|
องค์หลวงปู่ผาง โกสโล ละสังขารแล้วด้วยอาการสงบเมื่อเวลา
ประมาณ ๒๓.๔๐ น. วันจันทร์ที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘
ที่วัดป่าสว่างอารมณ์ อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ สิริอายุรวม ๑๐๔ ปี พรรษา ๕๘
ขณะนี้สรีระสังขารหลวงปู่ผาง โกสโลได้เคลื่อนมายัง วัดภูหินปูน บ.หินแตก อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
โดยจะมีงานถวายเพลิงสรีระสังขาร
ในวันอาทิตย์ที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘
ณ วัดภูหินปูน บ.หินแตก อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร โดยองค์หลวงปู่ได้มีคำสั่งห้ามเก็บสรีระไว้เกิน ๗ วัน
หลวงปู่ผาง โกสโล องค์ท่านเป็นศิษย์ ของหลวงปู่คำตัน ฐิตธัมโม
สมัยก่อนองค์ท่านเป็นคนเคยมีครอบครัวมาก่อน รู้สึกเบื่อหน่ายทางโลก จึงไปบอกภรรยาว่าจะขอสละเรือนออกบวช ภรรยาท่านบอกว่า ถ้าจะไปขอให้ช่วยสร้างบ้านให้ก่อน ท่านใช้เวลาอยู่ ๑ ปี จึงแล้วเสร็จ แต่ด้วยเหตุแห่งทุกข์มาเยือนโดยไม่ได้เตือนล่วงหน้า ภรรยาท่านได้มาสิ้นใจลง ท่านเองต้องอยู่เลี้ยงดูลูกเอง เมื่อลูกท่านเติบใหญ่ดูแลตนเองได้แล้ว จากนั้นท่านก็ได้ไปเป็นตาปะขาวติดตามรับใช้หลวงปู่คำตัน ฐิตธัมโม ธุดงค์ไปในที่ต่างๆทั้งภาคอีสาน และฝั่งลาว แต่ก่อนหน้านี้หลวงปู่ผาง ท่านก็ประกอบอาชีพเป็นหมอยาหาสมุนไพรตามป่าอยู่แล้ว ท่านจึงเชี่ยวชาญเรื่องการใช้ชีวิตรอนแรมอยู่ตามป่าเขา หลวงปู่ผาง ท่านบวชเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐ ได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่คำตัน ฐิตธัมโม อยู่ที่วัดป่าดานศรีสำราญ อยู่ ๕ พรรษา จากนั้นจึงได้ออกวิเวกไปในที่ต่างๆ ก่อนไปท่านเล่าว่า หลวงปู่คำตัน ก็ห้าม ไม่อยากให้ไปไหน อยากให้อยู่ภาวนาเสียด้วยกัน ท่านว่าหลวงปู่ผาง เคยเกิดเป็นลูกท่านอยู่ในอดีตชาติ หลวงปู่ผาง ได้เคยไปอบรมธรรมกับหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ ท่านว่าหลวงปู่จวน เป็นพระที่ดุดัน เอาจริงเอาจัง
ท่านเล่าว่าสมัยหนึ่งหลวงปู่จวน มาเยี่ยมหลวงปู่คำตัน มาก็ไม่พูดอะไรกัน มองกันนิ่งเงียบ ก่อนจากก็ปรารภธรรมกันเพียงไม่กี่ธรรม ก็เป็นที่รู้กัน หลวงปู่ผาง ท่านสงสัย จึงได้ไตร่ถาม หลวงปู่จวน ได้ยินเข้าจึงดุ “หา..ของอย่างนี้ถามกันได้หรอ อยากได้อยากรู้ก็ปฏิบัติเองซิ ถ้าถามกันแล้วได้ อย่างนี้เขาก็เป็นเศรษฐีกันทั่วโลกแล้วซิ” หลวงปู่ผาง ได้ออกรุขมูลอยู่ตามป่าเขา ทั้งฝั่งไทย และฝั่งลาว
ปี พ.ศ.๒๕๓๘ ท่านมาอยู่ที่ภูหินแตก (ภูหินปูน) ท่านเล่าว่าที่นี่ภาวนาได้ดี สงบสงัด ทำความเพียรได้ดี แต่มีภูมิเจ้าที่เป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ มีรูปร่างเป็นยักษ์ดุร้าย ท่านเล่าว่า เขาพยายามจะมาไล่อยู่บ่อยๆ บางทีก็ถือค้อนใหญ่มาไล่ แต่หลวงปู่ผาง ก็บอกว่า เรามาที่นี่ เราไม่ได้มายึดมาเอาของเธอ เราแค่มาขออาศัยทำความเพียรภาวนาเท่านั้น ไม่ได้คิดจะมาแย่งที่ๆของเธอ แต่อย่างไร เขาจึงเย็นลง เมื่ออยู่ๆไป ตัวเขาเองก็ได้รับพลังเมตตาจากหลวงปู่ผาง เกิดความชุ่มเย็น หลวงปู่ผาง ได้ถามยักษ์ตนนั้นว่า เธอมาอยู่นี่ได้อย่างไร ทำไมไม่ไปผุดไปเกิดเสีย เขาตอบว่า “เขาเฝ้าไหสมบัติอยู่ที่นี่เป็นเวลานานแล้ว ไม่กล้าไปไหน กลัวจะมีคนมาขุดไป” หลวงปู่ผาง จึงสอนเขาว่า “แล้วจะมาหลงมาไหลอะไรกับทรัพย์สมบัติ ดูซิ ตายแล้วจะไปไหนก็ไม่ได้ มาเฝ้า มาหวงไว้ เอาไปใช้ก็ไม่ได้ ใครจะมาขุดมาเอาก็ปล่อยเขาไปซิ เราตายไปแล้วนี่ จะมายึดมาหวงให้เป็นทุกข์ทำไม” หลวงปู่ผาง เท่าเล่าว่า ที่ภูหินแตกนี้ (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นภูหินปูน เพราะชื่อไปซ้ำกับวัดบ้าน) ใครจะมาขออยู่ภาวนา ไม่ว่าพระเณร หรือแม่ชี ถ้าหากย่อหย่อนความเพียร กลางคืนก็มักจะโดนดึงขา ลากขาตกกุฏิไป และสถานที่แห่งนี้เองที่หลวงปู่ผาง โกสโล ท่านได้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ บรรลุคุณธรรมขั้นสูงสุด ที่วัดภูหินปูน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
มหาเถเร ปะมาเทนะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต
มหาเถเร ปะมาเทนะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต
มหาเถเร ปะมาเทนะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต
ลูกหลานกราบขอขมาหลวงปู่ผาง โกสโล ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี หากเคยประมาทพลาดพลั้ง ด้วยความขาดสติรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งต่อหน้าหรือลับหลัง ทั้งอดีตหรือปัจจุบัน ลูกหลานกราบขอขมา ขอหลวงปู่ผาง โกสโล โปรดอโหสิกรรม และงดโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อความสำรวมระวังในการณ์ต่อไป และธรรมอันใดที่ท่านได้รู้แจ้งแล้ว ขอลูกหลานได้รู้ธรรม เห็นธรรมอันนั้นด้วยเทอญ...สาธุ
หมายเหตุ : ภาพถ่ายนี้ผมถ่ายองค์ท่านไว้เมื่อขณะท่านดำรงธาตุขันธ์อายุ ๙๑ ปี เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๕
|
|