ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ข่าวสด

[คัดลอกลิงก์]
21#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-10 17:11 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2016-10-10 17:13

พม่าปะทะเดือดชายแดน ชี้กองกำลังโรฮิงยาสังหาร 9 ตร.

วันที่ 9 ตุลาคม 2559 - 22:53 น.




รัฐยะไข่
เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ต.ค. เกิดเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่พม่ากับกองกำลังติดอาวุธตามแนวชายแดนพม่าติดประเทศบังกลาเทศ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพม่าเสียชีวิต 9 ราย อีก 4 นายบาดเจ็บ และอีกนายสูญหายไป ส่วนฝ่ายติดอาวุธเสียชีวิต 8 ราย แม้ไม่มีกลุ่มใดออกมาประกาศตัว แต่ทางการพม่ากล่าวหาว่าเป็นฝีมือกลุ่มโรฮิงยา
ภาพจาก frontiermyanmar.net เมืองหม่องดอว์ รัฐยะไข

เหตุปะทะเกิดขึ้น 3 จุดช่วงเวลาบ่ายโมงครึ่งใกล้เมืองหม่องดอว์ ในรัฐยะไข่ ภาคตะวันตกของพม่า เจ้าหน้าที่ในกรุงเนปิดอว์ให้ข้อมูลว่า การปะทะกันดังกล่าว ผู้ก่อเหตุยึดอาวุธของราชการไปหลายชนิด และคนร้ายกลุ่มนี้เป็นกลุ่มองค์การเอกภาพโรฮิงยา หรือ อาร์เอสโอ แต่เมื่อนักข่าวถามว่าเหตุใดจึงรู้ว่าเป็นกลุ่มนี้ เจ้าหน้าที่กลับไม่มีคำอธิบายใดๆ


แผนที่พื้นที่เกิดเหตุ / BBCสำหรับกลุ่มอาร์เอสโอ เป็นกลุ่มติดอาวุธโรฮิงยากลุ่มเล็กๆ เคลื่อนไหวเมื่อ 30-40 ปีก่อน แต่ไม่เป็นที่ได้ยินอีกเลยในช่วงเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา อีกทั้งในปี 2555

ชาวโรฮิงยาในรัฐยะไข่ยังถูกขับไล่จากรัฐยะไข่ในเหตุความรุนแรงครั้งใหญ่
ที่เกิดท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างพุทธกับมุสลิม

https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_41431

22#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-11 06:50 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เชิญวิญญาณสองพ่อลูก!! ผวาทั้งหมู่บ้าน-หวั่นอาถรรพ์ผีเอา6ชีวิต ฮือฮาอีกศพไม่ไหม้(คลิป)วันที่ 9 ตุลาคม 2559 - 18:57 น.







ญาติสองพ่อลูกจมน้ำดับเตรียมอัญเชิญดวงวิญญาณกลับบ้านตามความเชื่อ หลังหมอดูทักผีจะมาเอาชีวิตคนในหมู่บ้าน 6 ศพ ล่าสุดลุงวัย 61 ที่มานอนเฝ้าศพสองพ่อลูก ดับปริศนาหน้าโลงเป็นรายที่ 3 แล้ว  สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้าน เชื่อเกิดจากไม่ได้ทำพิธีก่อนนำศพผีตายโหงเข้าบ้าน เกิดเหตุการณ์แปลกอีก ญาตินำศพไปเผา ศพไม่ไหม้

วันที่ 9 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านบ้านโนนเจริญ ม.14 ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์แปลกประหลาดหลังนายจำนงค์ ทองนำ อายุ 61 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้านซึ่งไปนอนเฝ้าศพของนายพยอม จันทอง อายุ 44 ปี และ ด.ญ.จีรนันท์ จันทอง อายุ 9 ขวบ สองพ่อลูกที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์จมน้ำที่บริเวณประตูน้ำคลองพระพิมล ม.2 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา และญาติได้นำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดเลขที่ 139 หมู่ 14 ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ แต่นายจำนง ซึ่งไปนอนเฝ้าศพ 2 พ่อลูก ได้เสียชีวิตเวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดผวา



23#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-11 06:51 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2016-10-11 06:52

จากนั้นญาติของผู้เสียชีวิตจึงได้พากันไปหาหมอดูในตำบล ก็ได้รับคำตอบจากหมอดูว่า 2 พ่อลูกที่จมน้ำเสียชีวิตเป็นการตายผิดธรรมชาติหรือที่เรียกว่า “ผีตายโหง” ก่อนนำศพเข้าบ้านไม่ได้มีการทำพิธีบอกกล่าวเจ้าที่ อีกทั้งญาติก็ไม่ได้ทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณของ 2 พ่อลูกตามประเพณีด้วย ดังนั้นวิญญาณของผีตายโหงก็จะตามมาเอาชีวิตคนในหมู่บ้านอีก 3 ศพ รวมเป็น 6 ศพ ยิ่งสร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก หากเป็นจริงตามคำทำนายทายทักของหมอดู
โดยล่าสุดวันนี้ญาติได้ทำพิธีฌาปนกิจศพของสองพ่อลูกแล้วที่วัดบ้านตะโคงหรือวัดทุ่งสว่าง ส่วนศพของนายจำนง คนนอนเฝ้าศพที่เสียชีวิตปริศนานั้น

