วิญญาณสร้างโบสถ์
เรื่องผีเรื่องวิญญาณเป็นเรื่องเร้นลับสำหรับมนุษย์โลกโดยทั่วไป ผีหรือวิญญาณอยู่อาศัยคนละมิติหรือภพภูมิกับโลกมนุษย์ แต่บางครั้งก็เกิดการเหลื่อมซ้อนทางมิติ ทำให้พบเห็นผีได้บางภาวะ หรือผี วิญญาณมีเจตนาแสดงตนให้ผู้หนึ่งผู้ใดรู้เห็นเป็นการเฉพาะตัว เรื่องผีที่มาปรากฏเป็นเรื่องราวมีหลักฐานยืนยันได้อย่างชัดเจนมีมากมายหลายรูปแบบ เช่นผีมาช่วยสร้างวัดสร้างโบสถ์ดังจะเล่าให้ได้รับรู้ดังต่อไปนี้ ผีที่มาช่วยสร้างวัดเป็นเรื่องของหลวงปู่วงศ์วัดบ้านค่ายอำเภอแกลงจังหวัดระยอง เมื่อหลวงปู่วงศ์มาเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านค่ายใหม่ ๆวัดมีสภาพชำรุดทรุดโทรมอย่างยิ่ง ท่านคิดจะบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะภายในวัดให้ดีขึ้นก็ขาดทุนทรัพย์ครั้นจะออกปากเรี่ยไรขอบริจาคจากศรัทธาญาติโยมโดยตรงก็มิใช่วิสัยของสมณะประกอบกับเวลานั้นชาวบ้านญาติโยมละแวกนั้นทำมาหากินอัตคัดทางวัดจะไปขอความช่วยเหลือก็กระไรอยู่ หลวงปู่วงศ์เป็นพระปฏิบัติภูมิจิตภูมิธรรมของท่านสูงยิ่งกล่าวกันว่าท่านได้อภิญญาจิตสามารถหยั่งรู้ได้ในภาวะที่คนธรรมดาไม่มีทางรู้ได้หลวงปู่วงศ์รู้ว่ามีสมบัติอันมีค่าของผู้ที่ตายแล้วฝังดินไว้จำนวนมากมาย ในอาณาบริเวณของวัดบ้านค่าย และวิญญาณเจ้าของทรัพย์ที่ตายไปแล้วก็ยังวนเวียนเฝ้าทรัพย์ของตนอยู่ ดังนั้นท่านจึงติดต่อกับวิญญาณเหล่านั้นขอยืมสมบัติผีมา สร้างวัด เมื่อผีเจ้าของทรัพย์ตนใดตกลงให้ยืมเขาก็จะนำสมบัติอันมีค่ามาวางไว้ให้ในที่ต่าง ๆ วางไว้ใต้ธรรมาสน์วางไว้หลังพระประธานและที่อื่น ๆ ซึ่งเป็นที่ลับตา
หลวงปู่วงศ์ได้นำสมบัติเหล่านั้นไปเปลี่ยนเป็นเงินแล้วใช้เป็นทุนบูรณะวัดขึ้นมาทีละส่วน เมื่อชาวบ้านญาติโยมรู้ว่าผียังช่วยสร้างวัดต่างก็เกิดจิตศรัทธามาร่วมบริจาคปัจจัยกันเป็นจำนวนมากทำให้หลวงปู่วงศ์สามารถปฏิสังขรณ์วัดบ้านค่ายให้มีเสนาสนะสำหรับพระสงฆ์กระทำศาสนกิจและชาวบ้านใช้เป็นสถานที่กระทำศาสนพิธีได้ครบถ้วนสมบูรณ์คือมีโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ และกุฏิจำพรรษาของพระเณร
หลังจากบูรณะวัดบ้านค่ายเสร็จเรียบร้อยหลวงปู่วงศ์ก็รวบรวมปัจจัยนำไปซื้อเครื่องประดับอันมีค่าของผีที่มีลักษณะเหมือนกันมีค่ามาคืนกลับไป เวลาเอาคืนท่านก็จะนำไปวางในที่ลับตาจากนั้นเครื่องประดับอันมีค่าก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยผีบางตนก็ไม่เอาสมบัติคืนหากถวายให้กับท่านเพื่อร่วมทำกุศลความดีด้วย นี่คือเรื่องผีร่วมสร้างวัดกับหลวงปู่วงศ์วัดบ้านค่ายจังหวัดระยอง
และที่อำเภอนครชัยศรีจังหวัดนครปฐมประมาณปี 2507 - 2508โบสถ์วัดกลางบางแก้ว (ชาวบ้านเรียกว่า"วัดกลาง") ชำรุดทรุดโทรมอย่างหนักเพราะสร้างมานานนับ 100 ปีเห็นจะได้ สภาพของโบสถ์แสดงว่าอาจจะถล่มลงมาเมื่อใดก็ได้ กระทั่งพระเณรไม่กล้าเข้าไปทำศาสนกิจภายในโบสถ์ เจ้าอาวาสขณะนั้นมีความวิตกกังวลในเรื่องนี้มากท่านต้องการจะสร้างโบสถ์ใหม่เป็นที่สุดแต่ขาดทุนรอนในการสร้างปัจจัยซึ่งญาติโยมทำบุญถวายมาได้เก็บออมไว้ส่วนหนึ่ง หากมีจำนวนน้อยไม่พอสร้างจำเป็นต้องเก็บสะสมอีกเป็นเวลานานซึ่งไม่รู้ว่ากี่ปีจึงจะพอค่าก่อสร้าง
เช้าวันหนึ่ง เจ้าอาวาสได้ยินสุนัขเห่ากระโชกที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่งคล้ายกับว่ามันพบเห็นอะไรผิดปกติแล้วสุนัขตัวนั้นก็วิ่งมาตะกายที่เจ้าอาวาสแสดงกิริยาประหนึ่งจะให้ท่านไปดูแต่ท่านเฉยเสีย สุนัขแสดงกิริยาวิ่งไปเห่าไปและวิ่งกลับมาหาเจ้าอาวาสหลายครั้งหลายหนจนท่านสงสัยจึงได้ลุกเดินไปดูที่โคนต้นไม้
บริเวณที่สุนัขเห่าเป็นเนินดินติดกับโคนต้นไม้มีพงหญ้ารกเรื้อปกคลุมอยู่ด้านบน ที่เนินนั้นมีรอยดินยุบลงไปเป็นโพรงหญ้าคลุมผิวดินเหมือนมีใครเปิดเลิกป่าหญ้าขึ้นไป ในโพรงดินมีไหและโอ่งใบย่อม ๆ อยู่ 2 - 3 ใบวางระเกะระกะอยู่บนพื้นดินก้นโพรง ไหและโอ่งมีฝาปิดสนิทอยู่ก็มีฝาเปิดเผยอแง้ม ๆ ก็มี เจ้าอาวาสจึงก้าวลงไปในโพรงลองเปิดฝาโอ่งที่แง้ม อยู่ก็ถึงกับตกตะลึง เพราะภายในโอ่งนั้นมีเงินโบราณและทองรูปพรรณมีราคาสูงบรรจุอยู่เต็ม ส่วนโอ่งไหใบที่ปิดฝาแน่นสนิทลองขยับดูรู้สึกหนักอึ้งแสดง |