ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2500
ตอบกลับ: 3
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

น้ำมนต์หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่

[คัดลอกลิงก์]
ใกล้รุ่ง ลมพัดโชยลอดผ่านเข้าไปใต้ผ้าห่ม เสกหนาวสะท้านเข้าไปถึงในทรวง เธอนอนกระสับกระส่ายอยู่เป็นเวลานาน บาง ครั้งก็มีเสียงละเมอที่ฟังไม่ค่อยจะได้ศัพท์ว่าพูดอะไรออกมา แต่จาก อาการที่เนื้อตัวมีเหงื่อซึมออกมาอยู่ตลอดเวลา พอทำให้รู้ว่าขณะนี้เธอ กำลังฝันร้าย และเมื่อดิ้นรนจนเปล่งเสียงออกมาอีกครั้ง ผู้เป็นสามีก็ ต้องตกใจตื่น
“เป็นอะไรไปหรือแม่” ครูสมชายเขย่าร่างให้ภรรยารู้สึกตัว เธอลืมตาขึ้นมาพบว่า เหตุการณ์ที่ประสบอยู่เมื่อตะกี้เป็นเพียง ความฝัน ก็รู้สึกโล่งอก “พ่อ ฉันฝันร้าย”
จากนั้นเธอก็เล่าความฝันให้เขาฟังว่า เธอพลัดหลงเข้าไปในดิน แดนที่ลี้ลับ และได้พบเห็นคนที่ตายไปแล้วมากมาย แต่ละคนอยู่ใน สภาพที่น่ากลัว เนื่องจากบางคนถูกรถชน ถูกฆ่าตาย ซึ่งล้วนแต่เป็น ญาติและคนในหมู่บ้านที่ตายไปแล้วทั้งนั้น
และถัดจากนั้นมาอีก ๒-๓ คืน ก็ฝันเช่นเดียวกันอีกว่าได้เห็นคน ตายมากมาย เธอมีความรู้สึกว่ามันเป็นลางสังหรณ์ที่ทำให้เธอไม่มีความสุขเลย เธอคิดเป็นห่วงไปสารพัดว่า มันอาจจะเป็นลางบอกเหตุที่ไม่ดี ต่อสามี หรือลูกของเธอก็เป็นได้
หลังจากนั้นก็ฝืนซ้ำอีก ทำให้ไม่สบายใจ เลยตัดสินใจไปหา หลวงพ่อคูณให้รดน้ำมนต์และทำพิธีสะเดาะเคราะห์ให้
ครูสมชาย บุญช่วย อายุ ๓๕ ปี รูปร่างลันทัด ผิวคลำ หน้าตา จัดว่าเป็นคนบุคลิกดี เป็นชาวอำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา เริ่ม รับราชการเป็นครูมาตังแต่ พ.ศ. ๒๕๒๓ ทีโรงเรียนโนนสูงภิกษุณีโดย สอนอยู่ถึง ๕ ปี แล้วได้ย้ายมาขอช่วยราชการอยู่ที่สำนักงานสามัญ ศึกษาจังหวัดนครราชสีมา เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๖
ปัจจุบันได้ย้ายครอบครัวมาพักอยู่ในเมืองนครราชสีมาพร้อมกับ ลูก ๓ คน ภรรยารับราชการครูอยู่ที่สำนักงาน สปอ.โนนสูง ต้องเดินทาง ไปกลับระหว่างอำเภอโนนสูงกับโคราชทุกวัน
หลังจากที่ภรรยาได้นอนฝันร้ายติดๆ กันหลายหนแล้ว เขาตัดสิน ใจไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์ตามที่พระบอก ขณะที่ขับรถปิกอัพมาถึงหมู่ บ้านหนองงูเหลือม เขาเจอเต่าตัวหนึ่งกำลังเดินข้ามถนน เขาเบรกรถ แล้วลงไปจับมันขึ้นมานำไปปล่อยที่วัด แล้วไปซื้อโลงให้ป่อเต็กติ๊ง ๑ โลง ราคา ๗๐๐ บาท พร้อมกับทำพิธีถวายสังฆทาน ปล่อยนก ปล่อยปลา และปล่อยเต่าที่จับมาได้เสร็จทุกอย่างตามที่พระท่านบอกภายในวันเดียว กัน ก่อนหน้าประมาณหนึ่งอาทิตย์ที่จะมีเหตุการณ์ตึกถล่ม เขาเป็นหนึ่ง ในบรรดาผู้ประสบซะตากรรม ที่รอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์
