ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3258
ตอบกลับ: 11
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เศรษฐกิจแบบนี้ ลงทุนอะไรดีที่สุด

[คัดลอกลิงก์]
เศรษฐกิจแบบนี้ ลงทุนอะไรดีที่สุด
by Editor · June 22, 2015





ก็อย่างที่เรารู้ๆกันนั่นแหละว่า ด้วยปัจจัยลบทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ กำลังทำให้เศรษฐกิจของประเทศเรามีปัญหาชะลอตัวอย่างหนัก ทำให้เครียดกันไปทั่วหน้า ตั้งแต่ระดับเจ้าสัวยันผู้ใช้แรงงาน
ในเวลาที่บรรยากาศการลงทุนดูแย่ที่สุดในสายตาของคนทั่วไป เพราะไม่มีใครกล้า และไม่มีเงินจะลงทุน จึงมักเป็นช่วงเวลาของการลงทุนครั้งใหญ่ของคนที่มองเห็นโอกาสในระยะยาวและมีความพร้อม ซึ่งจะว่าไปแล้วไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีเงินมากที่สุด หรือรวยที่สุดเท่านั้น จึงจะลงทุนได้
ประเด็นสำคัญไม่ใช่การตั้งคำถามว่า เศรษฐกิจแบบนี้ จะลงทุนดีไหมแต่คำถามที่ควรหาคำตอบคือ … เศรษฐกิจแบบนี้ ลงทุนอะไรดีที่สุด
1.  ลงทุนซื้อของดีราคาถูกถ้าคุณเป็นเศรษฐีมีเงินเย็น สิ่งที่คุณควรลงทุนมากที่สุดในขณะนี้ คือรอช้อนของดีราคาถูก เมื่อกิจการต่างๆประสบวิกฤต ทำให้ต้องโละขายสินค้า บริการ หรือหุ้นของบริษัท ในราคาต่ำกว่ามูลค่าจริง เพื่อรักษาสภาพคล่อง สภาวะแบบนี้ มักเป็นช่วงที่รัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดดอกเบี้ย นอกจากนี้คุณยังพบว่า มีสินค้ามือสองหลุดจำนองจำนำเกลื่อนตลาด ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ดิน คอนโด โรงแรม ร้านอาหาร รถยนต์ และสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆที่คนผ่อนต่อไม่ไหว จำใจต้องปล่อยขายออกมาเพื่อลดภาระหนี้  ให้คุณเลือกซื้อได้อย่างสบายใจ แถมยังมีบรรดาคนเก่งๆ จากสายงานต่างๆที่อาจหลุดออกมาจากองค์กรเพราะโดนเลย์ออฟจากพิษเศรษฐกิจ ให้คุณคัดสรรมาร่วมงานได้อย่างสะดวกกว่าช่วงที่เศรษฐกิจดี ทุกคนกำลังรุ่ง งานล้นมือ อีโก้แรง
ถ้าคุณวางแผนจะเริ่มต้นโครงการอะไรที่มีกำหนดระยะเวลาสำเร็จใน 3-5 ปีข้างหน้า การเริ่มต้นลงทุนและสร้างทีมเจ๋งๆในช่วงเศรษฐกิจแย่ๆนี่แหละ อาจเป็นจังหวะที่ดีที่สุดสำหรับคุณเลยทีเดียว เพราะนอกจากคุณจะได้ซื้อของดีราคาถูกแล้ว ยังสามารถจ้างคนเก่ง ฝีมือดีได้ในราคาไม่แพงอีกด้วย

2. ลงทุนกับการสร้างสังคม/คอนเนคชั่นโดยธรรมชาติของมนุษย์จะเปิดรับกับมิตรภาพ และความช่วยเหลือที่หยิบยื่นให้กันได้ง่าย เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ มากกว่าในช่วงที่สมบูรณ์พูนสุข เพราะเป็นธรรมดาของคนเราที่จะลดอัตตาของตัวเองลงเมื่ออ่อนแอ ประสบปัญหา พ่ายแพ้ บาดเจ็บ สูญเสียความมั่นใจ
ลองสังเกตดูจะพบว่า ทุกช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตไม่ว่าจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตการณ์ทางการเมือง วิกฤตการณ์ทางธรรมชาติ มนุษย์จะมีน้ำใจต่อกันและพร้อมช่วยเหลือเกื้อกูลกันมากกว่าช่วงเวลาที่ไม่มีปัญหา ช่องว่างทางความคิด ชาติพันธุ์ ชนชั้น จะลดลงเมื่อผู้คนตกอยู่ในชะตากรรมเลวร้ายแบบเดียวกัน เปลือกที่ห่อหุ้มจะบางลง และเปิดเผยเนื้อแท้ภายในของความเป็นมนุษย์ออกมาสัมผัสซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์กรทั้งหลายหรือบุคคลที่เคยเย่อหยิ่งในความยิ่งใหญ่จากความสำเร็จในอดีต จะเริ่มเปิดรับสายสัมพันธ์ทุกรูปแบบที่อาจนำมาซึ่งทางออกของวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นการร่วมทุน การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์ การร่วมกันแก้ปัญหา หรือแม้แต่การเปิดรับแนวคิดจากผู้คนใหม่ๆที่ในอดีตอาจไม่เคยใส่ใจ
ช่วงเวลาที่เกิดวิกฤต จึงเป็นโอกาสทองของการสร้างคอนเนคชั่นทั้งในสังคม และในธุรกิจ เพราะผู้คนต่างแสวงหาความช่วยเหลือ เพื่อหาทางออกจากวิกฤต และลดความเชื่อมั่นที่แข็งกระด้างในตัวเองลง เราจะเห็นว่า ช่วงเศรษฐกิจไม่ดี จะมีการรวมตัวกันของธุรกิจที่เคยเป็นคู่แข่ง มาช่วยเหลือสู้วิกฤตด้วยกัน หรือในหมู่ลูกจ้าง ก็จะมีสหภาพที่แข็งแกร่งขึ้น เมื่อกังวลกับวิกฤตเลิกจ้าง ซึ่งผู้ที่มองเห็นโอกาส ย่อมมองออกว่า การลงทุนในการสร้างความสัมพันธ์ในภาวะวิกฤตนี้ใช้ต้นทุนต่ำกว่าในสภาวะปกติหลายเท่า และจะก่อให้เกิดผลกำไรที่มากมายมหาศาลในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย




