าอาวาสผู้สถาปนาวัดโพธิ์ แมนคุณาราม เจ้าอาวาสผู้สถาปนาวัดโพธิ์เย็น กาญจนบุรี เจ้าอาวาสผู้สถาปนาวัดโพธิทัตตา ราม ศรีราชา ชลบุรี ก่อนมรณภาพ เมื่อ วันที่ 25 เดือน กันยายน พ.ศ.2529 ท่านดำรงสมณะ ศักดิ์พระราชาคณะชั้นสัญญาบัตร(เทียบชั้นธรรมพิเศษ) ฝ่ายวิปัสสนา ในราชทินนามพระมหา คณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร พุทธบริษัทจีนพิเนตุ วิเทศธรรมประสาท นวกิจพิลาสประยุกต์ ทำนุกจีนประชาวิสิฐ
       - ท่านเจ้าคุณอาจารย์โพธิ์แจ้ง สถานะเดิมชื่อธง สกุลอึ้ง ท่านกำเนิดเมื่อ วันที่ 16 เดือน 6 จีน ปืนขาล พ.ศ.2444 จังหวัดแต้จิ๋ว มณฑล กวางตุ้ง ประเทศจีน บิดาเป็น ขุนนางชั้นผู้ใหญ่มารดาจางไทฮูหยินเกิดในตระกูลเตียท่านสืบเชื้อสายขุนนางทั้งฝ่ายบิดาและ มารดาซึ่งเป็นอุบาสก อุบาสิกา เลื่อมใสในพระบวรพุทธศาสนา
       - ท่านเจ้าคุณอาจารย์ กำพร้าบิดามาแต่เยาว์วัย จางไทฮูหยินมารดา ได้ อบรมบุตรให้ประพฤติในธัมมานุธรรมปฏิบัติท่านได้รับการศึกษาตามแบบจีนเก่าจบชั้นมัธยม บริบูรณ์ในประเทศจีนสมัย นั้นเมื่อย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม ได้เข้ารับราชการทหารอยู่ระยะหนึ่งในขณะ รับราชการทหารอยู่ ท่านได้สติเกิดเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาสวิสัย จึงตั้งปณิธาน น้อมจิตเข้าสู่ พุทธธรรม การตัดสินใจในครั้งนั้นเป็นผลดีต่อพุทธศาสนาและ คณะสงฆ์จีนนิกายในประเทศ ไทย อย่างมหาศาล สาธุชนทั้งในประเทศและต่างประเทศมากมายได้รับการชักนำจากท่านเข้า สู่พุทธธรรม พระพุทธศาสนา ฝ่ายมหายานได้ตั้งมั่น สืบต่อ ยั่งยืนในภูมิภาคนี้
       - ในปี 2470 ขณะนั้นท่านเจ้าคุณอาจารย์ อายุย่างเข้า 26 ปีได้เดินทาง เข้ามาในประเทศไทย เพื่อศึกษาหลักธรรมและสักการะปูชนียะสถานต่างๆ ตามที่ท่านได้รับฟัง มาก่อน พร้อมกับได้สืบเสาะหาพระอาจารย์ที่มีบารมี ความรู้ เมื่อพบจึงได้ถวายตัวเป็นศิษย์ ขอบรรพชาในสำนักพระอาจารย์ หล่งง้วน เป็นอุปัชฌาย์และบรรพชา เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2471 ณ.สำนักสงฆ์ถ้ำประทุน(เช็งจุ้ยยี่) พระพุทธบาท สระบุรี ท่านอาจารย์หล่งง้วนได้ บรรพชาให้ และให้ฉายา ท่านว่า “โพธิ์แจ้ง”หลังจากบรรพชาแล้วท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้มุ่งหน้าศึกษาบำเพ็ญเพียรปฏิบัติกรรมฐานอย่าง มุ่งมั่น บริเวณวัดถ้ำประทุนในขณะนั้นยังห่างไกลความเจริญ การสัญจรไม่สะดวก คนไปมาหา สู่น้อยเต็ม ไปด้วยสัตว์ร้าย และโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้มุ่งมั่นปฏิบัติพร้อม กับการสังคมสงเคราะห์ ด้วยท่านได้เคยเรียนรู้เรื่อง ตำรับยามาบ้าง เมื่อชาวบ้านเจ็บไข้ได้ ท่านก็เป็นธุระรักษาพยาบาลให้บาง รายอาการหนักถึงแก่กรรม ท่านก็ช่วย