|
พนง.กกต.สุดทน ร่อนเอกสารฟ้อง”นายกฯ”แฉ 5 เสือ กกต.เหินฟ้าทัวร์นอก ใช้งบอื้อ
วันที่: 18 เม.ย. 59 เวลา: 11:31 น. by ศรีสกุล
พนง.กกต.สุดทน ร่อนเอกสารฟ้อง”นายกฯ”แฉพฤติกรรม 5 เสือกกต.หลังเหินฟ้าทัวร์นอก ผลาญงบ5 ล้านต่อครั้ง วิจารณ์แซดคาดฝีมือกลุ่มอำนาจของเลขาเก่า ผนึกกำลังภายนอกหวังเปลี่ยนยกชุด หวั่นโปรแกรมทัวร์ทำกระทบการออกระเบียบเตรียมงานประชามติ เหตุองค์ประชุมไม่ครบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 เมษายน ได้มีการเผยแพร่หนังสือร้องเรียนสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ระบุถึงนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่าเป็นพนักงานกกต. ผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ในหมู่นักการเมือง ผู้บริหารสำนักงานกกต. ข้าราชการหน่วยงานอื่น รวมถึงผู้สื่อข่าว โดยมีใจความสำคัญระบุว่า ตามที่ท่านเคยมีคำสั่ง ห้ามข้าราชการไปดูงานต่างประเทศเพราะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินนั้น คณะกรรมการกกต. ตีความแล้วบอกว่า ท่านห้ามเฉพาะข้าราชการ แต่กกต. ไม่ใช่ราชการ ฉะนั้นจึงไปได้ และจากนั้นมาคณะกรรมการ กกต. ไปดูงานต่างประเทศกันเป็นว่าเล่น โดยอาศัยดูงาน 1 วันและเที่ยว 5-8 วัน โดยขนทีมที่ปรึกษาไปเกือบทั้งหมดทุกครั้ง เสียงบประมาณ ครั้งละ 2-5 ล้านทุกครั้ง
หนังสือร้องเรียนระบุต่อว่า ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ กกต.ต้องมีบทบาทอย่างยิ่งในการปฏิรูปประเทศ ต้องเตรียมจัดทำประชามติ เตรียมความพร้อมของการลงคะแนน แต่คณะกรรมการ กกต. ทั้ง 5 คน สนใจที่จะพานักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง(พตส.)ไปดูงานต่างประเทศ โดยแบ่งเป็น 4 ประเทศ คือ อเมริกา ออสเตรีย สกอตแลนด์ และเกาหลี จัดให้มีเหลื่อมวันไป เพื่อจะได้ไปให้มากที่สุด โดยอ้างว่าจะไปดูการเลือกตั้ง แต่กำหนดการ คือ ดูเลือกตั้ง 1 วัน อีก 8-10วันที่เหลือเที่ยว
หนังสือร้องเรียนระบุด้วยว่า นอกจากนี้ กกต. ชุดนี้ ยังจัดสรรงบประมาณ การดูงานของนักศึกษา จากเดิมหัวละ 50,000 บาท ก็เพิ่มให้เป็นหัวละ 70,000 บาท ทั้งๆที่นักศึกษา กลุ่มนี้มีอันจะกินกันทุกคน และงบประมาณนี้ก็เป็นงบประมาณแผ่นดินทั้งสิ้น และช่วงนี้การเงินของ กกต. ก็ฝืดเคือง แต่คณะกรรมการ กกต. ก็คิดที่จะตัดเงินที่พึงจะได้ของพนักงานออก และเอาไปเพิ่มให้นักศึกษากลุ่มนี้
“สำหรับคณะกรรมการกลุ่มนี้ นอกจากจะเบิกค่าเดินทางค่าอาหารและที่พักตามสิทธิแล้ว ยังเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงตามสิทธิอีกด้วย ทั้งๆ ที่ทัวร์คิดรวมหมดแล้ว ไม่ต้องมีเบี้ยเลี้ยง แต่ก็ยังเบิกกันเต็มที่ และสำหรับค่าทัวร์ เช่น เกาหลี ปกติ ค่าทัวร์ 5-7 วันประมาณ 30,000-40,000บาท แต่ทัวร์ของ กกต. ชุดนี้ 70,000 บาท และเมื่อเทียบกับทัวร์อื่นแล้ว ไม่แตกต่างกัน นั่นคือ มีการกินหัวคิวค่าทัวร์ ส่วนทัวร์ประเทศอื่น ก็มีเก็บเงินเพิ่ม แต่มากน้อย เช่น ออสเตรีย เพิ่ม 2,000 บาท จริงๆแล้วอ่านตามหนังสือพิมพ์ ค่าทัวร์ 8 วัน 60,000-70,000 บาทก็พอ แต่ก็ทำเป็นเก็บเงิน ” หนังสือร้องเรียน ระบุ
หนังสือร้องเรียน ยังระบุด้วยว่่า อะไรก็ไม่สำคัญเท่าการละทิ้งหน้าที่อันสำคัญ ที่ควรจะเดินสายไปจังหวัดต่างๆ เพื่อเตรียมการลงประชามติ พนักงานกกต. ก็ได้แค่ทำตามคำสั่ง ไม่สามารถออกเสียงอะไรได้ เพราะถ้าใครไม่เชื่อก็จะถูกรังแก เหมือนเลขาธิการ กกต. ที่ถูกปลดออกไป ทั้งนี้ช่วงท้ายของหนังสือร้องเรียนดังกล่าวระบุด้วยว่า “ถ้าเขาอยากไปเที่ยว ก็ให้ไปเถอะ ขอคณะกรรมการชุดใหม่ มาทำหน้าที่ แทนได้ไหมคะ”
