(เรื่องราวประวัติของหลวงปู่หล้าจากนี้ไป เป็นการบันทึกลงสมุดของพระจำปี ซึ่งนายสมหมาย เชื้อชัยภูมิ ที่เคยบวชเป็นสามเณรในสมัยหลวงปู่หล้ามีชีวิตอยู่ และบวชเป็นพระในสมัยพระจำปี เป็นเจ้าอาวาสวัดวังโพรงเข้ ต่อจากหลวงปู่หล้า ปัจจุบันนายสมหมาย อายุ ๖๖ ปี อยู่ที่จังหวัดสระแก้ว ได้นำสมุดที่บันทึกประวัติหลวงปู่หล้า ในช่วงท้ายอายุของหลวงปู่มาให้พระครูวินัยธรยืมคัดลอก ซึ่งนายสมหมายกลับมาบ้านเกิด เพื่อร่วมงานผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต วัดวังโพรงเข้ระหว่างวันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ –วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๔๙ เมื่อมีโอกาสได้มานมัสการสนทนากับพระครูวินัยธร นายสมหมายจึงได้พูดถึงสมุดบันทึกเล่มนี้ ให้พระครูวินัยธรฟัง พระครูวินัยธรจึงได้เอ่ยปากขอสมุดเล่มดังกล่าว นายสมหมายไม่ขอถวาย แต่จะให้ยืมคัดลอก และได้เล่าถึงปาฏิหาริย์ของสมุดบันทึกเล่มนี้มากมาย โดยเฉพาะปี พ.ศ. ๒๕๒๘ กระสุนปืนใหญ่ของเขมร ซึ่งสู้รบกันเองพลาดมาตกข้างบ้านนายสมหมาย ถึงสี่ครั้ง แต่กระสุนปืนไม่ระเบิดทั้งสี่ครั้ง สมุดเล่มนี้มีทั้งคาถาอาคม และวิธีการทำวัตถุมงคลต่าง ๆ ของหลวงปู่หล้า และพิธีกรรมประเพณีพื้นเมืองอิสานมากมาย “ข้าพเจ้าชื่อว่า พระจำปี ปัญญาทีโป ได้สมุดมา ๑ หัว (หนึ่งเล่ม) และดินสอ ๑ แท่ง เมื่อวันที่ ๑๓ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๕ เมษายน พอศอ ๒๔๙๐ นบพระศก (นพศก) ปีกุน ปลัดแสวงถวายให้มา ตอนนี้เวลาใกล้จะยามต้น นั่งมองนอนมองสมุดและดินสอ อยู่อย่างภูมิใจ ไม่รู้จะเขียนอะไร เขียนเรื่องหลวงพ่อไว้ดีกว่า” (ผู้เขียนขออนุญาตเปลี่ยนคำบันทึกที่เป็นภาษาท้องถิ่น เป็นภาษากลางและเพิ่มบางคำให้เต็มประโยค เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น จะได้ไม่เสียเวลาวงเล็บ ส่วนที่เป็นบันทึกสั้น ๆ ของแต่ละวันผู้เขียนจะขอเล่าเรื่องเองตามบันทึกนั้น ๆ ) หลังจากหลวงพ่อสร้างพระขุนแผนประจัญบานแล้วก็ไม่สร้างอะไรอีกหลายปีและก็ไม่รับแขกด้วย หลวงพ่อเข้าไปอยู่ในป่าห่างวัดหลายร้อยวา พระกับชาวบ้านต้องตามไปสร้างกุฏิให้ท่านที่ในป่าและผลัดกันเอาข้าวปลาอาหารไปถวาย ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ หลวงพ่อก็ออกจากป่ามาอยู่วัดตามปกติ หลังจากหลวงพ่อออกจากป่ามาแล้วท่านก็เปลี่ยนแนวการสร้างวัตถุมงคลทางคงกระพันชาตรีมาเป็นทางเมตตา ในปีดังกล่าวหลวงพ่อได้ทำสีผึ้งสัมพันธ์ตึงและสร้างพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อนแจกจ่าย เวลามีคนมาขอหรือบูชาสีผึ้งสัมพันธ์ตึงกับหลวงพ่อ ผู้หญิง หลวงพ่อจะให้รับสีผึ้งมือซ้าย