ประกอบกิจการศพ ให้ ท่านยังได้ทำการพัฒนาสภาพแวดล้อมต่างๆ ตามโอกาส เช่น ท่านได้สกัดหินภูเขาเพื่อ สร้างทางเดิน ให้ชาวบ้าน เป็นต้น ด้วยความยากลำบาก ความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อสังคม ความมุ่งมั่นใน การ บำเพ็ญเพียร จนครั้งหนึ่งท่านได้เกิดโรคไข้จับสั่น ทุกข์เวทนามาก แต่ ท่านก็ไม่ย่อท้อ เมื่อหนาวสั่นก็ออกไปทุบหิน จนร่างกายที่หนาว กลับกลายเป็นร้อน เมื่อร้อน เหงื่อโชกก็พักหายเหนื่อยก็ไปสรงน้ำ ทำเช่นนี้ตลอด ชั่วระยะเวลาไม่กี่วัน ท่านก็สามารถเอา ชนะโรคร้ายนั้นได้
        - ในสมัยนั้นพระสงฆ์จีนไม่เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนชาวไทย และชาวจีนมากนัก ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้พิจารณาเหตุแห่งสภาพนั้น พร้อมทั้งตั้งสัจจะ ปณิธานที่จะปรับปรุงคณะสงฆ์จีนใหม่ เพื่อนำความเลื่อมใสศรัทธา รุ่งโรจน์ ให้บังเกิดขึ้นใน ภายภาคหน้า ซึ่งเป็นการง่ายในการตั้งปณิธานแต่ยากในการปฏิบัติ ด้วยว่าตนเองจะต้อง ประกอบด้วย ขันติ วิริยะ ปัญญา บารมี และคุณธรรม ด้วยปณิธานในครั้งนั้น ทำให้ท่านต้องรับ ความยากลำบากอย่างมาก ถึงขั้นมีผู้หมายปองชีวิต ดังเหตุการณ์ร้ายแรงเหตุการณ์หนึ่ง หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย ปีที่ 16 ฉบับที่ 5025 วันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2505 ได้ลงข่าว พาดหัวว่า วางระเบิดสังหารสงฆ์ใหญ่จีน มือมืด ซุกใต้เบาะรถยนต์-นั่งทับ ระเบิด รอด มรณภาพได้ปาฏิหาริย์ ถึงแม้จะมีความยากลำบากในการสร้างความมั่นคง แก่คณะสงฆ์จีน เพียงใดท่านเจ้าคุณอาจารย์ก็ยังคงมุ่งมั่นในการปฏิบัติ
       - ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้บำเพ็ญเพียร ศึกษาปฏิบัติ ที่ วัดถ้ำประทุน จนแตกฉานในพระไตรปิฏกรู้แจ้งเห็นจริงในอริยสัจสี่ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของ พุทธศาสนิกชน เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อุบาสก อุบาสิกา ผู้เคารพเลื่อมใสในกรุงเทพฯได้นิมนต์ ท่านแสดงธรรมโปรดชาวเมืองอยู่เนืองๆ ท่านเจ้าคุณอาจารย์จึงได้ย้ายมา จำพรรษาอยู่ใน กรุงเทพ ณ.สำนักสงฆ์หมี่กัง สะพานอ่อน ขณะนั้นพุทธศาสนาฝ่ายจีนยังไม่แพร่หลาย วัดและ สำนักสงฆ์ ยังน้อย ท่านเจ้าคุณอาจารย์ดำริว่า ต้องสร้างคนก่อนแล้วค่อยสร้างวัตถุ เมื่อคนมี ีคุณภาพทางจิตและผูกพัน การพัฒนา สังฆมณฑลจีนนิกายก็ราบรื่นและแพร่ไพศาล ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้เริ่มแผ่เมตตา รับสานุศิษย์(กุยอี)เข้าปฏิญาณตน เป็นพุทธมามะกะรับ คำสอนจากท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็นรุ่นๆ รุ่นละร้อยกว่าคนบ้าง สองร้อยกว่าคนบ้างท่านเป็นที่ พึ่งแก่พุทธศาสนิกชน ่ทั้งชาวจีนและชาวไทยในกรุงเทพขณะนั้นและต่อๆมาวางรากฐานมั่นคง แก่คณะสงฆ์จีนนิกาย ในประเทศไทย
