ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 16810
ตอบกลับ: 24
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

พระโพธิสัตว์คาถา

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-7-2 06:11

พระคาถา พระโพธิสัตว์








ต้นทุนแห่งบุญกุศลที่พระโพธิสัตว์

ท่านสั่งสมไว้นั้นไม่ได้หายไปไหน

ยังมีให้ชาวพุทธเราพึ่งพาได้อยู่ตลอด

เมื่อยามที่เราอยู่โดดเดี่ยว

สู้ปัญหาอยู่เพียงลำพังก็อย่าเพิ่งคิดว่าไม่มีใคร

แม้ผืนแผ่นดินที่ว่ากว้างใหญ่ไพศาลนี้ก็ยังเต็มไปด้วย

ซากสังขารที่พระโพธิสัตว์เคยสละชีวิตเพื่อสรรพสัตว์

มาแล้วนับไม่ถ้วน แล้วจะกลัวไปไย.




โดย ชลี
พุทธการกธรรม ธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า

        คนสมัยก่อนเล่าขานพรรณนาตำนานการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์กันไว้อย่างพิสดารว่า

        ไม่ว่าจะเอานิ้วมือหรือเข็ม จิ้มลงไปในผืนแผ่นดิน ณ ที่แห่งใดก็ตาม  ไม่มีสักครั้งหรือไม่มีที่สักแห่งเดียวที่จะไม่ใช่เป็นที่ของซากสังขารอันพระโพธิสัตว์ได้เสวยชาติ เกิดแล้วตายเล่า นับไม่ถ้วน อุทิศชีวิตสั่งสมพุทธบารมีเพื่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย



        คำเล่าขานพรรณนาจะเกี่ยวเนื่องด้วยข้อเท็จจริงในทางใดบ้างนั้นเราไม่อาจทราบได้ แต่ถ้าหากพรรณนาถึง น้ำใจอันวิเศษสุด ของพระโพธิสัตว์ที่สั่งสม พุทธการกธรรม(ธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า)
แล้ว ก็น่าจะทำให้เรารำลึกถึงความเป็นพระโพธิสัตว์และพระคุณอันนั้นได้บ้าง




        คนโบราณมีความเชื่อในลักษณะที่ว่า เหล่า เวไนยสัตว์ หรือ สัตว์ที่สั่งสอนได้ ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องและเกิดในร่มพระบารมีของพระพุทธเจ้า ย่อมสามารถจะน้อมเอาพระบารมีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งและรวมถึงสามารถน้อมเอาพระบารมีของพระองค์ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเสวยชาติเป็นพระโพธิสัตว์นั้นมาเป็นที่พึ่งอีกด้วย ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะว่าในแต่ละพระชาตินั้นมีความพิเศษและโดดเด่นที่หลากหลายแตกต่างกันในพระบารมีแต่ละด้าน





        พระเจ้าสิบชาติ หมายถึงสิบพระชาติหลังตามลำดับจนถึงสุดท้ายก่อนที่มาถึงชาติที่เป็น พระสิทธัตถะ อันได้แก่ พระเตมีย์ พระมหาชนก พระสุวรรณสาม พระเนมิราช พระมโหสถ พระภูริทัต พระจันทกุมาร พระพรหมนารอท พระวิทูรย์บัณฑิต และ พระเวสสันดร  มีความโดดเด่นคือความครบถ้วนบริบูรณ์ในพระบารมีทุกด้าน  


คนโบราณถอดอักขระออกมาเป็น หัวใจทศชาติ คือ

เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-2 05:56 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-7-2 06:05

มีกินมีใช้

        เมื่อครั้งที่ยังทำงานราชการนั้น ผู้เขียนมีเพื่อนร่วมงานท่านหนึ่งซึ่งมีคาถาประจำตัวว่า เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว หรือที่เรียกว่า หัวใจทศชาติ  ท่านผู้นี้แม้ว่าจะมีตำแหน่งหน้าที่เป็นผู้น้อยเพราะวุฒิการศึกษาต่ำ แต่ก็เป็นคนมีอยู่มีกินไม่ขาด แถมยังมีแบ่งปันเผื่อแผ่ให้ลูกหลานได้ตลอด เวลามีเรื่องร้ายๆเข้ามาในชีวิตก็สามารถเอาตัวรอ
ต้นทุนบุญกุศล



