ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1942
ตอบกลับ: 5
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ตำนาน..ปู่โสมเฝ้าทรัพย์แห่งเขาเก้าเส้ง

[คัดลอกลิงก์]


ณ เมืองพัทลุงมีสามีภรรยาคู่หนึ่งอยู่ด้วยกันมาช้านานแต่ยังไม่มีลูก ทั้งสองพยายามบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้มีลูกสมความปรารถนา แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถมีลูกได้จึงพากันไปหาท่านสมภารที่วัด ท่านสมภารจึงแนะนำให้ไปหยิบก้อนกรวดที่ริมบ่อน้ำมาก้อนหนึ่ง แล้วให้นำไปห่อผ้าขาววางไว้ใต้หมอนตั้งจิตอธิษฐานขอลูก ไม่ช้าฝ่ายภรรยาก็ตั้งครรภ์กินอาหารได้มากผิดปกติ ยิ่งท้องแก่ยิ่งต้องเพิ่มอาหารมากขึ้น


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-7-7 17:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เมื่อคลอดทารกเป็นผู้ชายชาวบ้านแตกตื่นกันมาก เพราะทารกโตเกือบเท่าเด็ก 1 ขวบ และกินนมแม่อยู่ตลอดเวลา เด็กคนนี้โตวันโตคืนกินอาหารจุ น้ำนมของแม่ไม่พอเลี้ยงต้องต้มน้ำข้าวให้กินมื้อละ 1 กระทะ กินกล้วยครั้งละ 10 หวี ในที่สุดพ่อแม่ต้องยากจนลง จึงคิดที่จะฆ่าลูกชายเพราะไม่สามารถจะเลี้ยงต่อไปได้ เช้าวันหนึ่งพ่อจึงชวนลูกชายไปตัดฟืนในป่า พ่อลงมือโค่นต้นยางขนาดใหญ่พอต้นยางใกล้จะล้ม ก็เรียกลูกให้เข้ามารับจึงถูกต้นยางล้มทับจมลงไปในดิน พ่อคิดว่าลูกคงตายแล้วจึงกลับบ้าน ตกตอนเย็นลูกชายกลับแบกต้นยางกลับมาวางไว้ที่หน้าบ้าน ชาวบ้านแตกตื่นกันมาดูต่างเรียกชื่อเด็กชายคนนี้ว่า “นายแรง”
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-7-7 17:05 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ครั้งหนึ่งมีเรือสำเภาเข้ามาค้าขาย พ่อแม่คิดจะฆ่านายแรงอีกจึงได้ฝากนายแรงไปกับเรือสินค้า เรือแล่น ออกสู่ทะเลเป็นเวลาหลายวันอาหารที่มีอยู่จึงไม่พอกิน พ่อค้าจึงหลอกให้นายแรงลงไปจับปลาโลมา แล้วแล่นเรือหนีไป แต่นายแรงโชคดีพบเรือที่จมอยู่ใต้ท้องน้ำจึงกู้เรือนั้นขึ้นมาแล้วนั่งเรือกลับบ้าน พ่อแม่ของนายแรงเกิดสำนึกผิดที่คิดจะฆ่าลูกก็เลยเต็มใจเลี้ยงลูกถึงแม้จะประสบกับความยากจนก็ตาม นายแรงสงสารพ่อแม่ที่ตนเองเป็นต้นเหตุให้พ่อแม่ยากจนจึงรับอาสาทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าชาวบ้านจะขอความช่วยเหลือในเรื่องอะไร เพื่อแลกกับอาหารมาเลี้ยงพ่อและแม่

วันหนึ่งนายแรงจับโจรที่เข้ามาปล้นวัวควายในหมู่บ้านได้ถึง 4 คน ทำให้โจรกลุ่มอื่น ๆ หวาดกลัวไม่กล้าเข้ามาปล้นในหมู่บ้านนี้อีก นายแรงจึงเป็นที่รักของชาวบ้านทั่วไป และได้นำวัวควายมาให้นายแรงนำไปเลี้ยง นายแรงนำวัวไปเลี้ยงไว้ที่เชิงเขาลูกหนึ่งปัจจุบันเรียกว่า “เขาหลักโค” (อ.กงหรา จ.พัทลุง) ได้นำไก่ไปเลี้ยงไว้ที่เขาลูกหนึ่งอยู่ในอำเภอใกล้กันเรียกว่า “เขาหลักไก่” นำควายไปเลี้ยงไว้ที่เกาะใหญ่เรียกสถานที่นั้นว่า “คอกควายนายแรง” (อ.กระแสสินธิ์ จ.สงขลา)