        -ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้จาริกไปประเทศจีน ได้ ดั้นด้นธุดงค์ บำเพ็ญบารมีไป ได้เข้าศึกษามนตรยาน ณยิงมาคากิว ณ.สำนักสังฆราชา ริโวเช่ แคว้นคาม ทิเบตตะวันออก กับพระสังฆราชา “วัชระนะนาฮู้ทู้เคียกทู้”(นอร่ารินโปเช่) ซึ่งเป็นพระมหาเถระที่มีชื่อเสียงมากของทิเบต ท่านสังฆราชานะนา เลื่องลือมาก ในแถบจีน ตอนใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ท่านสังฆราชานะนา ได้เปิดเผยว่าท่านเจ้าคุณ อาจารย์ถือกำเนิดจากปรมาจารย์ “คุรุนาคาชุน” (ตามความเชื่อและแนวทางปฏิบัติในทิเบต) ซึ่งมาเพื่อฟื้นฟู สถาปนาพุทธศาสนามหายานให้มั่นคงในภูมิภาคนี้ ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้รับ ความเมตตาจากพระอาจารย์เป็นพิเศษ เมื่อท่านเจ้าคุณอาจารย์ศึกษาแตกฉานใน มนตรยานณยิงมาคากิว แล้ว พระสังฆราชาฯได้ประกอบมนตรภิเษก ตั้งให้ ท่านเจ้าคุณ อาจารย์เป็น “พระวัชรธราจารย์” อันดับที่ 26 สืบต่อจากท่าน ในการครั้งนั้น ท่านสังฆราชา นะนา ได้มอบ อัฐบริขาร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำตำแหน่งสังฆราชา ให้ท่านเจ้าคุณอาจารย์อย่าง ครบถ้วน ทั้งได้มอบพระธรรมคัมภีร์ ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดของนิกายเพื่อให้ท่านเจ้าคุณ อาจารย์นำกลับมาประดิษฐานในประเทศไทย ด้วย ท่านสังฆราชาได้ทำนายว่า ทิเบตต้องแตก พระธรรมคัมภีร์อันมีค่ามหาศาลจะถูกทำลายหมด เป็นที่ยืนยันแล้วว่า พระธรรมคัมภีร์ฉบับที่อยู่ กับท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็นฉบับสมบูรณ์ที่สุด ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
       - ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้จาริกไปประเทศจีน เพื่อเข้ารับการอุปสมบท เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ณ.วัดล่งเชียงยี่ บนภูเขาป๋อฮั้วซัว มณฑล กังโซว โดยมีพระคณาจารย์ฮ่งยิ้ม เป็นอุปัชฌาย์ ผู้เป็นสังฆนายกสำนักวินัย สำนักปฏิบัติ ธรรมวินัยแห่งนี้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมที่มีระเบียบวินัยเคร่งครัดที่สุดของจีน เมื่ออุปสมบทแล้ว ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้อยู่ศึกษาพระปริยัติธรรม กับพระคณาจารย์เพิ่มเติมอีก 2 ปี ด้วยสติ ปัญญา อันหลักแหลมฉลาดเฉลียว ท่านได้เรียนรู้อรรถธรรมลึกซึ้งต่างๆได้แตกฉานเป็นที่รัก ใคร่ของพระอาจารย์ และ พระสงฆ์ต่างๆ ในสำนัก ปี พ.ศ.2479 จึงได้จาริกกลับประเทศไทย เพื่อเผยแพร่พระธรรมและประสบการณ์ความรู้ ที่ได้รับมาแก่พุทธบริษัทในประเทศไทยต่อไป