        ถ้าศึกษาพระคาถาโบราณ เรามักจะพบข้อความบรรยายอานุภาพของพระคาถาในทำนองว่า “...กินมิรู้สิ้นแล.....” หรือ “...ใช้ได้สารพัด.....ฝอยท่วมหลังช้าง.....”  หากพิจารณาโดยรวมหรือความหมายโดยนัยก็พอจะประมวลได้ว่า คนโบราณท่านน่าจะหมายถึง พระคุณหรืออานุภาพอันไม่มีประมาณนั่นเอง



        อันที่จริงก็น่าจะเป็นเช่นนั้น  อย่าว่าแต่ความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถาเลย  แค่คนเรานึกถึง ความเพียรแหวกว่ายน้ำอยู่กลางมหาสมุทรที่มองไม่เห็นฝั่งของพระมหาชนก หรือ ความเพียรของกระแตโพธิสัตว์ที่เอาหางชุบน้ำไปสลัดบนฝั่งเพื่อค้นหาลูกน้อยที่จมในทะเล ก็เป็นต้นทุนกำลังใจเหลือที่จะกล่าวอยู่แล้ว




        กล่าวกันว่า ต้นทุนแห่งบุญกุศลที่พระโพธิสัตว์ท่านสั่งสมไว้นั้นไม่ได้หายไปไหน ยังมีให้ชาวพุทธเราพึ่งพาได้อยู่ตลอด
        ฉะนั้น ในยามใดที่คนเรารู้สึกว่าโลกนี้มันช่างขัดสนแล้งเข็ญขาดบุญกุศลเกื้อหนุนเสียเหลือเกิน ก็ลองรำลึกถึงคุณของพระโพธิสัตว์หรือพระคุณแต่อดีตชาติของพระพุทธบิดาของเราดูบ้าง  เมื่อยามที่เราอยู่โดดเดี่ยวสู้ปัญหาอยู่เพียงลำพังก็อย่าเพิ่งคิดว่าไม่มีใคร  แม้ผืนแผ่นดินที่ว่ากว้างใหญ่ไพศาลนี้ก็ยังเต็มไปด้วยซากสังขารที่พระโพธิสัตว์เคยสละชีวิตเพื่อสรรพสัตว์มาแล้วนับไม่ถ้วน แล้วจะกลัวไปไย




        บางที่เราก็อาจพบว่า การที่เรายังมีวิบากกรรมส่งผลอยู่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีบุญรอช่วย เพียงแต่สัตว์โลกต้องรับผลแห่งกรรมเป็นธรรมดาเท่านั้น  ขอเพียงเราตัดใจละเหตุแห่งบาปอกุศลและสู้อดทนอยู่ในความสุจริตต่อไป บุญเก่าของเราพร้อมทั้งบุญกุศลแห่งพระโพธิสัตว์ที่ท่านสั่งสมไว้ไม่มีประมาณก็พร้อมที่จะไหลหลั่งพร่างพรูเข้ามาช่วยหล่อเลี้ยงอยู่แล้วทุกเวลา



ดผ่านไปได้ด้วยดี  เคยถามว่ามีคาถาอะไรดีขอให้บอกกันบ้างก็ได้รับคำตอบว่าบทนี้  ไม่ว่าจะถามกี่ครั้งๆท่านก็บอกเหมือนเดิมว่ามีอยู่บทเดียวนี่แหละ  ตอนที่ท่านเกษียณอายุก็ได้ข่าวว่าได้รับมรดกเป็นที่ดินอีกแล้ว ทั้งที่ตัวท่านเองก็ดูว่าไม่ได้ต้องการไปทวงสิทธิ์ยื้อแย่งแข่งขันกับใคร
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-2 05:57 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-7-2 06:06

อานุภาพพระคาถา

        พระคาถาหัวใจทศชาตินี้ ตามอุปเท่ห์วิธีใช้แต่โบราณกล่าวไว้ว่าใช้ได้สารพัดทั้ง เมตตา คงทน แคล้วคลาด  ใช้ทำน้ำมนต์ปัดเป่าถอนแก้  ทำน้ำมนต์ปะพรมเรือกสวนไร่นากันสัตว์รบกวนพืชผล  บางตำราทำเป็นยันต์มีทั้งแบบใช้ทางด้าน คงทน เมตตา และลาภผล  บางตำราระบุว่าผู้ใดหมั่นเจริญภาวนาจะเจริญสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลในชาตินี้และตายไปในภพหน้าจะได้พบพระศรีอาริย์