เขามั่นใจว่าที่เขารอดตายมาได้ เนื่องจากเขาได้รดน้ำมนต์และ ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ตามที่พระท่านบอกมาก่อน
เช้าวันที่เกิดเหตุ เขานั่งอยู่ตรงกลางห้องประชุมเบญจมาศ รอบ ข้างมีเพื่อนๆ จากสำนักงานสามัญศึกษาจังหวัดฯ นั่งอยู่เต็ม และต่าง เสียชีวิตถูกคานหล่นลงมาทับตายหมด
เริ่มแรกอาจารย์ชวลิต ผอ.ร.ร.นครราชสีมาฯ ทำพิธีเปิดประชุม ก่อน...แล้วก็หยุด พอถึงเวลา ๑๐.๑๐ น. ท่าน ผอ.สุชาติก็บรรยายเกี่ยว กับการพัฒนาบุคลากร ท่านพูดสนุกมาก น่าฟัง หัวเราะกันทุกคน แต่ ท่านพูดเหมือนจะเป็นลางว่า
“คนเราเกิดมาแล้วทุกคนต้องตาย...ทุกคนต้องตาย” ท่านยาอยู่ อย่างนั้น ทุกคนได้ยินหมด แต่สนุกเป็นการนำเข้าสู่บทเรียนที่ทุกคน สนใจ
“คนเราเกิดมาต้องตาย ไม่ช้าก็เร็ว” อาจารย์สุชาติยังยาประโยค นี้เหมือนยังดังก้องอยู่ในรู้หู ไม่รู้ว่าท่านหยิบประเด็นนี้มาเกี่ยวข้องกับการ พัฒนาบุคลากรได้อย่างไร
“พวกเราอายุอยู่ในช่วงไหนแล้ว ๓๐ ปี ๔๐ ปี หรือ ๕๐ ปี ช่วง นี้ใกล้ตายแล้วนะ”
“ทุกคนต้องตาย ไม่ช้าก็เร็ว”
ท่านพูดถึงเรื่องตายยังไม่ทันเสร็จเลย อาจารย์มนัสซึ่งนั่งอยู่ข้าง หลังครูสมชายได้ลุกขึ้นไปถ่ายภาพบรรยากาศของการประชุมเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก และไม่นึกว่าภาพนี้จะกลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่ได้ บันทึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุวิปโยคเพียงไม่ถึง ๕ นาที จาก นั้นก็เกิด เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ครั้งแรกทุกคนยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และพอได้ยินเป็นครั้ง ที่ ๒ "บึ้มๆ"
ครูสมชายได้หันไปทางซ้ายมือ ตรงนั้นเป็นช่องกระจกพอดี เขา เห็นคานมันกำลังยุบลงมากลางห้องเบญจมาศ ด้วยสัญชาตญาณแห่ง การเอาตัวรอด เขาลุกขึ้นวิ่งอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีสิทธิ์ได้ก้าวขาออกไป เพียง ๓ ก้าวเท่านั้นก็ล้มฟุบ ฝ่าเพดานก็ถล่มลงมาทับใส่ตัว
สักพักหนึ่งเสียงก็เงียบลง เขารู้สึกว่าขณะนี้เขากำลังนอนอยู่ใต้ ซากตึก กระเป๋าเอกสารของเขาเต็มไปด้วยเศษปูน ก้อนหิน เนื้อตัว แขน ขาถลอกปอกเปิกไม่มีชิ้นดี ที่ศีรษะถูกก้อนหินหล่นลงมาทับมี เลือดไหลโซม