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-6-2 20:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


        - ปี พ.ศ. 2490 ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้จาริกกลับประเทศไทย พร้อมด้วย บารมีธรรม อันแรงกล้า แตกฉานในพระไตรปิฏกทุกยาน ทุกนิกาย ทั้งเถระวาทในประเทศไทย มหายานของจีน และวัชระยานของทิเบต ตลอดจน ความรอบรู้ปรัชญาของจีนและศาสตร์ทุก แขนงทั้งทางโลกและทางธรรม ด้วยว่าท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็นผู้ไม่ยอมว่าง ในการแสวงหา ความรู้นั่นเอง
       - ปี พ.ศ.2491 ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้จาริกไปประเทศจีนเป็นวาระที่สาม ครั้งนี้ท่านเจ้าคุณอาจารย์ ได้รับเกียรติอย่างสูงจากพระคณาจารย์จีนพระปรมัตตาจารย์ (เมี่ยวยิ้ว) ประมุขเจ้านิกายวินัยของประเทศจีน องค์ที่ 18 แต่งตั้งท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็น พระปรมัตตาจารย์ ประมุขนิกายวินัยองค์ที่ 19 ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้จาริกแสวงธรรม ในการ ครั้งนี้ด้วย รวมเวลาในวาระนี้ 2 ปีเศษ - ตั้งแต่ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้บรรพชา ณ วัดถ้ำประทุนเป็นต้นมาท่านได ้อุทิศกายใจ เพื่อการ พระศาสนา โดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งปวง หลังจากเข้าพำนัก ณ. สำนักสงฆ์หมี่กัง ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได ้ปฏิบัติกิจของสงฆ์ จำศีลภาวนา อบรมศิษยานุศิษย์ อย่างเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ผู้มาปฏิบัติธรรมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนสำนักสงฆ์หมี่กังคับแคบ ไม่พอแก่จำนวนผู้มา ท่านเจ้าคุณอาจารย์จึงสร้างสำนักสงฆ์หลับฟ้าขึ้นอีกแห่ง ในบริเวณใกล้ เคียงกัน กิติศัพท์ในสีลาจาวัตร ความรู้ ความสามารถ ความเมตตา ของท่านยิ่งกว้างขวางไป ไกล จำนวนศิษยานุศิษย์และผู้ปฏิบัติธรรมก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น สำนักสงฆ์หลับฟ้าก็คับแคบอีกท่าน เจ้าคุณอาจารย์ จึงได้สร้างวัดโพธิ์เย็น ณ.ตลาดลูกแก อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี และ ได้ขอพระราชทานวิสุงคามสีมา กับประกอบพิธี ผูกพัทธสีมาสำหรับ เป็นที่ประกอบการอุปสม บทตามพระวินัยบัญญัติ นับเป็นปฐมสังฆะรามฝ่ายจีนนิกาย แห่งแรกที่ให้ การอุปสมบทแก่กุล บุตร ซึ่งก่อนหน้านี้การอุปสมบทด้องเดินทางไปประเทศจีน ต่อมาสมเด็จพระสังฆราชเจ้าได้ โปรด แต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌายะฝ่ายจีนนิกายรูปแรก ปี พ.ศ.2497 สมเด็จพระสังฆราชมี เถรบัญชาให้ท่านเจ้าคุณอาจารย์ จากวัดโพธิ์เย็นลงมาครองวัดมังกรกมลาวาส ซึ่งเป็นอาราม ใหญ่ที่สุดของฝ่ายจีนนิกาย ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้ปกครอง ดูแลอย่างเรียบร้อย เป็นที่แซ่ซ้อง สาธุการของพุทธบริษัทชน ครั้นแล้ว จึงมีพระบรมราชโองการโปรดให้เลื่อน สมณะศักดิ์ของ ท่านเจ้าคุณขึ้นเป็นที่พระอาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร เจ้าคณะใหญ่ฝ่ายสงฆ์จีนนิกาย ปกครอง คณะสงฆ์จีน ในประเทศไทย เมื่อคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทยมั่นคง สมบูรณ์แล้ว ท่าน เจ้าคุณอาจารย์ได้จาริกยังประเทศในภูมิภาคนี้ เป็นครั้งเป็นคราว เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย เพื่อเผยแพร่พระศาสนาให้กว้างไกลยิ่งๆขึ้นไป ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้อุทิศตนเพื่อ พระศาสนาอย่างแท้จริงเป็นเวลายาวนานกว่า 60 ปี ฉะนั้นชื่อเสียง เกียรติคุณ ของท่านจึงขจร ขจายไปทั่วทุกสารทิศ