นางทุเรียน กุยรัมย์ อายุ 74 ปี ชาวบ้าน บอกว่า ส่วนตัวก็เชื่อ หากทำไม่ถูกต้องตามประเพณี โดยการนำผีตายโหงเข้าบ้านจะต้องมีการทำพิธีบอกกล่าวเจ้าที่ และจะต้องอัญเชิญดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตกลับมาด้วย แต่ 2 พ่อลูกที่จมน้ำตายไม่ได้มีการทำพิธีให้ถูกต้อง จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งนอกจากจะมีคนที่ไปนอนเฝ้าศพเสียชีวิตปริศนาแล้ว ตอนสวดอภิธรรมคืนสุดท้าย ก่อนจะเคลื่อนศพมาเผา ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาด โดยลูกชายของผู้เสียชีวิตมีอาการคล้ายถูกผีทับหรือผีอำ เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นมาก็เล่าให้ญาติและชาวบ้านฟังว่ามีชายร่างสูงใหญ่จะมาเอาชีวิตโดยดึงแขนลงน้ำ แต่มีเพื่อนบ้านมาปลุกให้ตื่นก่อนจึงรอดชีวิต ส่วนกรณีที่หมอดูทักว่าจะมีผีมาเอาชีวิตคนในหมู่บ้าน 6 ศพนั้น ถึงไม่เชื่อก็ไม่ลบหลู่ ก็ต้องรอดูว่าหลังจากนี้จะมีเหตุการณ์ผิดปกติ หรือใครในหมู่บ้านเสียชีวิตตามที่หมอดูทักหรือไม่
ด้านนายสุมน จันทอง อายุ 67 ปี พ่อของนายพะยอม และเป็นปู่ของ ด.ญ.จีรนันท์ สองพ่อลูกที่จมน้ำเสียชีวิต บอกว่า ส่วนตัวไม่เชื่อเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติหรือที่หมอดูทักว่าจะมีผีมาเอาชีวิต 6 ศพ ที่ลูกชายและหลานเสียชีวิตนั้น เป็นเพราะหมดอายุขัย ส่วนคนที่มานอนเฝ้าเสียชีวิตอีกนั้น แพทย์ก็ลงความเห็นว่าเกิดจากหัวใจล้มเหลว ประกอบกับเป็นคนชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว สำหรับกรณีที่หมอดูแนะนำให้ทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณ เบื้องต้นก็ได้ทำแล้ว โดยการนำกะละมังใส่น้ำ แล้วเขียนชื่อคนตายใส่ แล้วนิมนต์พระสวดเพื่อเรียกวิญญาณกลับเข้าร่างซึ่งก็ทำเรียบร้อยแล้ว และหลังเสร็จพิธีฌาปนกิจศพแล้วก็เตรียมจะนิมนต์พระเดินทางไปทำพิธีเชิญดวงวิญญาณของลูกชายและหลานสาว ที่จมน้ำเสียชีวิตที่ จ.นนบุรี กลับมายังบ้านเกิดตามประเพณีด้วย ส่วนชาวบ้านที่มีความเชื่อเกี่ยวกับวิญญาณผีตางโหงจะมาเอาชีวิตนั้น ก็แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคล ตนก็ไม่ได้ติดใจอะไร
ขณะที่นายสง่า ไชยสุวรรณ อายุ 61 ปี สัปเหร่อ บอกว่า จากประสบการณ์ที่เป็นสัปเหร่อมากว่า 20 ปี เมื่อมีคนเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติหรือที่เรียกกันว่าผีตายโหง จะต้องมีการนิมนต์พระ 4 รูปไปทำพิธีสวดเชิญดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตตามประเพณี แต่กรณี 2 พ่อลูกนี้ไม่ได้ทำตามประเพณี ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ที่ดวงวิญญาณคนตายจะตามมาเอาชีวิตคนใกล้ชิด จึงได้แนะนำให้ญาติไปทำพิธีให้ถูกต้องตามประเพณี ทั้งนี้เพื่อความสบายใจของญาติและชาวบ้านด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เหตุการณ์แปลกศพเผาไม่ไหม้ ญาติจึงได้รวมตัวกันคุยถึงสาเหตุแต่ก็ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ ก่อนจะมีรถของมูลนิธิกู้ภัยนนทบุรีนำศพมาส่ง ขับกลับมาจอดหน้าบ้านพร้อมกับนำเหรียญพระ และเงินสด 20 บาท ซึ่งเป็นของที่ติดอยู่กับตัวผู้ตายที่ตกภายในรถมาคืนให้ ญาติจึงได้ทำการจุดธูปบอกผู้ตายก่อนจะทำการเผาอีกครั้งศพจึงไหม้ ระบุเป็นเหรียญที่ผู้ตายรักมาก
นางน้อย จันทอง อายุ 42 ปี น้องสาวของนายพยอมที่เสียชีวิตจมน้ำที่จังหวันนนบุรี บอกว่า วันนี้เป็นวันฌาปนกิจศพ เมื่อพิธีเสร็จสิ้นจนถึงตอนเผา ปรากฏว่าสัปเหร่อ แจ้งว่าศพเผาไม่ไหม้ สร้างความมึนงงให้กับญาติเป็นอย่างมาก
โดยระหว่างนั้นได้มีรถของหน่วยกู้ภัยจังหวัดนนทบุรี ที่นำศพพี่ชายมาส่งเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ได้นำถุงพลาสติกมาให้ดูว่าเป็นของผู้ตายหรือไม่ เมื่อตรวจสอบพบภายในถุงมีเงินสดไม่ถึง 100 บาท และมีเหรียญของหลวงปู่ต๊ะ ธมมณียโก วัดป่าเลไลย์ บ้านใหม่ ต.สามแวง จ.บุรีรัมย์ 1 เหรียญ ตนเองยืนยันว่าเป็นของพี่ชาย เพราะเหรียญนี้พี่ชายรักมาก ไปไหนจะต้องนำติดตัวไปด้วยตลอดเวลา และได้รับคำตอบจากกู้ภัยว่า หลังจากมาส่งศพวันนั้น ได้ไปส่งศพที่จังหวัดอื่นในภาคอีสาน เมื่อผ่านจังหวัดบุรีรัมย์ มีความรู้สึกว่ากลับไม่ได้ จึงเข้าไปตรวจสอบหลังรถ ก็พบสิ่งของของผู้ตายอยู่ในรถ และคิดว่าเป็นของนายพยอม  จึงนำมาส่ง จากนั้นจึงจุดธูปบอกกล่าวว่าได้ของกลับคืนแล้ว ศพจึงเผาไหม้ตามปกติ


