ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

แป๊ะโค้ว "โพธิสัตว์ผู้พ่ายรัก”

[คัดลอกลิงก์]


มองไปทั่วๆ ไม่เห็นมีน้ำมนต์เลย ทำไงดี ???

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2016-2-10 06:23
ถ้ามีโอกาศได้ไปวานน้อง Marine นำผงธูปกับน้ำมนต์

ด้วยนะครับ



ขอบารมีองค์เซียน เรียบร้อยแล้วครับน้ำมนต์  

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-2-10 19:57 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
Marine ตอบกลับเมื่อ 2016-2-10 17:08
หลังจากไหว้เสร็จแล้ว ได้ขี้ธูปกลับสำนักแล้วครับ

14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-2-10 19:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
Marine ตอบกลับเมื่อ 2016-2-10 17:16
ขอบารมีองค์เซียน เรียบร้อยแล้วครับน้ำมนต์

15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-2-11 07:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


เป็นโรงเจ เรื่องเกิดขึ้นประมาณปี 24xx มี คนจีน ชอบศึกษาธรรมะ แล้วตายด้วยท่านั่งสมาธิ
ตอนนี้เก็บสรีระไว้ที่ โรงเจ ชาวบ้านเรียกว่า องค์เซียน สรีระไม่เน่าเปื่อยในท่านั่งสมาธิ



องค์เซียน หรือ พระโพธิสัตว์แป๊ะโค้ว เดิมชื่อ เอี๊ยะฮง แซ่เล้า ถือกำเนิดในปี พ.ศ.2422 ณ ตำบลกังเท้า จังหวัดแต้จิ๋ว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เมื่ออายุได้ 20 ปี ได้เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยโดยมาพำนักอยู่ในพื้นที่เขตลาดกระบัง และปฎิบัติยึดมั่นในหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา อยู่ในโรงเจ ตลาดหัวตะเข้ จนได้ฌานสมาบัติ ว่ากันว่าท่านสำเร็จในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 จึงถือเอาวันดังกล่าวทุกปี เป็นวันเวียนเทียนสมโภชองค์ท่านมาจนถึงทุกวันนี้

ตอนนี้ชาวบ้านอาจจะงง เพราะมีเรื่องการขัดแย้งผลประโยชน์กัน เลยไม่รู้ว่าองค์ที่เป็นสรีระจริง ๆ นั้นอยู่ที่โรงเจฝั่งตลาดหัวตะเข้ หรือ ฝั่งสถานีตำรวจจรเข้น้อย

ตอนนี้เลยมี 2 องค์ แต่สมัยก่อนจะมีองค์เดียว อยู่ในฝั่งตลาดหัวตะเข้

เอี๊ยะฮงมีชีวิตอยู่ในช่วงรัชกาลที่ 4 ต่อรัชกาลที่ 5  เมื่อท่านมรณะจากไป  คณะกรรมการโรงเจเก่าได้เก็บสรีระท่านไว้เพราะไม่เน่าเปื่อย  แถมท่านยังนั่งสมาธิมรณะ  มิได้อยู่ในอิริยาบถนอนเช่นคนอื่น

ต่อมาคณะกรรมการชุดเก่าได้แยกตัวออกไปตั้งโรงเจใหม่มีชื่อว่า  "มูลนิธิแปะโค้วเซี่ยงงี่"  อยู่คนละฝั่งคลองกัน  และเกิดกรณีพิพาทกับโรงเจเก่าซึ่งอยู่ในตลาดลาดกระบัง  จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลให้ตัดสิน  และโรงเจใหม่ก็เป็นผู้ชนะได้ครอบครองดูแลสรีระของเอี๊ยะฮงเซียน

http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=14494
16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-2-11 07:14 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้






"แป๊ะโค้วเซียน"  นี่คนนับถือเขาจะเรียกท่านว่า  "เอี๊ยะฮงเซียน"  หรือ  "เอี๊ยะฮงโพธิสัตว์"  ครับ  (ขอเล่าอย่างย่อนะ)  เดิมท่านก็เป็นคนธรรมดานี่แหละ  ต่อมาท่านฝักใฝ่ปฏิบัติธรรม  กินเจ  แล้วเลิกละสิ่งต่าง ๆ ไปภาวนาอยู่ในโรงเจละแวกนั้น  จนท่านสำเร็จบรรลุธรรม(ตามอย่างมหายาน)  คืนวันที่ท่านบรรลุธรรมนั้นเกิดพายุใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน  ฟ้าผ่า  ฟ้าร้องอย่างหนัก  คนหัวตะเข้กลัวกันมาก  เช้ามาถึงรู้ว่าท่านสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาแล้ว