       - ท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยชาติวุฒิ คุณวุฒิ และวัยวุฒิ ปฏิบัติเคร่งครัดในสีลาจารวัตร เมตตาสั่งสอน อบรมพุทธบริษัททั่วไปอย่างหมั่นเพียรจนได้รับ การยกย่องในหมู่คณะพระมหาเถรานุเถระของ ไทยว่ามีปฏิปทาไม่แปลกจากสงฆ์ไทยเลย สังฆกรรมใดซึ่งมีพระพุทธบัญญัติ ก็พยายามพื้นฟูขึ้นมาปฏิบัติ เช่น พิธี กฐิน เป็นต้นด้วยความ เป็นสังฆราชาแห่งสำนักวินัยอันดับที่ 19 ท่านเจ้าคุณอาจารย์ให้ความสำคัญ ในการปฏิบัติเคร่ง ครัด ในพระวินัย พร้อมทั้งสั่งสอน ควบคุม พระภิกษุ สามเณรในวัดให้เป็นผู้เคร่งครัดในการ ปฏิบัติพระวินัยด้วย ท่านเจ้าคุณ อาจารย์จึงมีคำสั่งให้พระภิกษุเย็นเกียรติ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดโพธิ์เย็น จัดการแปลสิกขาบทในพระปาฏิโมกข์แห่งนิกายวินัย ซึ่งเป็นพากษ์ภาษาจีนออกสู่ พากย์ไทย เพื่อเป็นการเปรียบเทียบพระปาฏิโมกข์ของฝ่ายบาลี และให้ผู้บวชเรียนชาวไทย ในกาลต่อมาได้เรียนรู้อย่างสะดวก พระภิกษุจีนนอกจากจะต้องปฏิบัติตามพระวินัยบัญญัตินี้ แล้ว ยังต้องปฏิบัติ โพธิสัตว์ สิกขาตามคติในนิกายมหายานอีกด้วย - วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน 2529 ท่านเจ้าคุณอาจารย์ ได้อาพาธ และถึงแก่มรณะภาพลง สิริอายุ 85 ปีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานพระบรม ราชานุเคราะห์ ในการสวดพระอภิธรรม 7 วัน นอกจากนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ได้ทรงพระมหากรุณา เสด็จพระราชดำเนินไปในการบำเพ็ญพระ ราชกุศลพระอภิธรรม แก่ศพท่านเจ้าคุณอาจารย์ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2529 สมเด็จพระบรม โอรสาธิราช เสด็จพระราชดำเนิน บำเพ็ญ พระราชกุศลพระราชทานบรรจุศพ ท่านเจ้าคุณอา จารย์ ณ วัชระเจดีย์ วัดโพธิ์แมนคุณาราม ท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็นพระเถระต่างชาติรูปแรกที่ได้ รับพระราชทานสมณศักดิ์สูงเป็นเกียรติประวัติยามเมื่อท่าน ยังมีชีวิตอยู่ และเมื่อท่านได้ละ สังขารแล้ว ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรม ราชานุเคราะห์ต่างๆ เป็นเกียรติประวัติที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์สงฆ์จีนในประเทศไทย
       ก่อนท่านเจ้าคุณอาจารย์จะมรณะภาพท่านได้สั่งคณะศิษย์ไว้ว่าเมื่อถึงเวลาอันสมควร ก็ให้เปิดวัชระเจดีย์และอัญเชิญสรีระของท่านออกมาเพื่อให้สานุศิษย์ทั้งหลายได้กราบไหว้บูชา เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2539 เจ้าคณะใหญ่สงฆ์จีนนิกายองค์ปัจจุบัน ท่านเจ้าคุณเย็นเต็ก ได้ประกอบพิธีเปิดวัชระเจดีย์เมื่อผู้ร่วมในพิธีทุกท่านได้เห็นสรีระของท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็นที่ อัศจรรย์อย่างยิ่ง สรีระของท่านยังคง สมบูรณ์ดี แม้เวลาจะผ่านไปนานถึงสิบปีแล้วก็ตาม แต่ก็ มีเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่งไปกว่านั้นอีก ร่างของท่านได้ แบ่งสีสรรเป็นสามสีอย่างชัดเจนคอและ ศีรษะเป็นสีทอง ตัวเป็นสิเงิน จากข้อศอกทั้งสองข้าง และขาทั้งสอง ข้างเป็นสีโกโก้หรือสีของ เมื่อสัมผัสยังนุ่มนิ่มเหมือนเนื้อคนธรรมดา ขณะนี้สรีระของท่านเจ้าคุณอาจารย์ ได้ประดิษฐาน ณ วัดโพธิ์แมนคุณารามเพื่อให้สานุศิษย์ทั้งหลายได้กราบไหว้บูชา