ผู้ชายจะให้รับมือขวา เมื่อรับแล้วให้ยื่นมือข้างที่รับออกไปจนสุดแขน และให้ดมที่มืออีกข้างหนึ่ง ถ้าใครไม่ได้กลิ่นสีผึ้ง หอมผ่านมาที่มืออีกข้างหนึ่งไม่ต้องเอาไป แต่ก็ปรากฏว่าทุกคนที่ได้รับสีผึ้ง ก็จะได้กลิ่นหอมผ่านมือผ่านแขนมาอีกข้างหนึ่งกันทุกคน หลังจากหลวงพ่อแจกสีผึ้งสัมพันธ์ตึง และพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อนไปได้ประมาณสองเดือน ก็เริ่มมีญาติโยมมาต่อว่าหลวงพ่อ ถึงอภินิหารสีผึ้งสัมพันธ์ตึงและพระขุนแผนไก่แก่- แม่ปลาช่อน ซึ่งการต่อว่าก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก โดยเฉพาะโยมผู้หญิงไม่ชอบใจเลยกับสีผึ้งสัมพันธ์ตึงและขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อน มีโยมผู้หญิงหลายคนที่แอบขโมยสีผึ้งและพระขุนแผนดังกล่าวของโยมผู้ชายมาคืนหลวงพ่อ และยิ่งนานวันก็มีโยมผู้หญิงมาต่อว่ามากขึ้นจนวันหนึ่ง คุณนายของท่านสำราญ เครือนิลและคุณนายปลัดแสวง นำภัตตาหารเพลมาถวายหลวงพ่อ และก็ต่อว่าหลวงพ่อถึงเรื่องความขลังของสีผึ้งสัมพันธ์ตึงกับพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อน เมื่อคุณนายทั้งสองกลับไปแล้ว หลวงพ่อก็พูดกับผมว่า “คือสิบ่เข้าท่าแล้วหละจำปีเอ๊ย บ่คึดว่ามันสิขลังปานนี่หนะ”(คงจะไม่ได้การแล้วนะจำปี ไม่คิดว่าจะขลังขนาดนี้)และคืนวันนั้นหลังจากพระลูกวัดเข้าห้องจำวัดกันหมดแล้ว หลวงพ่อท่านก็นั่งสมาธิตรงหน้าพระประธานที่ใช้ทำวัตรสวดมนต์ประจำ ผมรู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่เห็นหลวงพ่อนั่งสมาธิตรงนั้น เพราะปกติหลวงพ่อจะนั่งในห้องของท่าน พอตีสี่ผมก็ตื่นมาตีระฆังทำวัตรเช้าตามกิจวัตรที่เคยปฏิบัติมา เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จก็มาจุดเทียนหน้าพระประธานที่ทำวัตรสวดมนต์ พอแสงไฟจากเปลวเทียนสว่างขึ้น ผมต้องแปลกใจเมื่อเห็นตลับสีผึ้งหลากหลายรูปแบบ และพระขุนแผนกองอยู่บนเสื่อ หน้าพระประธานที่หลวงพ่อนั่งสมาธิเมื่อคืนนี้เป็นจำนวนมาก ผมจึงพูดกับพระลูกวัดด้วยกันว่า “หลวงพ่อเอาสีผึ้งกับพระขุนแผนมาจากไหนอีก ก็แจกจ่ายไปหมดแล้วนี่น่า ทำไมเหลือมากขนาดนี้”แต่พอช่วยกันพิจารณาดูก็รู้ว่าเป็นสีผึ้งและพระขุนแผนที่แจกญาติโยมไปแล้วนั่นเองมขนลุกไปทั้งตัวจนต้องยกมือขึ้นกุมหัวเหมือนคนหวาดเสียวสุดขีด(ขนลุกขนชัน) แม้ตอนเสือขาวยกปืนยิงใส่หลวงพ่อก็ไม่รู้สึกอย่างนี้ ตอนหลวงพ่อเรียกงัวโยมโสมขึ้นจากหล่มก็ไม่รู้สึกอย่างนี้ ตอนเอาไม้เท้าหวายทิ่มพุงโยมลาให้ฟื้นจากงูจงอางกัดก็ไม่รู้สึกอย่างนี้ตอนช้างพวกอะโยธยาจับควนฟาดกับพื้นและกระทืบซ้ำก็ไม่รู้สึกอย่างนี้ ตอนเรียกจระเข้ขึ้นจากสระก็ไม่รู้สึอย่างนี้ |