2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-7-25 08:29 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
3. ลงทุนกับการแสวงหาความรู้เพิ่มเติม/พัฒนาตัวเองในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวนั้น การทำอะไรสวนกระแสอาจไม่ใช่ความฉลาด องค์กรหรือบุคคลที่ปรับตัวเก่ง จึงมักใช้ช่วงเวลานี้ ไปกับการพัฒนาตนเอง สำรวจ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ หาความรู้เพิ่มเติม ฝึกอบรม พัฒนาทักษะใหม่ๆในการเอาตัวรอด งานในหน้าที่ หรือลูกค้าอาจจะน้อยลง ก็ไม่ควรจะนั่งงอมืองอเท้าไปวันๆ แต่ใช้เวลาช่วงนี้ไปกับการลงทุนหาความรู้
ถ้าในระดับบุคคล หากพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง ยังไม่แน่ใจในเสถียรภาพของงาน ว่าจะได้อยู่ต่อหรือไม่ นอกจากทำงานเต็มที่ให้องค์กรเห็นคุณค่าแล้ว อีกใจหนึ่งก็ต้องเปิดรับความจริงว่า ควรเตรียมตัวหาช่องทางในการหาความรู้เพิ่มเติมและพัฒนาตัวเองควบคู่กันไปด้วย เช่น การเรียนต่อหรือเข้าฝึกอบรม ในสาขาวิชาต่างๆที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจการงานในอนาคต โดยประเมินจากแนวโน้มการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ที่จะเปลี่ยนไปสู่ระบบตลาดการค้าเสรีอย่างเต็มตัว ทั้งในระดับอาเซียน และในระดับโลก
คนที่มีวิสัยทัศน์จะมองออกว่า การทำมาหากินค้าขายต่างๆจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศ หรือกับคนภาษาเดียวกันอีกต่อไป ธุรกิจการค้าจะเปิดกว้างไร้พรมแดน ซึ่งหมายถึงโอกาสการทำมาหากินจะเปิดกว้างขึ้นสุดลูกหูลูกตา ถ้าเราหากินเป็น เตรียมตัวพร้อม และในขณะเดียวกัน คู่แข่งที่จะมาต่อสู้ แย่งชิงผลประโยชน์กับเรา ก็จะมาจากทั่วโลก !!!
การศึกษาหาความรู้ทุกช่องทาง ที่เป็นประโยชน์ คือสิ่งจำเป็นที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับการลงทุนเพื่ออนาคต !!!
ความรู้ที่ควรหาเพิ่มเติมที่สุดสำหรับยุคนี้และยุคหน้า คือ การพัฒนาความรู้ด้านภาษา ความรู้ในการบริหารธุรกิจ บัญชี การเงิน การลงทุน ความรู้ในด้านกิจการระหว่างประเทศ ความรู้ด้านการนำเข้า-ส่งออก การขาย การตลาด และการขนส่ง การจัดการโลจิสติกส์ การจัดทำ L/C เพื่อการนำเข้า-ส่งออก เทคนิคและความรู้การจัดซื้อต่างประเทศ ฯลฯ ความรู้เหล่านี้จะไม่ใช่สิ่งแปลกประหลาด หรือยากเกินความเข้าใจ สำหรับการทำมาหากินของผู้คนในอนาคต เพราะเมื่อมีการเปิดเสรีทางการค้า การซื้อขาย การจ้างงานข้ามโลก จะเป็นเรื่องปกติธรรมดา และคนที่ลงทุนหาความรู้ พัฒนาตัวเองได้พร้อมก่อน ก็จะมีโอกาสมากกว่าเมื่อเวลาแห่งโอกาสในการทำกำไรมาถึง


