จี้สตง.สอบ"ราชภักดิ์" เรืองไกร ยังคาใจปมต้นไม้ รับบริจาคแต่เบิกงบ เข้าข่ายทุจริต

Sornpraram

จี้สตง.สอบ"ราชภักดิ์" เรืองไกร ยังคาใจปมต้นไม้ รับบริจาคแต่เบิกงบ เข้าข่ายทุจริต



′เรืองไกร′จี้ สตง.สอบบัญชีบริจาค ′ราชภักดิ์′ แนะดูใบเสร็จได้ ชี้บิลเบิกต้นไม้ฟรี เข้าข่ายทุจริต ′จตุพร′ ซัดผลสอบของ ทบ.ปกปิดซ่อนเร้น  ตำรวจแจงยังไม่ออกหมายจับ 2 อดีต ตร.เอี่ยวคดีหมิ่น ม.112

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค  เพื่อไทย (พท.) เปิดเผยถึงกรณีการร้องสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ขอให้ตรวจสอบรายรับรายจ่ายของกองทุนสวัสดิการกองทัพบกบัญชีกระแสรายวันเกี่ยวกับการจัดสร้าง  อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่าหลังจากที่ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการ ทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้แถลงผลการตรวจสอบกรณีอุทยานราชภักดิ์ไปแล้ว  ต้องติดตามผลการตรวจสอบของ สตง. เพราะเงินกองทุนสวัสดิการกองทัพบกที่ได้รับบริจาคมาจากบุคคลและองค์กรต่างๆ  เพื่อนำไปใช้ในโครงการอุทยานราชภักดิ์นั้นต้องปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังด้วย  กล่าวคือต้องมีการบันทึกรายการรับ-จ่ายเงินให้ครบถ้วน เพราะถือว่าเงินกองทุนนั้นเป็นของส่วนราชการ  ดังนั้น สตง.จึงต้องตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคารที่ใช้ในการรับบริจาคให้ครบถ้วนทุกรายการ  โดยดูจากสำเนาใบเสร็จรับเงินที่มีการออกให้แก่ผู้บริจาคไปแล้ว  และต้องตรวจสอบการจ่ายเงินบริจาคเพื่อสร้างทรัพย์สินถาวรตามที่ระบุในโครงการว่ามีการจ่ายเงินไปโดยถูกต้องตรงกับราคาที่แท้จริงหรือไม่หรือมีการจ่ายเงินสูงกว่าความเป็นจริงโดยการบวกส่วนต่างเพื่อเอาเงินออกจากบัญชีกองทุนไปโดยทุจริตหรือไม่
        
"เนื่องจากมีการยอมรับออกมาแล้วว่ามีการกินค่าหัวคิวแต่นำเงินนั้นไปบริจาคแล้วกรณีเช่นนี้อาจจะยังไม่ถูกต้องเพราะถ้าเป็นเงินที่จ่ายออกจากกองทุนย่อมทำให้ทรัพย์สินถาวรที่ส่วนราชการจะต้องดูแลรักษาต่อไปมีราคาที่สูงเกินจริงเช่นราคาทรัพย์สินมีราคาเพียง30ล้านบาท แต่กลับมีการสมคบคิดกันสร้างราคาหรือเปิดบิลให้สูงขึ้นเป็น 42 ล้านบาท  ก็เท่ากับว่ามีการทุจริตเงินกองทุนไป 12 ล้านบาท ทำให้ราคาทรัพย์สินสูงเกินจริงไป 12 ล้านบาทเช่นกัน  ลักษณะเช่นนี้จึงไม่ควรเรียกว่าค่าหัวคิวหรือค่านายหน้า หรือในกรณีที่มีข่าวว่าต้นไม้ได้มาฟรี  แต่มีการตั้งเบิกเงินออกไป ต้องตรวจสอบว่าต้นไม้มีผู้บริจาคให้ฟรีจริงหรือไม่ ถ้าได้มาฟรีจริง  บิลที่ตั้งเบิกค่าต้นไม้ก็เข้าข่ายเป็นการทุจริต เพราะคนบริจาคไม่ได้รับเงิน  แต่มีการนำบิลปลอมมาเบิกเท็จออกไปเรื่องนี้ ตรวจสอบได้ไม่ยาก และใช้เวลาไม่นาน  เพียงแต่ตรวจนับทรัพย์สินถาวรทั้งหมด แล้วสอบยันกับบิลต่างๆ  และไปหาเจ้าของบิลหรือใบเสร็จนั้นว่ามีตัวตนจริงหรือไม่" นายเรืองไกรกล่าว
         
นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า  กรณีการตรวจสอบของ สตง.จึงมีความจำเป็นที่จะต้องพิสูจน์ทราบว่า  เงินกองทุนดังกล่าวมีการปฏิบัติโดยถูกต้องตามระเบียบกระทรวงการคลังหรือไม่  ถ้ามีการทุจริตเงินกองทุนก็ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปดังนั้นกรณีที่กองทัพบกตรวจสอบและแถลงผลออกมานั้นจึงรับฟังได้เฉพาะตามขอบเขตการตรวจสอบที่ได้ทำไปแล้วแต่ไม่มีผลต่อการตรวจสอบของ สตง.แต่อย่างใด โดยเรื่องนี้ทางพรรคได้แถลงข่าวไปแล้วสองครั้ง คาดว่าคงยังติดตามประเด็นที่เกิดขึ้นต่อไป  เพราะเป็นเรื่องที่มีผลกระทบในหลายด้านตามมา การตรวจสอบให้แล้วเสร็จโดยเร็วจึงมีความจำเป็นมากกว่า  เพราะทรัพย์สินถาวรที่สร้างขึ้นมาแล้วต้องมีการบำรุงรักษา ต่อไปทุกปี

