สิบตรีฉกาจมีลูกสาวอยู่หนึ่งคนชื่องามตา มีรูปร่างหน้าตาสะสวย ประกวดนางนพมาศและเทพีส้มโอ ได้รางวัลเงินสดและขันน้ำพานรองมาแล้ว อายุ18 ปี กำลังสาวสะพรั่ง เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆทั้งหลาย แต่สาวเจ้าหมั่นหมายกับหนุ่มชาวสวนนครชัยศรีไว้แล้วอย่างเป็นทางการ หนุ่มๆพากันมาซื้อของแน่น เกี้ยวพาราสีไปตามทำนอง สาวเจ้าก็โอภาปราศรัยเอาใจให้ซื้อสินค้า ในจำนวนลูกค้าที่มาเที่ยวงาน มีตำรวจหนุ่มชื่อ ร.ต.ต.สกนธ์ อยู่กองปราบปรามได้มาเที่ยวงานทุกวัน เพราะบ้านอยู่ที่ทรงคะนอง ร.ต.ต.สกนธ์พอใจสาวงามตามาก เกี้ยวพาราสีแล้วให้คนส่งจดหมายไปสารภาพรัก งานวันสุดท้าย ร.ต.ต.สกนธ์มาถามงามตาว่าได้รับจดหมายหรือไม่ สาวงามจาก็ตอบว่า ''ได้เเล้วจ๊ะ แต่หมวดต้องเข้าใจนะจ๊ะว่า ฉันหมั่นกับเจ้าของสวนหนุ่มชาวนครชัยศรีไว้เเล้วไม่อาจจะรับรักใครได้อีก ขอบพระคุณอย่างยิ่งที่มีใจให้ฉัน'' ร.ต.ต.สกนธ์เป็นลูกชายโทนของเศรษฐีอิ่ม ที่มีอิทธิพลแถบทรงคะนอง เมื่อไม่ได้ตามตรอกออกตามประตู ด้วยความรักหน้ามืดก็คิดสั้นว่า หากใช้อำนาจเถื่อนฉุดเอาสาวงามตามาทำเป็นเมีย การหมั้นก็จะต้องสิ้นสุดลงและสาวงามตาก็จะเป็นของตัวเองตลอดไป จึงลาราชการนำลูกน้องมาด้วยสี่คนล้วนเป็นตำรวจมือดีที่เรียกกันว่า ''อัศวินมือปราบสามยอด'' มาวางแผนการฉุดสาวงามตา แต่ติดที่ว่าสิบเอกฉกาจ ซึ่งเป็นอดีตทหารผ่านศึก มีบารมีวิชาอาคม และเป็นที่รักของชาวบ้านคอยดูแลอยู่จึงบุ่มบ่ามไม่ได้ เพราะกิตติศัพท์ด้านคงกระพันและความใจถึงของสิบเอกฉกาจดังกระฉ่อน วันพระ 15ค่ำ สิบตรีฉกาจออกจากบ้านไปทำบุญที่วัดตาก้องแต่เช้า ร.ต.ต.สกนธ์มาคอยดักรอคอยจนสิบตรีฉกาจไปไกลเเล้วจึงปรากฏตัวออกมา ร้องเรียกสาวเจ้าให้ออกมาจากบ้าน สาวเจ้าออกมาดู เห็นร.ต.ต.สกนธ์กับพรรคพวกก็ตกใจ แต่ทำใจดีสู้เสือ ร้องเรียกให้มานั่งกินน้ำกินท่าก่อนจะปอกส้มโอหวานให้กินแต่ ร.ต.ต.สกนธ์พยักหน้าให้ลูกน้องเข้ามาล็อคตัวสาวงามตา เอามือปิดปากไม่ให้ร้องเรียกคนช่วย อุ้มเอาไปขึ้นรถจิ๊ปที่จอดรออยู่ จะขอตัดภาพกลับมาที่วัดตาก้อง พอสิบตรีฉกาจเข้าไปกราบหลวงพ่อที่กุฏิ หลวงพ่อแช่มก็บอกสิบตรีฉกาจว่า ''ไอ้กาจ มึงรีบกลับบ้านเร็ว ลูกสาวมึงกำลังมีเคราะห์หนัก แต่ไม่ต้องกลัวมึงไปทันแน่ กูทำให้น้ำมันในถังน้ำมันเป็นน้ำท่าไปแล้ว มันไปไหนไม่รอดหรอก เรื่อบุญมึงพักไว้ก่อน'' ทาง ร.ต.ต.สกนธ์ พอลูกน้องได้ตัวสาวงามตามาขึ้นรถเเล้ว ก็สตาร์ทรถแล่นออกไปห่างจากบ้านไม่ไกลนักเครื่องก็ดับ สตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ติด ร.ต.ต.สกนธ์ที่มีความรู้ด้านเครื่องยนต์ก็เปิดฝา