4. ลงทุนกับการพัฒนาสุขภาพ ทั้งกายและใจในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตพรวดพราด คุณอาจเคยต้องทำงานจนลืมกิน ลืมนอน วันๆมีแต่ ประชุม เดินทางจนลืมบ้านช่อง ลืมคนใกล้ตัว ลืมสนใจสุขภาพ ในช่วงที่เศรษฐกิจเดินช้าลง ถ้าคุณไม่ได้ตกอยู่ในสภาพสิ้นเนื้อประดาตัว มีหนี้ล้นพ้นตัว ถ้าคุณยังพอมีสติ มีทุนสำรองที่จะสามารถประคองชีวิตต่อไปได้โดยไม่ต้องล้มหัวฟาดทั้งยืน คุณอาจยังไม่พร้อมสำหรับการลงทุนใหม่ๆในธุรกิจ เพราะรู้แน่ว่าคงยังไม่มีกำไร หรือยังไม่อยากทุ่มเทมากเกินไปกับงานที่ยังไม่เห็นอนาคต แต่สิ่งหนึ่งที่คุณลงทุนแล้วได้กำไรแน่ๆ ก็คือการลงทุนในสุขภาพของตัวเอง
เศรษฐกิจชะลอตัวเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการทำงานน้อยลง ให้เวลากับการพัฒนาสุขภาพกายและใจให้มากขึ้น เพราะความเจ็บป่วย หรือสุขภาพที่ไม่สมบูรณ์ อาจทำให้คุณต้องเสียเงินเป็นหมื่น เป็นแสน หรือเป็นล้าน ในอนาคตได้โดยไม่มีใครรู้ และที่สำคัญไม่มีใครช่วยคุณได้เลย เพราะการดูแลสุขภาพเป็นหน้าที่ของตัวคุณเอง
เริ่มต้นด้วยการใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น ใส่ใจกับสาระของคำว่า กินดี อยู่ดี ให้ถูกตามที่ควรเป็น ก็คือ กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หากิจกรรมสร้างสรรค์ที่ทำแล้วเสริมสร้างสุขภาพจิต เพราะแน่นอนว่า ลึกๆคุณอาจมีความเครียดจากสภาพเศรษฐกิจแฝงอยู่ หาโอกาสเดินทางไปเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ พัฒนาจิตใจ สมาธิ ที่จะช่วยเสริมสร้างสมรรถนะให้คุณอย่างเต็มพร้อมทั้งกาย ใจ และสติปัญญา ซึ่งไม่เพียงเป็นการลงทุนที่จะได้ผลกำไรอย่างคุ้มค่าต่อตัวเอง แต่ยังสร้างความพร้อมในการทำงาน สร้างความสำเร็จในธุรกิจได้อย่างเต็มที่เมื่อโอกาสดีๆมาถึง

การลงทุนในตัวเองนั้นทำได้ตลอดเวลา แต่จะทำได้เต็มที่ในช่วงที่เศรษฐกิจเดินช้า เพราะคุณมีเวลาให้กับตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนซื้อสินทรัพย์ชั้นดีในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือการลงทุนด้านสุขภาพ ลงทุนพัฒนาความรู้ ลงทุนกับการสร้างสังคม/คอนเนคชั่น ซึ่งสามอย่างหลังนี้ ถือเป็นการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยง ให้ผลกำไรที่ยั่งยืน ทำให้ตัวคุณกลายเป็นสินทรัพย์ชั้นดีที่มีคุณค่าทั้งราคาที่สูงขึ้น พร้อมอัตราปันผลที่ดีเยี่ยมตลอดกาล  และเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาดี คุณก็มีความพร้อมเต็มที่สำหรับการไล่ล่าความสำเร็จแบบเหนือเมฆ ด้วยศักยภาพที่เหนือกว่าใคร
http://www.hiclasssociety.com/?p=57300
ขายตัวเองก็ไม่มีใครซื้อ
ขอบคุณครับ
ย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ คนค้าขายจุกกันมาก
ช่วงนี้ยอดขายลดลงน่ากลัวครับ ผลไม้ก็ปรับราคาขึ้นแพงกว่าปีที่แล้วเยอะครับหาเงินลำบากครับกว่าจะได้มา
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-7-26 07:47
ขายตัวเองก็ไม่มีใครซื้อ


ขนาดนั้นเลยหรอ
9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-9-2 06:49 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-8-29 07:12
ย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ คนค้าขายจุกกันมาก

หรือจะเป็นแผนล้างทุนใหม่

ก็อาจจะเป็นได้


ดองได้ดองไป สักวันเราจะเป็นปูเค็ม  
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2015-9-2 06:49
หรือจะเป็นแผนล้างทุนใหม่

ก็อาจจะเป็นได้

ล้างกันเยี่ยงนั้น ได้ตายกันทั้งประเทศนะครัช
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้