https://www.khaosod.co.th/featured/news_40541

24#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-11 07:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
“บิ๊กตู่” พ้อหากประเทศล้มเหลว จะขอไปตามทาง ไม่ทนอยู่อีกต่อไป




เมื่อเวลา 15.00น. วันที่ 4 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสโจมตีรัฐบาลและตนเองรวมถึงคนใกล้ชิดในช่วงนี้ ว่า รู้แก่ใจตัวเอง ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งตนก็วูบวาบเป็นธรรมดา ไม่รู้สึกอะไร เพราะธรรมดาก็ต้องโดนโจมตี การทำความดีไม่ค่อยได้ประโยชน์อะไรในบ้านเมืองนี้ จะต้องถูกขัดขวางเป็นธรรมดา จะผิดจะถูกให้ไปว่ากันในกระบวนการยุติธรรมก็ยังไม่เข้าใจกันเลยว่ากระบวนการยุติธรรมอยู่ตรงไหน เรื่องบางเรื่องมีกติกาอยู่แล้ว ก็ไปไล่เอาจากหน่วยที่รับผิดชอบ ไม่ใช่ให้ตนไปนั่งสั่งทุกเรื่อง กลไกเดิมมีอยู่แล้วไม่ใช่เพิ่งมาทำตอนนี้ ในอดีตก็ทำอย่าเอามาจับกันไปมา
ผู้สื่อข่าวถามว่าการถูกโจมตีหลายเรื่องทำให้เสียสมาธิหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทำให้เข้มแข็งและอดทนขึ้น สมาธิตนแยกออกจากกัน โมโหคือโมโห ทำงานคือทำงาน อารมณ์ดีก็อารมณ์ดี แยกแยะออก เมื่อถามว่าประเมินถึงการถูกโจมตีในช่วงนี้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า แล้วสื่อประเมินอย่างไร เพราะสัมผัสประชาชนมากกว่า คิดอย่างไร หากจะตรวจสอบตนในฐานะที่เข้ามาบริหารประเทศก็ตรวจสอบไป ไม่ได้ห้ามใคร และไปห้ามใครหรือยัง การตรวจสอบอำนาจตนอยู่ตรงไหนต้องดูกฎหมายด้วย เพราะตนไม่ใช่ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง นี่คือความแตกต่าง