อัศจรรย์แห่งพระโพธิสัตว์

        เนื่องจากพระบรมโพธิสัตว์ย่อมจะบำเพ็ญบารมีไปจนถึงถึงขั้นสุดยอด(ปรมัตถปารมี)ในพุทธการกธรรม อานุภาพอันยอดยิ่งวิเศษสุดจึงดำรงอยู่คู่กัปคู่กัลป์ ดังอานุภาพของ วัฏฏกะปริตร ที่ ลูกนกคุ่ม ทำสัจกิริยาแต่ครั้งอดีตกาล ก็ยังคงมีผลทำให้บริเวณนั้นไฟไม่อาจจะลุกไหม้หรือแม้จุดไฟก็ไม่ติดไปตลอดชั่วกาลนานของภัทรกัป  ในสมัยต่อๆมาเมื่อพุทธศาสนิกชนสวดสาธยาย วัฏฏกะปริตร ก็ยังคงมีอานุภาพป้องกันไฟอยู่ตลอดกาล  แม้พระคาถา หัวใจนกคุ่ม คือ สุ โป กัญ จะก็มีอานุภาพป้องกันไฟมาตลอด




        แม้เมื่อครั้งเสวยชาติเป็น พญาเต่าเรือน ทรงทราบว่าผู้คนเรือแตกมาติดเกาะที่พระองค์จำศีลอยู่ เขาเหล่านั้นอดอยากหิวโหยจนถึงจะฆ่ากันเองเป็นอาหาร ทรงเกิดความสลดสังเวชในพระทัยใคร่จะช่วยหมู่คนเคราะห์ร้ายให้พ้นทุกข์และเพื่อเป็นการบำเพ็ญพระบารมี จึงทรงไต่ขึ้นไปบนยอดเขาปล่อยพระองค์ให้กลิ้งตกลงมาถึงดินทำกาลกิริยาชีพแตกดับ  หมู่คนเหล่านั้นก็ได้อาศัยเนื้อพญาเต่าบริโภคพ้นความตายโดยไม่ต้องฆ่ากันเอง  จากนั้นยังได้ใช้กระดองเต่า ทำเป็นเรือแล่นใบกลับสู่บ้านเมืองโดยสวัสดี  ด้วยพระคุณอันวิเศษยิ่งใหญ่ของพญาเต่าเรือน โบราณาจารย์ในสมัยต่อมาจึงสอนว่าให้ระลึกเอาพระคุณเป็นที่พึ่ง  เมื่อยามได้รับเคราะห์กรรม โทษทัณฑ์ เป็นถ้อยร้อยคดีความ ให้ระลึกถึงพระคุณของพญาเต่าเรือนขอบุญบารมีให้ท่านช่วยให้พ้นทุกข์


โดยภาวนาพระคาถาหัวใจพญาเต่าเรือน คือ นา สัง สิ โม หรือ นา สัง สิ โม  ภะ คะ วา นา โถ  สะ สิ โม  พุท โธ ภะ คะ วา


ก็จะพ้นจากทุกข์ได้  อนึ่ง พระคาถานี้ยังใช้ภาวนาระงับความโกรธของคนทั้งหลายได้ด้วย  แม้ว่าใครจะโกรธเกลียดสักเท่าใด ภาวนาพระคาถานี้เข้าไปหา ความโกรธเกลียดก็จะมลายหายไปสิ้น

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-2 05:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-7-2 06:08

พระคาถาพญาไก่เถื่อน

          เวทาสากุ  กุสาทาเว    ทายะสาตะ  ตะสายะทา
          สาสาทิกุ  กุทิสาสา    กุตะกุภู  ภูกุตะกุ



        พระคาถานี้ ได้เมื่อครั้งที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพญาไก่เถื่อน  มีอานุภาพมาก  ผู้ใดสวดภาวนาเป็นนิจสิน จะเกิดลาภยศมิรู้ขาด ทำมาค้าขึ้น จะทำไร่ทำสวนก็เจริญงอกงามดี ทั้งทำให้บังเกิดสติปัญญาด้วย  ถ้าเดินทางไปทางบกหรือเข้าป่าให้สวดภาวนาไว้ คลาดแคล้วโพยภัยอันตรายดีนักแล