หมู่บ้านที่นายแรงอยู่มักมีช้างป่าออกมาอาละวาดทำลายเรือกสวนไร่นาชาวบ้าน จ่าโขลงมีความดุร้ายมากออกมาถอนต้นไม้พังบ้านเรือนราษฎรอยู่เสมอ นายแรงรับอาสาจับช้างตัวนั้น แล้วโยนไปตกที่ จ.สงขลา กลายเป็นเขาลูกหนึ่งเรียกว่า “เขาลูกช้าง” (ปัจจุบันเรียกเขารูปช้าง) เมื่อพ่อแม่นายแรงเสียชีวิต นายแรงได้ย้ายไปอยู่ที่ “เขาหลักโค” (ต.โหนด อ.เมือง จ.พัทลุง) นายแรงเป็นคนที่ชอบกินเนื้อแลน (ตะกวด) วันหนึ่ง ๆ กินไม่ต่ำกว่า 10 ตัว มีอยู่วันหนึ่งนายแรงไปหาแลนที่ตะแพน เขาปู่เขาย่า ได้พบแลนยักษ์ตัวหนึ่ง นายแรงจึงขว้างด้วยมีดอีโต้หมายสังหารตัวแลนอันเป็นเมนูโปรดของเขา ต่อมาได้จึงเรียกสถานที่นั้นว่า “ทุ่งอ้ายโต้” แลนยักษ์ยังอึดไม่ยอมตกเป็นอาหารให้กับนายแรงโดยง่าย ได้วิ่งหนีผ่านบ้านลานแยะ บ้านพังดาน บ้านปากเลน เขาโต๊ะบุญ บ้านพังโย ทางที่แลนวิ่งผ่านกลายเป็นคลองชาวบ้านเรียกว่า “คลองห้วยแลน”

เจ้าแลนยักษ์เล็ดลอดเข้าไปทางใต้เขาพนมวังก์ ไปซ่อนตัวอยู่ในโพรงหินทางด้านทิศตะวันตกของเขาเมือง นายแรงขุดด้วยจอบโดยมีหมาช่วยขุดคุ้ยหิน ต่อมาชาวบ้านเรียกตรงนั้นว่า “หินรอยหมากัด” จนถึงเวลาเที่ยงวัน นายแรงยังจับแลนยักษ์ตัวนั้นไม่ได้ จึงใช้หมาไปเอาข้าวห่อที่บ้านเขาหลักโค ส่วนเขาก็ขุดต่อไป พอดีมีก้อนหินมหึมากีดขวางด้ามจอบ นายแรงจึงดันหินนั้นให้ออกห่างไปทางด้านทิศตะวันตก กลายเป็นเขาอีกลูกหนึ่ง ชาวบ้านเรียกว่า “เขารุน” ส่วนหินที่เกิดจากการขุดคุ้ยชาวบ้านเรียกว่า “ขี้จอบนายแรง” เมื่อนายแรงจับแลนยักษ์ได้ก็ฟาดเข้ากับเขาลูกหนึ่ง เลือดแลนยักษ์ไหลอาบหน้าผาเป็นสีแดงฉานจึงเรียกเขาลูกนั้นว่า “เขาแดง” (อ.เมืองพัทลุง)