“ขอให้เข้าใจว่าผมใช้อำนาจเพื่ออะไร ทำอะไร ผมพยายามทำทุกอย่างให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต้องไปว่ากันมา รู้หรือยังว่ากระบวนการยุติธรรมเริ่มต้นที่ตรงไหน สื่อก็ตกเป็นเครื่องมือคนโน้นคนนี้ หากจะผิดก็ไปว่ากันมาฟ้องร้องมา คนที่เกี่ยวข้องก็ชี้แจงฟ้องร้องไป ชี้แจงได้ก็จบ ชี้แจงไม่ได้ก็สอบต่อ ซึ่งทุกเรื่องไม่ใช่ไม่เคยทำ ก็ทำมาตลอดต้องไปดูว่าเป็นธรรมถูกต้องหรือไม่ หลายเรื่องตอนนี้ที่เข้ามาก็ต้องไปสอบมา ผมห้ามใครที่ไหน” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการใช้มาตรา 44 ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งมีการมองว่าใช้มากไปหรือไม่ ว่า ถามว่าที่ได้ใช้ไปนั้นมีความหมายอะไรหรือไม่ มันมีเหตุ มีผลในการใช้อยู่ มีเหตุผลอะไรที่ไม่ควรใช้หรือไม่บอกมา อยากให้สื่อมวลชนอธิบายให้ประชาชนเข้าใจด้วย ผมบอกไม่รู้กี่ครั้งแล้วสิ่งที่สื่อถ่ายรูป สิ่งที่เขียนไป ไม่ได้อยู่แค่ประเทศไทย สถานการณ์วันนี้เราต้องการความเข้าใจจากต่างประเทศให้มากที่สุด วันนี้จาการที่เราไปต่างประเทศ เขาก็เข้าใจเรามากขึ้น
เมื่อถามถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ออกมาอธิบายเรื่องการใช้มาตรา 44 ในการยุบสภา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นายวิษณุได้อธิบายขึ้นมาเองในห้องประชุมครม. แล้วว่าไม่ใช่ความหมายอย่างที่เป็นข่าว เพราะมีกติกาการใช้อยู่ จะไปยุบได้อย่างไรถ้ามันไม่มีเรื่อง นายวิษณุ ได้ชี้แจงอธิบายว่าถ้ามันไม่ได้ แล้วมันจะทำอะไรต่อไป ใครตอบได้ไหมถ้า 6 เดือนเลือกนายกฯไม่ได้ จะทำอย่างไรต่อไป บ้านเมืองเดินหน้าได้ไหม ไม่มีรัฐบาลมันอยู่ได้ไหมประเทศไทย จะต้องลากยาวกันไปปีเลยหรือ ที่เขาพูดคือเตือนอย่าให้เป็นอย่างนั้น ทุกอย่างเขาเตือนหมด ที่ออกกฎกติกา แล้วทำไมจะต้องต่อต้านสิ่งที่เขาต้องการให้มันดีกว่าเดิม เขาไม่เอาไปรังแกใครหรอก แล้วที่ผ่านมามันทำดีกันหรือยัง ถ้ามันดีพอแล้วผมจะได้เลิก อำลาไป พอแล้ว
“ก็ตามใจ อยากทำอะไรก็ทำไป วันหน้าเลือกไม่ได้ จะตีกันอีก ผมก็จะปล่อยให้มันตีกันข้ามปีไปเลย ก็เลือกเอา ตามใจ ประชาธิปไตยแบบนั้นก็เอาไป ผมไม่ว่าอะไร แต่คิดว่าผมจะทนหรือ ที่ผมจะอยู่กับประเทศที่ล้มเหลวขนาดนั้น ผมก็ไปไหนของผม พอแล้ว”

https://www.khaosod.co.th/politics/news_33003

  
26#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-11-21 16:13 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
FootNote:สถานการณ์ ของ เบส อรพิมพ์ ซ้ำรอย “แม่ผ่องพรรณ พัฒนา”

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2559 - 08:12 น.






ทั้งๆที่ผ่านสถานการณ์ “แม่ผ่องพรรณ พัฒนา”
ทั้งๆที่ผ่านสถาน การณ์ “อโลฮา ฮาวาย”

แต่บรรดา”โฆษก” ก็ไม่ได้ “สรุป”

จึงเมื่อประสบเข้ากับสถานการณ์ “เบส อรพิมพ์” ก็ยังเดินไปตาม “รอย” ของ 2 กรณีนั้นอีก
ไม่เข็ด

ถามว่า สถานการณ์ “แม่ผ่องพรรณ พัฒนา” มีจุดเริ่มมาจากอะไร
คำตอบคือ ตัวของ”แม่ผ่องพรรณ”นั่นแหละ

คำตอบคือ เว็บไซต์ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม อันสมาคมภริยาแม่บ้านสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมสังกัดอยู่
ไม่ใช่ “ทหารแตงโม”

เช่นเดียวกับ จุดเริ่มของ “อโลฮา ฮาวาย” 1 มาจากเว็บไซต์ สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 1 มาจากเว็บไซต์การบินไทย
ไม่ใช่ “ข้าราชการแตงโม”