       อนึ่ง ในพงศาวดารตอนต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ยังได้จารึกไว้ว่าเป็นพระคาถาประจำตัวของ สมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)ด้วย



       ผู้เขียนทราบมาว่ามีท่านที่เคยสวดพระคาถานี้เป็นประจำบอกว่า ได้รับผลจนทำให้เชื่อว่า เป็นพระคาถาที่ช่วยทำให้เกิดสติปัญญาเฉลียวฉลาด


คาถาพญากาน้ำ

        เทวากานิ  นิกาวาเท    วาหิกาสุ  สุกาหิวา
          กากาเรภะ  ภะเรกากา นิสุภะยะ  ยะภะสุนิ
*



       พระคาถานี้ ได้เมื่อครั้งที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพญากาน้ำ  

มีอานุภาพเช่นเดียวกับพระคาถาพญาไก้เถื่อน ผิดกันแต่ว่าถ้าเดินไปทางน้ำให้สวดพระคาถานี้


มิ่งขวัญและจิตวิญญาณแห่งพระศาสนา



        
พระคาถาโบราณอันเนื่องด้วยพระโพธิสัตว์ คือรากเหง้าอันเปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของมิ่งขวัญและจิตวิญญาณแห่งพระศาสนาที่ควรดำรงไว้  ทำให้อนุชนรุ่นหลังได้แยกแยะเข้าใจว่าการนับถือบูชาสัญลักษณ์เกี่ยวกับสัตว์ของชาวพุทธ มิใช่แบบงมงายถือเอาสัตว์เดรัจฉานเป็นที่พึ่ง แต่เป็นการรำลึกบูชาพระคุณแห่งพระโพธิสัตว์อันมีประมาณในพระชาติต่างๆ คือคุณแห่ง พุทธการกธรรม นั้นเป็นสำคัญ




นไม่ที่มา..http://writtenbychalee.blogspot.com
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-2 06:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-7-2 06:19

ประวัติเจ้าแม่กวนอิม







พระโพธิสัตว์กวนอิม ของพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เป็นองค์เดียวกันกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ในภาษาสันสกฤต มีกำเนิดจากพระสูตรมหายานของอินเดีย และได้ผสมผสานกับความเชื่อถือดั้งเดิมของชาวจีน เป็นตำนานเกี่ยวกับเรื่องพระธิดาเมี่ยวซ่าน จึงเกิดเป็นเจ้าแม่กวนอิมโพธิสัตว์ในภาคสตรีขึ้นเพื่อแสดงออกถึงความอ่อนโยน และแสดงถึงความเมตรากรุณาให้เด่นชัดยิ่งขึ้น พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เมื่อไปโปรดพวกที่โหดร้ายใจอำมหิตก็จะแปลงกายเป็น เทพที่มีร่างกายสูงใหญ่ หน้าตาดุร้าย แต่ถ้าไปโปรดในหมู่ผู้หญิงก็จะแปลงกายเป็นหญิงที่สวยงามที่สวยงามที่สุดและ มีเสน่ห์มากที่สุดมากกว่าซะอีก ถ้าไปโปรดคนที่มีอำนาจในหมู่พระยามหากษัตริย์ก็จะแปลงกายเป็นเจ้าชายผู้สูง ศักดิ์ หรือผู้มีอำนาจที่มากกว่า จึงโปรดสัตว์ได้ผล เจ้าแม่กวนอิมโพธิสัตว์เป็นปรางหนึ่งของพระอวโลกิเตศวรแสดงถึงความรักที่มี ต่อทุกชนชั้น      



พระโพธิสัตว์กวนอิม (ประสูติวันที่ 19 เดือน 2 ของจีน) ชาติสุดท้ายเป็นราชธิดานาม เมี่ยวซ่าน เดิมเป็นเทพธิดาจุติมายังโลกมนุษย์เพื่อปลดเปลื้องทุกข์ภัยแก่มวลมนุษย์ เป็นราชธิดาองค์ที่ 3 ของกษัตริย์เมี่ยวจวง ตอนเยาว์วัยเป็นพุทธมามะกะ รู้แจ้งในหลักธรรมอย่างลึกซึ้ง ตั้งพระทัยแน่วแน่ว่าจะบำเพ็ญภาวนา เพื่อต้องการหลุดพ้นจากสังสารวัฏ และออกบวชในที่สุดในวันที่ 19 เดือน 9