นายแรงนำมีดอีโต้ที่ชำแหละแลนไปล้างเลือดที่คลองแห่งหนึ่ง คลองนี้จึงเรียกว่า “คลองอ้ายโต้” เขานำหนังแลนไปตากที่กลางทุ่งนาทางทิศตะวันตกของเขาพนมวังก์ ที่นั้นจึงมีชื่อเรียกว่า“ทุ่งขึงหนัง” (อ.ควนขนุน จ.พัทลุง) นายแรงไปเอาตะไคร้ที่เขาอีกลูกหนึ่ง ชาวบ้านเรียกว่า “เขาใคร” (อ.กงหรา จ.พัทลุง) นายแรงมักจะเดินทางไปเอาสิ่งของที่ตนต้องการในที่ไกลๆ เพราะเขาไปได้รวดเร็ว จึงไปตำน้ำพริกที่ อ.ปากพะยูน ที่ตรงนั้นจึงเรียกว่า “บางน้ำชุบ” แล้วนำเนื้อแลนไปจิ้มกินที่เขาอีกลูกหนึ่งชาวบ้านเรียกว่า “เขาจุ้มโจ” นายแรงนำเนื้อแลนที่เหลือไปฝากหมาของตัวเองแต่พบว่ามันขาดใจตายไปเสียแล้ว ที่คอยังมีข้าวห่อแขวนอยู่ภายหลังกลายเป็นหินชาวบ้านเรียกว่า “เขาหัวหมา” (อ.เมืองพัทลุง) ต่อมานายแรงเป็นห่วงควายที่นำไปเลี้ยงไว้ที่เกาะใหญ่ จึงออกเดินทางไปเกาะใหญ่ ได้หุงข้าวต้มไก่ที่แหลมแห่งหนึ่ง ต่อมาเรียกว่า “แหลมไก่ฟู” (อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง) แต่ลมพัดจัดไม่สามารถหุงข้าวต้มไก่ได้ จึงเลื่อนไปหุงที่ริมเนิน เมื่อกินอาหารเสร็จแล้วก็ทิ้งหม้อข้าวหม้อแกงไว้ที่นั่นเรียกสถานที่นั้นว่า “ควนตั้งหม้อ” (อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง)

ต่อมาเมืองขึ้นของไทยทางมลายูเกิดแข็งเมือง นายแรงอาสาไปรบศึกครั้งหนึ่งด้วย นายแรงเป็นกองหน้าบุกตะลุยข้าศึกจนได้รับชัยชนะ นายทัพฝ่ายไทยเห็นว่านายแรงมีฝีมือยอดเยี่ยมมีกำลังมากจึงแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมือง ครั้งนั้นทางเมืองนครศรีธรรมราชกำหนดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในเจดีย์ และจัดงานเฉลิมฉลองใหญ่โต บรรดา 12 หัวเมืองปักษ์ใต้ต่างนำเงินทองไปบรรจุในพระบรมธาตุ เมืองที่นายแรงเป็นเจ้าเมือง ก็เป็นเมืองขึ้นของนครศรีธรรมราชด้วย ประกอบกับนายแรงมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาจึงขนเงินทองเป็นจำนวนมากถึงเก้าแสนบรรทุกเรือสำเภา พร้อมด้วยไพร่พลออกเดินทางไปเมืองนครศรีธรรมราช

ขณะเดินทางเรือสำเภาถูกคลื่นลมกระหน่ำจนเรือชำรุดจึงเข้าจอดเรือที่ชายฝั่งหาดทรายแห่งหนึ่งเพื่อซ่อมแซมเรือ พอนายแรงได้ทราบข่าวว่าทางเมืองนครศรีธรรมราชได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเสร็จแล้ว นายแรงเสียใจมากจึงให้ไพร่พลขนเงินทองบรรจุไว้บนยอดเขาลูกหนึ่ง สั่งให้ลูกเรือตัดหัวของตนไปวางไว้ที่ยอดเขา จากนั้นนายแรงจึงกลั้นใจตาย ส่วนลูกเรือจำใจตัดหัวเจ้านายไปวางไว้บนยอดเขาตามคำสั่ง เขาลูกนี้ภายหลังเรียกว่า “เขาเก้าแสน” ต่อมาเรียกเสียงเพี้ยนไปเป็น “เก้าเส้ง” ก้อนหินที่ปิดทับอยู่บนยอดเขาเรียกว่า “หัวนายแรง”ชาวบ้านเชื่อว่าดวงวิญญาณของนายแรง ยังเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์อยู่ที่เขาเก้าเส้ง (อ.เมืองสงขลา) มาจนทุกวันนี้
ขอบคุณสำหรับตำนานสนุกๆ ครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้