กรณีของ “เบส อรพิมพ์”ก็อีหรอบเดียวกับกรณี”แม่ผ่องพรรณ พัฒนา”และกรณี”อโลฮา ฮาวาย”
“สนิม” เกิดแต่ “เนื้อใน”ตน

ไม่ว่า “คำพูด” ไม่ว่า “กิจกรรม” ไม่ว่า “อัตราค่าจ้าง” ที่อึกทึกครึกโครมถามว่ามาจากไหน
มาจาก”ตุ๊กกี้” หรือ
มาจาก “นักร้อง” และ”หมอลำ”ที่อยู่ในสายตระกูล”รากแก่น” หรือ
มิใช่
1 มาจากเรียวปากบาง น.ส.อรพิมพ์ รักษาผล 1 มาจากกิจกรรม “อยู่อย่างไทย หัวใจจงรักภักดี”
ที่สำคัญ 1 มาจากเว็บเพจ base orapim
แสดงภาพคู่กับ “อดีตเสนาธิการทหารบก” แสดงภาพคู่กับ “อดีตแม่ทัพภาคที่ 2”

เรื่องลี้ลับอย่างนี้ “ตุ๊กกี้” เฮ็ดบ่ด้ายยยย

ยิ่ง พ.อ.วินธัย สุวารี พยายาม”โบ้ย” ยิ่ง พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ พยายาม “ปัด”
ยิ่งต้องเหน็ดเหนื่อย

เพราะไม่เพียงแต่ “อัตราค่าจ้าง”จะโผล่พ้นออกมาจากโครง การส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ในหัวข้อ”อย่างไรที่เรียกว่ารัก”เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558
สนนราคาชั่วโมงละ 30,000 บาท

หากเมื่อเทียบกับหลักเกณฑ์อันปรากฏผ่านเอกสารประกอบพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 อันเป็นไปตามที่กรมบัญชีกลางกำหนด
วิทยากรที่ไม่ได้เป็น”เจ้าหน้าที่รัฐ”ไม่เกิน 1,600 บาท

ยิ่งทำให้พังเพยแต่โบราณ “คนดีชอบแก้ไข คน”อาราย”ชอบ แก้ตัว” มีความเด่นชัด

https://www.khaosod.co.th/hot-topics/news_108102

27#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-11-21 16:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
จับตาแผนปฏิรูป คิว “องค์กรอิสระ”
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2559 - 00:40 น.



รายงานพิเศษ

ภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ลงนามนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ตามกรอบเวลาเมื่อวันที่ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา
การเมืองก็ปรับเข้าสู่โหมดจับตากระบวนการร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ หรือ “กฎหมายลูก” 10 ฉบับ ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ต้องจัดทำให้เสร็จภายใน 240 วัน หรือ 8 เดือน

กฎหมายลูกเขียนขึ้นเพื่อกำหนดให้หลักการใหญ่ที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้นำมาใช้ได้จริง และต้องเขียนตามกรอบที่รัฐธรรมนูญวางแนวทางไว้ เกี่ยวกับระบบการเมือง พรรคการเมือง การเลือกตั้ง องค์กรอิสระ รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ

ใน 10 ฉบับ มี 4 ฉบับเป็นองค์ประกอบสำคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ได้แก่ กฎหมายลูกว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมือง กฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.

เป็น 4 ฉบับที่กรธ.ชุดนายมีชัย ฤชุพันธุ์ กำลังเร่งดำเนินการเพื่อส่งต่อให้สภานิติ บัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาผ่านออกมาบังคับใช้
เมื่อสนช.ผ่านกฎหมายทั้ง 4 ฉบับนี้แล้ว ก็จะรู้กำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน จากนั้นเป็นคิว 6 ฉบับที่เหลือ ช้าได้ แต่ต้องเสร็จภายใน 8 เดือนหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้
ล่าสุด ในจำนวน 4 ฉบับ กรธ.จัดทำเป็นรูปเป็นร่างแล้ว 2 ฉบับ คือ กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง กับกฎหมายว่าด้วยกกต.
สำหรับร่างกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองนั้น

ไม่มีการกำหนดให้ทุกพรรคต้องจดทะเบียนพรรคและรับสมาชิกใหม่ทั้งหมด หรือที่เรียกกันว่า “เซ็ตซีโร่” เหมือนที่ 2 พรรคใหญ่กังวลในตอนแรก
แต่เนื้อหาในร่างก็ได้ใส่กฎเหล็กยาแรงไว้หลายอย่าง เพื่อสกัดการครอบงำของ “นายทุน” พรรค
ขณะที่กระบวนการตรวจสอบพรรคการเมือง กกต.สามารถยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง “ยุบพรรค” ได้เลย ตามข้อร้องเรียนของประชาชน ตามหลักฐานและข้อเท็จจริง ไม่ต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุดเหมือนที่แล้วมา