เขาพยายามที่จะดึงขาให้ออกจากซากปรักหักพัง ก็พบว่าขาเขา ถกคานทับ แต่เรียกได้ว่าดวงดีประเภทหนึ่งในล้านก็ว่าได้ ที่คานขนาด มหึมาหล่นลงมาทับเขาแค่รองเท้าเท่านั้น
เมื่อเขากัดฟันออกแรงดึง เท้า ข้างนั้นก็หลุดออกมาจากรองเท้าซึ่งถูกคานทับเสียจนแน่น หากเขาวิ่งช้า ไปเพียงวินาทีเดียว คานอันมหึมานั้นก็จะต้องหล่นลงมาทับเขาอย่าง แน่นอน
เพื่อนๆ ที่นั่งอยู่รอบเขา อาจารย์พเยาว์ ฝากเสียงชา, อาจารย์ เฉลา งามรูป, อาจารย์สุทิน เคนลันเทียะ ต่างเสียชีวิตทันทีที่ถูกคาน หล่นลงมาทับ เขาพยายามคลานออกมา และเมื่อแหงนหน้าขึ้นไปดู ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งถูกเหล็กเสียบห้อยต่องแต่งอยู่ใกล้ๆ นั่นเอง และที่ เหลือเชื่อไปกว่านั้นเขาเห็นพนักงานโรงแรมผู้หญิงคนหนึ่งยืนติดอยู่ที่ ชะง่อนหินที่ยื่นออกมาจากตึกนิดเดียว เหลือโด่เด่ ทำท่าจะล้มเสียให้ ได้ ร่างของเธอมีน้ำไหลเปียกโชกไปทั้งตัว ร้องเรียกให้เขาช่วย ซึ่งเขา ก็จนปัญญาไม่รู้ว่าจะช่วยเธอได้อย่างไรเหมือนกัน
เขาพยายามไต่ซากตึกออกมาทางหลังคาของห้องอาหารร่มเย็น ลงมาทางบันไดเหล็กแล้ววกกลับมาด้านหน้าโรงแรม มาดูรถที่จอดอยู่ ด้านหน้าว่าพังหรือยัง ก็พบว่ายังโชคดีที่1ไม่โดนตึกถล่ม ใกล้ๆ กับรถที เขาจอดมีรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าซีวิคคันหนึ่งมาจอดแทนที่เขาเมื่อวาน ซวย แทนเขาถูกก้อนหิน ซากตึกถล่มลงมาทับพังยับเยิน ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ ตำรวจอาสาสมัครต่างๆ ยังไม่ทันมา
เขาพยายามประคองตัวขึ้นรถขับถอยหลังออกมาจากซากตึก แล้วเลี้ยวพุ่งดิ่งไปยังสำนักงานสามัญศึกษาจังหวัดฯ ในสภาพเนื้อตัว ที่มอมแมมเปื้อนฝุ่นและเลือดที่ไหลอาบโซมกาย โดยไม่สนใจสัญญาณ ไฟจราจรอะไรทั้งสิ้น
เมื่อรถเข้ามาจอดยังสนามหน้าสำนักงาน เขาเดินลงมาบอกกับ ผอ.ทองขาวซึ่งยืนมองเขาอยู่ที่บันได ด้วยน้ำตานองแก้มว่า
“ท่านครับ โรงแรมถล่ม...พวกเราติดอยู่ที่นั่น ผมเสียใจที่ช่วยเขาไม่ได้”
ท่าน ผอ.ทองขาวช่วยพยุงเขาเดินเข้ามาในสำนักงาน แล้ว สั่งให้อาจารย์ชูชัยวิทยุแจ้งให้โรงเรียนต่างๆ ในสังกัด ไปรายงาน ตัวอย่างเร็ว พร้อมกับประสานงานให้มีการบริจาคเลือด ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน @-patihan








โชคดีมีน้ำมนต์หลวงพ่อคูณ อยู่กับเขาบ้าง อิอิ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้