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ทั้งนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กลุ่มที่อ้างตัวเป็นพนักงานกกต.ลักษณะเดียวกันนี้ ก็ได้มีการทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อกกต.กรณีมีแนวคิดจะตัดเงินค่าตอบแทนต่างๆของพนักงาน เพื่อแก้ไขปัญหางบประมาณสำนักงานกกต.ไม่เพียงพอพร้อมมีการตั้งคำถามต่อผู้บริหารกกต.ว่าจะยอมเสียสละค่าตอบแทนก่อนเพื่อไม่ให้กระทบพนักงานหรือไม่ มาแล้วครั้งหนึ่ง และการเผยแพร่ก็กระทำในทำนองเดียวกัน ทำให้มีการวิเคราะห์กันในหมู่ผู้บริหารกกต.ว่า การกระทำดังกล่าวน่าจะมาจากพนักงานกลุ่มอำนาจเก่าที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งสำคัญในกกต.เพราะข้อมูลในหนังสือร้องเรียนทั้งสองครั้งนั้น ไม่ใช่ข้อมูลที่พนักงานกกต.ทั่วไปจะทราบ นอกจากนี้ยังเห็นว่าลักษณะการเผยแพร่ข้อมูลมีการเชื่อมกับผู้มีอำนาจภายนอกองค์กรโดยมุ่งหวังให้มีการเปลี่ยนกกต.ยกชุด เพื่อที่ต้องการวางฐานใหม่ใน
องค์กรกกต.
ขณะเดียวกันโดยข้อเท็จจริงการไปศึกษาดูงานต่างประเทศของกกต.ร่วมกับนักศึกษาพตส. ในครั้งนี้ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในหมู่พนักงานกกต.ถึงความเหมาะสมค่อนข้างมากเนื่องจากเป็นช่วงที่กกต.ต้องรับผิดชอบการจัดออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ แต่กกต.กลับติดภารกิจไปต่างประเทศโดยตามกำหนดการระหว่างวันที่ 8-15 เมษายนที่ผ่านมา นายประวิช รัตนเพียร และนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ ต้องเดินทางไปดูงานที่ประเทศเกาหลี แต่นายประวิชได้ตัดสินใจยกเลิกเพราะต้องการไปร่วมประชุมระหว่างกกต.กับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่11 เมษายนที่ผ่านมา
ขณะที่วันที่ 19-26 เมษายน นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต.จะเดินทางไปดูงานที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งช่วงเวลาเดียวกันนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ก็จะเดินทางไปดูงานประเทศออสเตรีย โดยจะออกเดินทางวันที่ 18 เมษายน ส่วนนายบุญส่ง จะเดินทางไปดูงานที่ประเทศสก็อตแลนด์ในเดือนพฤษภาคม จึงทำให้เกรงว่าจะกระทบต่อการเตรียมงานจัดการออกเสียงประชามติ ยิ่งในช่วงสัปดาห์นี้ที่คาดการณ์ว่าร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญจะมีผลใช้บังคับ และกกต.จะต้องมีการประชุมพิจารณาเพื่อออกระเบียบสำคัญอย่างน้อย4ฉบับรองรับ ประกอบด้วย1.ระเบียบว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2.ระเบียบการพิจารณาการคัดค้าน 3.ระเบียบการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และการจัดสรรเวลาออกอากาศ และ4.ระเบียบการใช้จ่ายเงินในการออกเสียงฯ ดังนั้นการไปต่างประเทศของกกต.อาจมีผลกระทบให้การออกระเบียบต่างๆล่าช้าไป หรือกรณีมีปัญหาร้องเรียนจากการรณรงค์ที่อาจเกิดขึ้นแล้วต้องการให้กกต.วินิจฉัยโดยเร็วว่าทำได้หรือไม่ เนื่องจากกกต.จะมีปัญหาองค์ประชุม เพราะแม้มาตรา 8 ของพ.ร.บประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต.จะกำหนดว่า องค์ประชุมต้องไม่น้อยกว่า 3 คน แต่บทบัญญัติหลักก็กำหนดให้3ใน4ของกรรมการเท่าที่มีอยู่เป็นองค์ประชุมซึ่งที่ผ่านมากกต.ตีความว่าต้อง4คนจึงเป็นองค์ประชุม อีกทั้งกรณีเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งในทางปฎิบัติที่ผ่านมากกต.จะยึดว่าต้องอยู่ครบ5คนจึงพิจารณาวินิจฉัย
http://www.matichon.co.th/news/108650
|
|