แต่พระบิดาไม่เห็นด้วย แต่ต้องการให้แต่งงานกับผู้ที่พระองค์ทรงเลือกให้ แต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านไม่สนพระทัย เพราะมีพระทัยแน่วแน่ที่จะปลดเปลื้องทุกข์ให้แก่มวยมนุษย์ แม้จะถูกพระบิดาดุด่าและทรมานอย่างไรก็ไม่ย่อท้อ และไม่เคยโกรธเคือง     


ต่อมาองค์หญิงเมี่ยวซ่านได้ถูกขับออกจากวังไปทำงานหนักในสวนดอกไม้เช่นต้อง หาบน้ำ ปลูกต้นไม้ เพื่อต้องการให้ท่านเปลี่ยนใจ แต่ก็มีรุกขเทวดามาช่วยทำแทนให้ทุกอย่าง เมื่อพระบิดาเห็นว่าไม่ได้ผลจึงรับสั่งให้หัวหน้าแม่ชี นำองค์หญิงเมี่ยวซ่านไปอยู่ที่วัดนกยูงขาว และให้ทำงานทั้งหมดของวัดแต่ผู้เดียว แต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านกลับยิ่งมีพระทัยเด็ดเดี่ยวและมั่นคงไม่หวั่นไหว พระบิดาก็ยิ่งกริ้วโกรธมากยิ่งขึ้น รับสั่งให้ทหารเผาวัดจนกลายเป็นจุณ พร้อมกับแม่ชีทั้งวัด แต่องค์หญิงเมี่ยวซ่านกลับปลอดภัย



พระเจ้าเมี่ยวจวง (พระบิดา)ทรงทราบดังนั้น จึงรับสั่งให้นำตัวราชธิดาไปประหารชีวิต แต่เทพารักษ์ที่คอยคุ้มครององค์หญิงกลับช่วยเหลือคุ้มครองโดยเนรมิตทองทิพย์ เป็นเกราะคุ้มครอง ไม่ว่าอาวุธใดก็ไม่ระคาย อาวุธร้ายใดๆก็ไม่ระคายผิวถึง 3 ครั้ง 3 ครา พระบิดายิ่งทรงกริ้วหนักยิ่งขึ้น โดยเข้าพระทัยว่านายทหารไม่กล้าประหารจริง จึงสั่งประหารเหล่าทหารเหล่านั้นแทนทั้งหมด แล้วรับสั่งให้จับเจ้าหญิงไปแขวนคอ ทว่าผ้าแพรที่แขวนคอก็ขาดสะบั้นอีกเช่นเคย ทันใดนั้นปรากฏว่ามีเสื่อเทวดาตัวหนึ่งใหญ่โตมาก ได้มาคาบองค์หญิงและหลบหนีไปที่เขาเซียงซัน ต่อมาเทพไท่ไป๋ได้แปลงร่างเป็นชายชรามาโปรดเจ้าหญิง คือได้ชี้แนะเคล็ดลับของการบำเพ็ญเพียร ดับทุกข์ จนที่สุดได้สำเร็จมรรคผล เป็นผลสำเร็จในวันที่ 19 เดือน 6 ส่วนพระราชบิดาเข้าพระทัยว่าเจ้าหญิงเมี่ยวซ่านถูกเสือคาบไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ ใจต่อมาบาปกรรมที่พระองค์ได้ก่อไว้ส่งผลเกิดป่วยเป็นโรคประหลาดร้ายแรงไม่ สามารถที่จะรักษาได้ เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านได้ทราบข่าวด้วยญาณวิพีว่าพระบิดากำลังประสพเคาะห์ กรรมอย่างหนัก ด้วยความกตัญญูเป็นเลิศไม่เคยถือโกรธ และทรงได้สละดวงตาและแขนทั้งสองข้าง เพื่อรักษาพระบิดาจนหายจากโรคร้าย และต่อมาภายหลังท่านได้สำเร็จมรรคผลเป็นพระอรหันต์ได้ดวงตาและแขนคืนกลับมา