กระโปรงรถเพื่อตรวจดูเครื่องยนต์ แต่ไม่พบความผิดปกติ ทันใดก็ได้ยินเสียงลูกน้องร้องบอกว่า ''นาย...พ่อนางนี่มันวิ่งหน้าตั้งมาแล้วจะทำอย่างไรดี'' ร.ต.ต.สกนธ์สั่งให้เอาสาวงามตาซึ่งตอนนี้ถูกมัดมือมัดปากไว้เเล้วลงจากรถไปไว้ข้างทาง ด้วยเกรงว่าหากเกิดยิงกันจะถูกลูกหลง สิบตรีฉกาจมองเห็นรถจิ๊ปจอดอยู่ไม่ไกลจากบ้านนักก็วิ่งขึ้นไปบนบ้าน หยิบปืน พาลาเบลลั่มคู่มือติดมือลงมากระชากลูกเลื่อนขึ้นลำ ระลึกถึงหลวงพ่อเเช่มวัดตาก้องให้คุ้มครอง วิ่งลงจากบ้านไปที่รถ ปากก็ร้องตะโกนว่า ''ไอ้พวกหมาลอบกัด เล่นทีเผลอตอนกูไม่อยู่บ้าน มาเล่นงานลูกสาวกู คืนลูกสาวกูมา กูจะไม่เอาเรื่องพวกมึง'' ลูกน้องของ ร.ต.ต.สกนธ์ ยิงปืนสกัด แต่อานุภาพแห่งเหรียญหลวงพ่อแช่มวัดตาก้องก็สำแดงบารมีทำให้เเคล้วคลาด ลูกปืนไม่ถูกร่างกายของสิบตรีฉกาจแม้เเต่นัดเดียว พอได้ระยะฉกรรจ์ การดวลปืนระหว่างลูกน้องของ ร.ต.ต.สกนธ์กับสิบตรีฉกาจยังคงดำเนินต่อไป ลูกน้อง ร.ต.ต.สกนธ์สิบตำรวจเอก ถูกยิงตายคาที่สองศพ สิบตรีฉกาจถูกยิงเข้าที่สำคัญหลายนัด แต่กระสุนไม่ระคายผิว มีเเต่รอยจ้ำเขียวที่ตัวและรอยเสื้อขาดเป็นรูบริเวณที่กระสุนทะลวงเข้าไป ศพลูกน้องเตือนสติ ร.ต.ต.สกนธ์ว่า ศัตรูมีดีให้หนีเอาชีวิตรอด ประกอบกับว่าตอนนั้นมีชาวบ้านวิ่งออกมาดูกันมากขึ้น หากไม่เผ่นมีหวังถูกรุมประชาทัณฑ์ตายคาเท้า ร.ต.ต.สกนธ์กับลูกน้องที่เหลือต่างเผ่นกันป่าราบ ผู้ใหญ่บ้านมาเห็นสิบตรีฉกาจยืนถือปืนรอมอบตัว โดยมีศพของลูกน้อง ร.ต.ต.สกนธ์นอนตายอยู่สองศพ ชาวบ้านไปช่วยแก้มัดให้กับสาวงามตา เธอโผเข้ากอดพ่ออย่างดีใจ ร้องไห้ด้วยความดีใจ บอกว่าหนูเป็นหนี้ชีวิตพ่อ ชาตินี้ใช้ไม่หมด สิบตรีฉกาจบอกว่าไม่ใช่พ่อหรอกลูก หลวงพ่อแช่มท่านบอกพ่อให้มาช่วยต่างหาก หลังมอบตัวแล้วทางตำรวจท้องที่ได้ทำสำนวนส่งฟ้องศาลในข้อหาฆ่าคนโดยเจตนาแต่สิบเอกฉกาจได้ตั้งทนายสู้ว่าเป็นการป้องกันตัว ศาลสั้งสืบพยาน ทางจำเลยอ้างหลวงพ่อเเช่มเป็นพยาน ศาลจึงให้ออกหมายเรียกหลวงพ่อเเช่มมาเป็นพยาน อัยการนมัสการถามหลวงพ่อแช่มว่ารู้ได้อย่างไรว่าเกิดเหตุมีคนมาฉุดลูกสาวสิบตรีฉกาจ หลวงพ่อแช่มตอบว่า ''เพราะอาตมาศึกษาวิชาที่เรียกว่าสมถกรรมฐานได้ฌานสามารถรู้เหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาปัจจุบันและอนาคต หากอัยการสงสัยก็ให้ไปเปิดพระไตรปิฏกดู หรือนมัสการถามพระเถระผู้ใหญ่ดูก็ได้ว่าจริงไหม'' ครั้นหลวงพ่อเเช่มวัดตาก้องเบิกความเสร็จเเล้วก็เดินทางกลับวัด ศาลได้สืบพยานสองฝ่ายเเล้วนัดตัดสิน สิบตรีฉกาจถูกตัดสินประหารชีวิตในฐานะฆ่าคนตายโดยเจตนา เพราะทางผู้ตายเป็นตำรวจที่มาราชการ ส่วนที่อ้างว่าป้องกันตัวนั้นศาลเห็นว่าเกินกว่าเหตุ สิบตรีฉกาจถูกส่งมาไว้ที่แดนประหารเรือนจำบางขวาง ได้รู้จักกับข้าพเจ้าที่เป็นพี่เลี้ยงนักโทษข้าพเจ้าฟังเรื่องเเล้วก็เห็นใจ จึงช่วยเหลือทำเรื่องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาจากคำอุทธรณ์ที่ข้าพเจ้าช่วยทำ มีการสืบพยานเพิ่มตามคำอุทธรณ์ |