3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-6-2 20:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-6-2 20:56 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สังขารเจ้าคุณโพธิ์แจ้งที่ไม่เน่า.

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2505.....หนังสือ พิมพ์ไทย ฉบับที่ 5025 พาดหัวข่าวว่า...วางระเบิดสังหารสงฆ์ใหญ่จีน มือมืดซุกใต้เบาะรถยนต์ นั่งทับระเบิด รอดมรณภาพอย่างปาฏิหาริย์

สงฆ์ใหญ่จีน รูปนั้นคือ พระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร พุทธบริษัทจีน พิเนตุวิเทศธรรมประสาท นวกิจพิลาสประยุกต์ ทำนุกจีนประชาวิสิฐ หรือ ท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง มหาเถระ เจ้าอาวาส วัดโพธิ์แมนคุณาราม (ในขณะนั้น) ถนนสาธุประดิษฐ์ ซอย 19 เขตยานนาวา กทม.

ต่อมา...ล่วงถึงปี 2525 (อีก 20 ปี 6 เดือน) เจ้าคุณโพธิ์แจ้งฯ จึงละสังขารอย่างสงบในอิริยาบถนั่งเข้าสมาธิบัลลังก์ ในวันที่ 22 เดือน 8 ตามปฏิทินจีน ทางสุริยคติตรงกับวันที่ 25 กันยายน

ก่อนเจ้าคุณโพธิ์แจ้งฯ จะละสังขาร ได้สั่งศิษย์ให้เก็บศพไว้ 10 ปี จึงค่อยมาเปิดดู ซึ่งก็ได้ปฏิบัติตาม พอครบช่วงของคาบเวลาที่ประจักษ์ต่อสายตาเหล่าศิษยานุศิษย์คือ...สังขารของท่านเจ้าคุณฯไม่เน่าเปื่อยแต่อย่างใด แถมที่เล็บยังงอกยาวออกมาดั่งเช่นคนที่ยังมีชีวิต

จากนั้นเหล่าศิษยานุศิษย์จึงได้ทำการปิดทองคำทั่วร่างเจ้าคุณฯ แล้วนำประดิษฐาน ณ วิหารบูรพาจารย์ ...ในท่าเดิมขณะละสังขาร

หลังจากปิดทองคำทั้งร่างเพื่อสักการะ.

เจ้าคุณโพธิ์แจ้งฯ นามเดิมว่า ธง เกิดในตระกูลอึ้ง จังหวัดแต้จิ๋ว มณฑลกวางตุ้ง ปีขาล 2444 ในปี 2470 จึงเดินทางมาสู่แผ่นดินสยาม...

ด้วยจิตที่มุ่งมั่นต่อพระพุทธศาสนามหายาน จึงเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ณ สำนักสงฆ์ถ้ำประทุน (เซ็งจุ้ยยี่) พระพุทธบาท สระบุรี ได้ฉายาว่า โพธิ์แจ้ง สมัยนั้นพระสงฆ์จีนไม่เป็นที่เลื่อมใสจากพุทธศาสนิกชนชาวไทย...จึงได้ ตั้งสัจจะปณิธานว่าด้วยบารมีธรรมของพระพุทธจะทำให้คนไทยเกิดศรัทธาให้ได้


เจ้าคุณโพธิ์แจ้งเมื่อครั้งยังมีชีวิต.

จากนั้นก็ได้ ศึกษาพระธรรม บำเพ็ญเพียร และ จาริกแสวงบุญ เพื่อพบกับผู้นำศาสนา ในแต่ละภูมิภาคหลายท่าน ทั้งใน ประเทศจีน ทิเบต ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย

ซึ่ง...ได้ ศึกษาวินัย พระไตรปิฎกทุกยาน พระคัมภีร์ทุกนิกาย ทั้งเถรวาทของไทย มหายานของจีน และวัชระยานของทิเบต ตลอดจนความรอบรู้
ในปรัชญาของจีนและศาสตร์ทุกแขนงทางโลก ทางธรรม สังคมประเพณีในแต่ละท้องถิ่น

จนกระทั่งปี 2490 จึงได้กลับมาเผยแผ่ ถ่ายทอด สอนพระธรรม และ ความรู้แก่พุทธบริษัทในประเทศไทย

ปี 2502 จึงสร้าง วัดโพธิ์แมน เป็นศาสนสถานตามลักษณะสถาปัตยกรรม ศิลปะแบบไทยจีนประยุกต์ทิเบต

พระอุโบสถวัดโพธิ์แมนเป็นศิลปะ 3 ประสาน.