   ชาว ไทยเชื้อสายจีนในเมืองไทยรู้จักและนับถือเจ้าแม่กวนอิม (กวนอิมเนี้ย) มากที่สุดองค์หนึ่งในบรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจีน เนื่องจากเจ้าแม่กวนอิมมีจิตเมตตาสูงไม่สนใจลาภ ยศ สรรเสริญใดๆจึงจัดสร้างตัวแทนเจ้าแม่กวนอิม ออกมาบูชาหลายรุ่นหลายแบบ เพื่อเป็นศิริมงคลกับตนเองและครอบครัว ป้องกันคนที่เกิดปี,เดือน,วันและเวลาชงเจ้าแม่กวนอิมรุ่นที่ฮือฮาและ ถูกกล่าวขานกันมากที่สุดคือรุ่นซาฮะหรือไตรภาคี(รุ่นไตรลักษณ์) คือ

1. ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีความไม่เที่ยงแท้คือมีเกิดขึ้น,ตั้งอยู่และดับ ไป (เมื่อมีเคาะห์แก้ไขได้)

2. ความเป็นทุกข์หมายถึงทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ต้องเปลี่ยนแปลง (สิ่งที่ไม่ดีผ่านพ้นไปแล้วความมีโชคก็จะตามมา)

3. ความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรที่เป็นของเรา (บูชาไปให้คนอื่นได้)



ขอพรจากเจ้าแม่กวนอิม (ผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตา กรุณาดังความรักของมารดาที่มีต่อบุตร)ใคร ที่เคยทำความผิดต่อพ่อ,แม่ เช่นดุด่าว่ากล่าวหรือทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจและยิ่งถ้าทำให้ท่านต้องน้ำตา ไหลเพราะการกระทำของเราต้องถือว่ามีโทษหนัก ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะรักและให้อภัยกับลูกเสมอก็ตาม แต่ความผิดที่เราได้เคยทำไว้ก็จะคอยติดตามและหลอกหลอนทำให้เราไม่สบายใจติด ตัวเราไปตลอดชีวิต จึงสมควรที่จะต้องแก้ไขสิ่งที่ไม่ดีเหล่านี้ให้หมดไปหรือเบาบางลง โดยการกล่าวคำขอขมา




   การกล่าวคำขอขมาต่อคุณพ่อคุณแม่ โดยก้มลงกราบที่เท้าของท่านแล้วกล่าวว่า ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ที่ลูกนี้ได้กระทำความผิด โดยความประมาทพลาดพลั้ง ทั้งที่จงใจก็ดี ทั้งที่ไม่จงใจก็ดี ต่อหน้าก็ดี ลับหลังก็ดี รู้ก็ดีหรือที่ไม่รู้ก็ดี ขอให้คุณพ่อคุณแม่โปรดจงอโหสิกรรม ให้กับลูกด้วยเทอญ หรือนำเอาน้ำล้างที่เท้าคุณพ่อคุณแม่ไปอาบให้ทั่วตัวก็จะเป็นมงคลกับตนเอง และครอบครัวตลอดไป   ถ้าพ่อแม่อยู่ไกลหรือพ่อแม่ไม่อยู่ให้เราได้กราบไหว้ แล้ว ต้องทำความดีให้เหมือนกับพ่อแม่ของเรายังมีชีวิตอยู่อย่างน้อย 1 อย่าง หรือถ้าหากเชื่อว่าวิญญาณมีจริง ท่านต้องการให้คุณพ่อและคุณแม่มีความสุขสดชื่นแม้ตายแล้ว ให้คุณปฏิบัติดังนี้




คือถ้ารักคุณพ่อคุณแม่ ก็จงประคับประคองถนอมตัวให้ดี รักใคร่กลมเกลียวกันฉันพี่น้อง อย่าทะเลาะกัน ถ้ารักพ่อและแม่จริงก็ขอให้พวกพี่ๆช่วยทำหน้าที่ให้ถูกต้องทั้งยังต้องช่วย ทำหน้าที่แทนพ่อและแม่ คือช่วยดูแล น้องๆให้กับแม่ด้วย ให้เหมือนกับครั้งที่พ่อและแม่ยังมีชีวิตอยู่ พ่อและแม่ก็จะได้นอนตาหลับ คาถาประจำองค์เจ้าแม่กวนอิมมี 6 พยางค์ เป็นคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ คือ


" โอมมณี ปัทเม ฮุม"
ขอบคุณครับ
สาธุ ขอบคุณมากครับ _/\_
สาธุ
สาธุครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้