มีการกำหนดโทษ “ตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต”
กำหนดโทษทางอาญารุนแรงสูงสุด คือ การ “ประหารชีวิต” เบาลงมาคือ “จำคุกตลอดชีวิต” สำหรับความผิดฐานล้มล้างการปกครองและ ซื้อ-ขายตำแหน่งทางการเมือง

ถึงจะมีเสียงทัดทานอยู่บ้างเกี่ยวกับโทษประหารชีวิต ที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ และไม่สอดคล้องกับหลักกฎหมายสากลที่ในหลายๆ ประเทศได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตไปแล้ว
แต่ในความเป็นจริงของการเมืองไทย พรรคการเมืองแต่ละพรรคตอนนี้ มีก็เหมือนไม่มี ในห้วง 2 ปีครึ่ง ที่ผ่านมา พรรคการเมืองถูกทำลายจนหมดสิ้นสภาพ ไม่เหลืออำนาจต่อรองใดๆ กับกลุ่มผู้ถือครองอำนาจในปัจจุบัน

มีสถานะไม่ต่างจาก “ลูกไก่ในกำมือ” ของผู้กุมอำนาจ ที่จะบีบอย่างไรก็ได้ตามสะดวก เสียงคัดค้านจากนักการเมืองต่อร่างกฎหมายลูก จึงเหมือนการ ปาก้อนหินลงทะเล ไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ

ผิดกับร่างกฎหมายลูกว่าด้วยกกต.

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ปีนเกลียวซัดกันมันหยดกับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ และกรธ.ทั้งคณะ ด้วยประโยคถ้อยคำดุเดือดที่ว่า
“ไม่ใช่เกิดมานานกว่า ร่างกฎหมายมาหลายฉบับกว่า แล้วหมายความว่าต้องเก่งกว่า”
ความขัดแย้งนี้มีสารตั้งต้นมาจาก 2-3 ประเด็น
เริ่มจากการเปลี่ยนโครงสร้างกกต.จาก 5 เสือ เป็น 7 เสือ โดยเพิ่มสัดส่วนของผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เข้ามา
การกำหนดคุณสมบัติคนที่จะมาเป็นกกต.ไว้สูง กว่าเดิม เช่น ต้องดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ เทียบเท่าระดับอธิการบดี อัยการ ผู้พิพากษา ติดต่อกัน 10 ปี ด้านวิชาการ ต้องอยู่ในระดับศาสตราจารย์ไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือมีประสบการณ์ ด้านการบริหารงานเลือกตั้งมาไม่น้อยกว่า 20 ปี
กระนั้นก็ได้เพิ่มอำนาจให้ กกต. 1 คน สามารถสั่งให้นับคะแนนใหม่ หรือสั่งระงับการเลือกตั้งได้ทันทีหากพบการทุจริตเกิดขึ้น
รวมถึงประเด็นที่มีการถกเถียงกันมากถึงข้อดี-ข้อเสีย คือ การกำหนดให้มี “ผู้ตรวจการการเลือกตั้ง” ขึ้นมาทำหน้าที่แทนกกต.จังหวัด
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ยืนยันจะไม่มีการ “รีเซ็ต” กกต.หรือองค์กรอิสระอื่นๆ แน่นอน ถึงแม้คุณสมบัติใหม่จะวางไว้อย่างเข้มงวด จนทำให้กรรมการบางคนต้องหลุดจากเก้าอี้ไปหลังรัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้
ที่อาจเป็นเหมือนการรีเซ็ตกลายๆ ก็ตาม
ซึ่งในประเด็นนี้มีผู้เสนอแนะว่า กรธ.ควรกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาล ให้กรรมการที่ดำรงตำแหน่งอยู่เดิม อยู่ต่อไปจนกว่าจะครบวาระได้
แต่ประธานกรธ.ยืนยันว่าไม่สามารถทำได้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติ กำหนดให้ผู้ขาดคุณสมบัติต้องพ้นตำแหน่งทันที
ไม่ใช่แต่เฉพาะกกต. องค์กรอิสระอื่น ไม่ว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และศาลรัฐธรรมนูญ
ก็ต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานคุณสมบัติเข้มงวดเช่นเดียวกัน
เพื่อให้ทุกอย่างสอดคล้องตามหลักการสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูป
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร มองว่าการใช้เกณฑ์คุณสมบัติใหม่ในการเปลี่ยนแปลงกรรมการองค์กรอิสระ ชุดปัจจุบัน โดยไม่เขียนบทเฉพาะกาลยกเว้นไว้ ถือว่าไม่เป็นธรรม
ทำให้กรรมการองค์กรอิสระได้รับผลกระทบจำนวนมาก สะท้อนถึงการร่างกฎหมายแบบ “หมกเม็ด” ไม่จริงใจของ กรธ.
ถึงแม้การกำหนดคุณสมบัติกรรมการองค์กรอิสระไว้สูง จะเป็นเรื่องดี แต่ก็อยากให้มองเรื่องผลงานซึ่งเป็นสิ่งสำคัญกว่า
สำหรับการกำหนดให้มีผู้ตรวจการการเลือกตั้ง ขึ้นมาทำหน้าที่แทนกกต.จังหวัดนั้น นายสมชัยใช้คำว่าเป็น “นวัตกรรมฟุ้งซ่าน” เป็นไปได้ยากทั้งในด้านกำลังคนและงบประมาณ
ความขัดแย้งระหว่างกกต.กับกรธ. มีแนวโน้มขยายวงกว้างเป็นความขัดแย้งกันเองภายในเครือข่ายแม่น้ำ 5 สาย ขณะที่รัฐบาลดูเหมือนจะโน้มเอียงไปทาง กรธ.มากกว่า
“ประเด็นสำคัญขณะนี้ สังคมกำลัง จับจ้องว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกำลังเตรียมการโละ เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบภายใน องค์กรอิสระทุกองค์กร โดยเอาคนของตัวเองเข้าไปทำหน้าที่ในองค์กรเหล่านั้น
นี่คือการยึดพื้นที่ทางการเมืองขององค์กรอิสระที่ต้องดูให้ดี
ไม่อยากให้เกิดภาพว่า ฝ่ายที่ไม่ได้รับการยอมรับในสังคมกำลังจะเปลี่ยนแปลงยึดพื้นที่ในทุกภาคส่วน อย่าให้สังคมคิดแบบนั้นโดยอ้างเรื่องคุณสมบัติ มิฉะนั้นแล้วในแง่การทำงานจะเป็นไปในแนวเดียวกัน กระบวนการตรวจสอบ คัดค้านให้เกิดความเป็นธรรมจะไม่เกิดขึ้น” นายสมชัยระบุ
ในช่วง 2 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลคสช.ออกคำสั่งปกติและคำสั่งตามมาตรา 44 แต่งตั้งโยกย้ายหลายร้อยตำแหน่ง
วางคนของตัวเองเข้าไปทำหน้าที่แทนไว้ แล้วทุกจุด ทั้งข้าราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ตำรวจ องค์กรปกครองท้องถิ่น ฯลฯ ยังไม่รวมถึง 250 ส.ว.ในอนาคต ที่จะเป็นพรรคใหญ่สุดในสภา
จากนี้ไปเป้าหมายอยู่ที่”องค์กรอิสระ”อย่างที่นายสมชัย เปิดประเด็นทิ้งบอมบ์ไว้หรือไม่
สังคมต้องเฝ้าจับตากันต่อไป