ด้านนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร  รักษาการรองโฆษกพรรค พท. กล่าวว่า  สัปดาห์หน้ารักษาการหัวหน้าพรรคคงจะได้มีการปรึกษาหารือกันในเรื่องนี้และอาจจะแถลงถึงท่าทีของพรรค  พท.อีกครั้ง

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวตอนหนึ่งในรายการมองไกลผ่านยูทูบว่า พล.อ.ธีรชัย เมื่อเข้ารับตำแหน่ง ผบ.ทบ.มีท่วงทำนองเด็ดเดี่ยว  เป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก ทำให้เข้าใจถึงบุคลิกยึดความจริง แต่การชี้แจงกรณีอุทยานราชภักดิ์เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนนั้น กลับสะท้อนถึงคนเรียกร้องให้ตรวจสอบทุจริตกลายเป็นคนผิด  และคิดเล่นเกมปกปิดซ่อนเร้นความผิดให้พวกเดียวกัน แล้วพยายามเลี้ยวคดีโยนความผิดมาให้ตน  ทั้งนี้ต้องการให้ประเทศไทยเดินไปในทิศทางถูกต้อง  หลากหลายเหตุการณ์ที่ส่อทุจริตนั้นไม่ร้ายแรงเหมือนกรณีอุทยาน ราชภักดิ์  เพราะเป็นครั้งแรกในไทยที่เรียกค่าหัวคิวจากการหล่อพระบรมรูปมหาบูรพกษัตริย์ ประชาชนจึงรับไม่ได้  ตนจึงต้องการให้เรื่องนี้จบลงด้วยข้อเท็จจริง ถ้าไม่ผิดต้องอธิบายเพราะอะไร ไม่ใช่จบว่าไม่พบทุจริต  ดูบัญชีรายรับรายจ่ายไม่ได้

"หากไม่ได้ตรวจบัญชีรายรับรายจ่าย ก็ควรให้ พล.อ.วีรัณ  ฉันทศาสตร์โกศล ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบโครงการอุทยาน ราชภักดิ์  เป็นผู้ชี้แจง ซึ่งสงสัยว่าอุทยาน ราชภักดิ์มีอะไรต้องปกปิดหรือ ใครจะเอาใครให้ตายหรือ  แต่ถ้าไม่มีใครผิดเลย โปร่งใสกันหมด แล้วทำไมเปิดเผยค่าใช้จ่ายไม่ได้ หรือมีอะไรเป็นความลับ ส่วนที่  พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ได้อธิบายถึงผลสอบของโครงการอุทยาน  ราชภักดิ์ยังไม่ชัดนั้น เป็นท่วงทำนองที่แตกต่างจากการอธิบายของ ผบ.ทบ. ฟังแล้วรู้สึกดี" นายจตุพรกล่าว

พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีการออกหมายจับอดีตนายตำรวจ 2 นาย สังกัดกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ที่เพิ่งลาออกจากราชการไปก่อนหน้านี้  หลังพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้นว่า  ยอมรับว่าแนวทางการสืบสวนพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจริง แต่ในทางสอบสวนยังไม่ชัดเจน  จึงนำข้อมูลที่ได้ส่งต่อให้ฝ่ายสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานว่าเพียงพอหรือพบความชัดเจนในการกระทำความผิดหรือไม่อย่างไรก็ตามได้นำข้อมูลจากแนวทางสืบสวนทั้งหมดส่งให้พล.ต.ท.ศรีวราห์รังสิพราหมณกุลรักษาราชการแทน(รรท.) รอง ผบ.ตร.แล้ว

พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวต่อว่า ส่วนตำรวจสังกัด บช.ก.อีก 8 นาย ลาออกไปแล้ว 4 นาย และช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปก.บช.ก.) อีก 4 นายนั้น  ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ยังไม่พบความเชื่อมโยงในคดีดังกล่าวแต่อย่างใด  ยืนยันหากพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครจะดำเนินคดีทันที

ด้าน พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. กล่าวว่า เบื้องต้นได้พูดคุยกับ พล.ต.ท. ศรีวราห์ถึงข้อมูลดังกล่าวแล้ว  แต่ยังไม่ได้รับข้อมูลว่ามีการออกหมายจับอดีตตำรวจสังกัด บก.ป. ทั้ง 2 นายตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท. ฐิติราชได้เซ็นหนังสือสั่งให้นายตำรวจ 8 นาย ช่วยราชการ ศปก.บช.ก. ได้แก่ 1.พ.ต.อ.ศิวพงษ์  พัฒน์พงศ์พานิช รอง ผบก.ป. (ลาออก) 2.พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ผกก.2 บก.ป. (ลาออก) 3.พ.ต.อ.วสุ แสงสุกใส  รอง ผกก.2 บก.ป. 4.พ.ต.ท.ธรรมวัฒน์ หิรัณยเลขา รอง ผกก.2 บก.ป. (ลาออก) 5.พ.ต.ท.จีรวัฏฐ์ บุญวัฒนาภรณ์  สว.ทล.2 กก.1 บก.ทล. 6.พ.ต.ท.ณัทกฤช พรหมจันทร์ สว.กก.2 บก.ป. 7.พ.ต.ท.พิทยา กล่ำเอม  สว.กลุ่มงานถวายความปลอดภัย บก.ทล. และ 8.พ.ต.ท. สุวัฒชัย ศรีทองสุข สว.กก.1 บก.ปคม.


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1448159948