ชื่อที่เรียกว่า  ตำบลหัวตะเข้  ก็เพราะเมื่อก่อนในคลองหัวตะเข้นั้นมีจระเข้ใหญ่อาศัยอยู่  กินวัวควายของชาวบ้านไปหลายตัวสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนมาก  ต่อมาเมื่อเห็นชาวบ้านอยู่ไม่เป็นสุขเพราะบ้านเรือนอยู่ริมน้ำและต้องสัญจรทางน้ำอยู่เป็นสำคัญ  เอี๊ยะฮงจึงทำพิธีเรียกจระเข้ใหญ่ขึ้นมาเหนือน้ำแล้วลงไปยืนเหยียบหัวจระเข้  พลางสั่งให้มันกินอยู่อย่างสงบ  ไม่ให้ทำร้ายคน  และไม่ให้ปรากฏตัวให้คนเห็น  ชาวบ้านจะได้อยู่กันอย่างสงบสุขเสียที  เมื่อผู้คนเห็นเอี๊ยะฮงขึ้นไปยืนอยู่บนหัวจระเข้ได้โดยที่มันไม่ทำร้าย  มีอาการเชื่องดุจลูกแมว  ก็ตื่นเต้นแตกตื่น  เชื่อมั่นในฤทธิ์ของท่านเป็นยิ่งนัก  และมั่นใจในพิธีกรรมของท่านจนเลิกกลัวจระเข้ใหญ่ไปในทันที  พอเอี๊ยะฮงลงจากหัวจระเข้แล้วมันก็มุดน้ำหายไปและไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีกเลย  ตั้งแต่นั้นชาวบ้านก็ขนานนามคลองว่าคลองหัวตะเข้  จนกลายเป็นตำบลหัวตะเข้มาจนทุกวันนี้

เอี๊ยะฮงมีชีวิตอยู่ในช่วงรัชกาลที่ 4 ต่อรัชกาลที่ 5  เมื่อท่านมรณะจากไป  คณะกรรมการโรงเจเก่าได้เก็บสรีระท่านไว้เพราะไม่เน่าเปื่อย  แถมท่านยังนั่งสมาธิมรณะ  มิได้อยู่ในอิริยาบถนอนเช่นคนอื่น

ต่อมาคณะกรรมการชุดเก่าได้แยกตัวออกไปตั้งโรงเจใหม่มีชื่อว่า  "มูลนิธิแปะโค้วเซี่ยงงี่"  อยู่คนละฝั่งคลองกัน  และเกิดกรณีพิพาทกับโรงเจเก่าซึ่งอยู่ในตลาดลาดกระบัง  จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลให้ตัดสิน  และโรงเจใหม่ก็เป็นผู้ชนะได้ครอบครองดูแลสรีระของเอี๊ยะฮงเซียน

ต่อมาน้าชายท่านเดินทางมาจากเมืองจีนเพื่อตามหาหลานชายให้กลับไปดูใจแม่ที่กำลังป่วยหนัก  ก็มาพบว่าหลานกลายเป็นเซียนไปแล้ว  อีกทั้งยังนั่งตายจากไป  จึงตรงเข้าไปต่อว่าสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของท่านว่า  ไม่กตัญญูเลย  เอาตัวรอดบรรลุธรรมไปคนเดียวทิ้งแม่ให้เจ็บไข้ต้องร้องไห้อาลัยหา  สารพัดจะดุด่าธาตุขันธ์ท่าน  เพียงไม่นานนับว่าน่าอัศจรรย์ที่สุด  สังขารไร้วิญญาณที่นั่งขัดสมาธิเพชรตั้งตรงอยู่นั้นก็ค่อย ๆ โค้งลง  ค่อย ๆ ก้มศีรษะลง  จนกระทั่งหยุดนิ่งอยู่ในลักษณะดุจดังคนสำนึกผิด

น้าชายเห็นอัศจรรย์ดังนั้นก็ตะลึงจังงัง  และหยุดการดุด่าทันที  จากนั้นก็กราบไหว้แล้วเดินทางกลับประเทศจีนไปบอกแม่ท่าน

ต่อมารูปเคารพท่านถูกคนขโมยไปหลายครั้ง  เกิดความเสียหายกับสรีระท่านไม่น้อย  ฝรั่งมาเห็นสรีระท่านยังเกิดความอัศจรรย์ใจ  พร้อมกับขอซื้อในราคาที่เป็นเงินไทยถึง 10  ล้านบาท  นั่นเป็นราคาเมื่อ 30 ปีก่อนโน้นนะครับ

แต่ไม่ว่าสรีระท่านจะถูกขโมยไปอยู่ที่ใด  ท่านก็จะบอกศิษย์ทั้งหลายในฝันบ้าง  ในนิมิตบ้างให้ตามไปหา  แล้วก็เจอทุกครั้งไป

ตอนที่ท่านปฏิบัติธรรม  ท่านบอกว่าพระมหากัสสปะเป็นผู้มาสอนธรรมขั้นสูงให้กับท่านครับ
17#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-2-11 07:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้



เหรียญองค์เซียนแป๊ะโค้ว มูลนิธิแป๊ะโค้วเซี่ยงงี่ ยุคแรก(เซียนหัวตะเข้)
ชอบๆครับ
19#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-2-11 20:30 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

ป้อม เป็นศิษย์ของท่านไม่ได้ หรอก

เพราะไม่ได้พ่ายรัก


แป๊ะโค้ว "โพธิสัตว์ผู้พ่ายรัก”

20#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-2-12 07:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้



รูปหล่อเซียนแป๊ะโค้ว ปี 2520
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้