https://www.khaosod.co.th/hot-topics/news_106575

ที่นี่ประเทศไทย
29#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-12-24 08:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

“บิ๊กตู่”ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกฝ่าย อุเบกขาต่อความคิดเห็นที่แตกต่าง ความมั่นคงสร้างขึ้นไม่ได้ในแผ่นดินแห่งความกลัวและเกลียดชัง

วันที่ 24 ธันวาคม 2559 - 01:05 น.                                                                    

คอลัมน์ ข่าวข้นคนเข้ม
พญาไม้ pradej@hotmail.com

หนังสือพิมพ์ ข่าวสด ฉบับประจำวันเสาร์ที่ 24 เดือนธันวาคม พุทธศักราช 2559…


วันที่ ชาวคริสต์ ทั่วหล้ากลับคืนสู่ความเป็นครอบครัวเดียวกันและขอบคุณสวรรค์อัน พระเจ้า ทรงสิงสถิต…

ใกล้ปีใหม่เข้าไปทุกวัน สิ่งอันเป็นยอดปรารถนา ของปวงชนชาวไทย คือสิ่งที่ องค์พระประมุข แห่งชาติมีพระบรมราโชวาทต่อ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ว่า ทำให้ประชาชนเป็นสุขที่สุด ประเทศมีสันติสุขและปราศจากความแตกแยก ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอพระองค์ทรงพระเจริญ…
นาทีนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเป็น นายกรัฐมนตรี ของ คนไทยทุกฝ่าย เป็นอันดับแรก อุเบกขา ต่อความคิดเห็นที่แตกต่างของประชาชน ความมั่นคง สร้างขึ้นมาไม่ได้ในแผ่นดินแห่งความกลัวและเกลียดชัง…

สำหรับกรณี ธรรมกาย ประเทศต้องแยกให้ออกระหว่าง พระธัมมชโย กับ พุทธศาสนิกชนธรรมกาย การปิดล้อมตัดข้าวตัดน้ำตัดไฟ ไม่ใช่กิจกรรมของ พุทธมามกะ อดีตไซ่ง่อน ผู้นำ โงดินห์เดียม หล่นจากเกาอี้ เพราะ พระทิกวางดิ๊ก เผาตัวประท้วง เฟอร์ดินานด์ มาร์คอส สิ้นอำนาจเพราะ ผู้นำทางศาสนา ปฏิเสธ ตัวอย่างมีมาแล้ว…