ปัจจุบันมีศิษยานุศิษย์อยู่เกือบทั่วทุกวงการของสังคม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฯลฯ จะมาร่วมประกอบพิธีกรรมตามประเพณีในวันสำคัญๆ ณ วัดโพธิ์แมน...

โดยเฉพาะทุกๆปี....ช่วง ครบรอบวันละสังขารของเจ้าคุณโพธิ์แจ้งมหาเถระ ถือว่าเป็นวันนัดพบเลยก็ว่าได้

งานคล้ายวันละสังขาร ปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 27 กันยายน โดยจะเริ่มในช่วง 10 โมงเช้า เป็นการถวายอาหารบูชาพระพุทธ 11.30 น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ 12.30 นาฬิกา จะทำ พิธีโยคะตันตระ

ที่นำ พิธีโยคะตันตระ มาประกอบในวันนี้ ก็เพื่อเป็นการ สืบสานในวัตถุประสงค์ของท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้งมหาเถระ...

ด้วย ในอดีตที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ตลอดระยะเวลา 1 เดือนก่อนจะถึงวันเกิด จะให้ พระเถระในวัดประกอบพิธีกรรมนี้ทุกวัน...แล้วจะทำ พิธีใหญ่
อีกครั้งในวันเกิดของเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง

พิธีโยคะตันตระ...มีต้นกำเนิดมาจาก พระอรหันต์อานนท์ ซึ่งคืนหนึ่ง ฝันว่าโยมพระมารดาเป็นเปรต ทนทุกข์ทรมานมาก ขอให้ช่วย...รุ่งเช้าจึงได้นำความมาถามพระพุทธเจ้า

ซึ่ง...ก็ได้รับคำตรัสจากพระพุทธองค์ ว่าเป็นเรื่องจริง ด้วยที่พระมารดาของพระอานนท์มิได้ยึดถือในพระธรรม จึงปฏิบัติตนไม่ถูกต้อง อีกทั้ง สัตว์โลกที่อยู่ในห้วงของกรณีเดียวกันนี้มีมากนัก และใน อนาคตก็ยิ่งจะมีมากขึ้น

พระพุทธองค์จึงทรงบอกวิธีการทำพิธีโยคะตันตระ อันพิธี ทำบุญ และ ทำทาน ไปพร้อมๆกัน เมื่อ พระอานนท์ จัดทำ พิธีกรรมได้ส่งพลังบารมีช่วยให้โยมพระมารดาได้หลุดพ้นจากบ่วงทุกข์สู่สุขาวดี เพื่อปฏิบัติธรรมต่อไป

พิธีโยคะตันตระ เริ่มด้วยการเปิดมณฑลพิธี พระเถระผู้เป็นประธานอัญเชิญพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า เทพเทวดาทั้งปวงมาร่วมเป็นสักขีพยานรับการขอขมากรรม จากสรรพสัตว์ทั่วทุกภพภูมิ

แล้วอัญเชิญไต้สือเอี๊ยะ พระโพธิสัตว์ผู้ควบคุมสัมภเวสีทั้งหมดมาเป็นประธาน ในการแจกจ่าย แผ่พุทธบารมีเพื่อให้สรรพสัตว์ แม้แต่ผู้มีกรรมหนักที่สุด

อยู่ในนรกที่ลึกสุดได้รับการแจกจ่าย ทั้งเครื่องอุปโภค บริโภค อีกทั้งยังได้มา เพิ่มพูนบุญกุศลให้เหล่าสัมภเวสี ได้กินได้ใช้...เมื่อสุขกาย สุขใจที่ได้กิน แล้ว พระพุทธเจ้าทั้งปวงจะผลัดเปลี่ยนกันแสดงธรรม

มิใช่เพียงสัมภเวสีเท่านั้น เทวดา มนุษย์ สรรพสัตว์ทั้งหลาย ก็ได้รับธรรมบารมี อันเป็นบุญกุศลและสุข ...ก่อนกลับไปยังภพของตนเป็นอันเสร็จพิธีอันเป็น กุศลกรรม.







สาธุครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้