ขึ้นบัญชี นักธุรกิจฉ้อฉล ไม่ให้ประมูลงานหลวง “พญาไม้” ขอตัวอย่าง รถบัสแก๊ส รัฐบาลนี้ สำแดงเท็จฉ้อราษฎร์บังหลวง ทั้งคมนาคมทั้งสรรพากรจับได้ ว่าไงครับ…
ซิงเกิล เกตเวย์ ทำพิษ ตลาดพลิก มือถือโลว์เทค ราคาหลักร้อยคืนชีพ วีไอพี ถอยมาเป็นโทร.คู่ชีพเพราะล้วงข้อมูลไม่ได้ โดนเข้าไปอีกดอก ถ้าไม่ออกมาแก้ไวๆ ตลาดจะวูบ กล่าวหาว่า ซิมการ์ด โทรศัพท์ค่ายดังเป็นซิงเกิล เกตเวย์ในตัว…

เหมือนนกที่ออกจากกรง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ร่อนถลาไปสัมผัสกับกลิ่นอายประชาธิปไตยอเมริกา ถ้า โด นัลด์ ทรัมป์ ยังเป็นประธานาธิบดีได้ ทำไม ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนอย่างชูวิทย์ จะเป็นไม่ได้…

https://www.khaosod.co.th/newspaper-column/in-the-news/news_157663

30#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-12-27 09:11 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
“ลาว-จีน” ลั่นฆ้อง-เริ่มแล้ว ก่อสร้างเส้นทางไฮสปีดวันที่ 26 ธันวาคม 2559 - 16:15 น.                                                                    




สำนักข่าวสารประเทศลาว รายงานว่ารัฐบาลลาวลั่นฆ้องเปิดการก่อสร้างเส้นทางรถไฟลาว-จีน อย่างเป็นทางการแล้วเมื่อเช้าวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่แขวงหลวงพระบาง คาดใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 60 เดือน จะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงปลายปีค.ศ.2021 หรือ ปีพ.ศ.2564

สำหรับพิธีเปิดการก่อสร้างโครงการรถไฟลาว-จีน เริ่มด้วยพิธีทางศาสนา และลั่นฆ้องเอาฤกษ์เอาชัย โดยมีนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว นายสมสะหวาด เล่งสะหวัด ที่ปรึกษาคณะบริหารงานศูนย์กลาง พรรคประชาชนปฏิวัติลาว พร้อมด้วยเอกอัตรราชทูตจีน ประจำ สปป.ลาว รัฐมนตรี รองรัฐมนตรี เจ้าแขวง รองเจ้าแขวง และผู้แทนจากรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งชาติจีน เข้าร่วมในพิธี

นายบุนจัน สินทะวง รัฐมนตรีกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง กล่าวว่ามาตรฐานด้านเทคนิค การออกแบบโครงการก่อสร้างรถไฟลาว-จีน ตั้งแต่เมืองบ่อเต็น ชายแดนลาว-จีน มายังสถานีนครหลวงเวียงจันทน์ ระยะทาง 417 กิโลเมตร ใช้ระบบรางมาตรฐานชั้นหนึ่ง กำหนดความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับขนส่งผู้โดยสารในเขตพื้นที่สูง ส่วนพื้นที่ราบความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และความเร็วสำหรับขนส่งสินค้า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ในเส้นทางรถไฟประกอบด้วยสะพาน 167 แห่ง ระยะทาง 61 กิโลเมตร ทางลอด 649 แห่ง ระยะทาง 20 กิโลเมตร อุโมงค์ 75 แห่ง ระยะทาง 297 กิโลเมตร โดยอุโมงค์ที่มีระยะทางยาวสุด 12 กิโลเมตร อยู่ที่เมืองกาสี แขวงเวียงจันทน์ มีสถานีทั้งหมด 32 สถานี ในจำนวนนี้ 21 สถานีสำหรับรถไฟหลีกกัน ส่วน 11 สถานีเป็นสถานีผู้โดยสาร และอีก 1 สถานีสำหรับขนส่งสินค้า รวมมูลค่าก่อสร้างโครงการทั้งหมด 5,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โครงการนี้นอกจากช่วยให้การคมนาคมขนส่ง การไปมาหาสู่กันมีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ยังประหยัดต้นทุนการขนส่ง ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว การค้า การลงทุนให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งยังสนับสนุนการพัฒนาด้านต่างๆ เช่น การเกษตร อุตสาหกรรม การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวให้ขยายตัวสูงขึ้น สร้างรายได้ให้แก่ประเทศชาติและประชาชนลาวในอนาคตข้างหน้าอย่างยั่งยืน

https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_160271

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้