เมื่อนั้นพระพุทธองค์ก็ทำนายไว้อีกว่า “เมื่อเราตถาคตนิพพานไปแล้วจงได้เอาธาตุกระดูกข้อมือด้านซ้ายไว้กับพระเกศาในที่นี้เถิด” พระพุทธองค์ตรัสไว้เท่านี้ก็เสด็จไปยังเมืองแพร่ เมืองสาย เมืองสร้อยทรายขาว เมืองลี้ ดอยเกิ้ง ไปเมืองฮอด เมืองลำพูน เชียงใหม่ เมืองตืน เมืองยวมข้ามแม่น้ำสะโตง ท่าฮอนนครกุสินาราแล้วสด็จกลับเมืองสาวัตถีและประทับอยู่ ณ พระเชตวนอาราม พระพุทธองค์เสด็จออกโปรดเทศนาแก่มวลมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่เป็นเนืองนิตย์ จนพระชนมายุได้กว่า ๗๐ พรรษาพระพุทธองค์และพระอานนท์ได้เสด็จผ่านมายังนครนันทบุรีอีกครั้งหนึ่งและเสด็จประทับ ณ บนดอยภูเพียงใต้ร่มไม้สำโรง เมื่อนั้นยังมีพราหมณ์ผู้หนึ่งมาจากห้วยไคร้ผ่านมายังที่พระพุทธองค์เสด็จประทับอยู่ พราหมณ์ผู้นั้นได้ใช้ให้ข้าทาสชายกลับไปเอาลูกสมอที่แช่น้ำไว้เพื่อมาถวายแด่พระพุทธองค์ ข้าทาสชายได้ไปนานนัก เมื่อกลับมาท่านพราหมณ์ได้ถามว่า “ทำไมเจ้าถึงได้ไปนานนัก” ข้าทาสชายได้ตอบว่า “ลูกสมอที่แช่น้ำไว้แห้งเสียแล้ว” ว่าแล้วท่านพราหมรณ์ก็ได้นำลูกสมอถวายแด่พระพุทธองค์ ขณะนั้นมีแมงม่าเต้าตัวหนึ่งมาอยู่แทบเบื้องพระบาทพระองค์ พระพุทธองค์ก็ทรงแย้มพระสรวลขึ้น เมื่อนั้นพระอานนท์ได้ตรัสถามพระพุทธองค์ว่า “พระพุทธองค์ทรงพระสรวลด้วยเหตุใด” พระพุทธองค์จึงตรัสแก่พระอานนท์ว่า “ดูก่อนท่าอานนท์เมื่อเราตถาคตเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้วจงเอาธาตุกระดูกข้อมือซ้ายของเรามาสถิตย์อยู่ ณ ที่นี้เถิด ตราบเท่า ๕,๐๐๐ พระวรรษา บ้านห้วยไคร้จะได้ชื่อว่า เมืองนาน สถานที่บนดอยแห่งนี้จะได้ชื่อว่า แช่แห้ง แมงม่าเต้าตัวนี้จะเกิดเป็นเจ้าผู้ครองนครแห่งนี้ชื่อว่า ท้าวขาก่าน ท่านพราหมณ์ผู้นี้จะเกิดเป็นอุบาสกผู้หนึ่ง เพื่อช่วยท้าวขาก่านทำนุบำรุงพระศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป ” พระพุทธองค์ได้ตรัสทำนายเพียงเท่านี้และได้เทศนาโปรดท่านพราหมณ์ และสรรพสัตว์บริเวณนั้นเสร็จแล้วก็ได้เสด็จไปยังเมืองต่างๆอีกหลายเมืองและได้เสด็จกลับเมืองกุสินาราเมื่อพระชนมายุเกือบครบ ๘๐ พรรษา ก่อนที่พระพุทธองค์จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานพระพุทธองค์ได้เสด็จประทับอยู่ใต้ต้นรังและได้เสด็จดับขันธ์ในปีมะเส็ง ขึ้น ๑๕ ค่า เดือน ๘ พระจันทร์เสวยฤกษ์ดวงชื่อ วิสาขา พระชนมายุเต็ม ๘๐ พรรษา
เมื่อพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้วพระอรหันต์เจ้าทั้งหลายได้นำเอาพระธาตุเจ้าไปสถิตย์ไว้ตามที่ต่างๆตามที่พระพุทธองค์ทรงทำนายไว้ และ ณ สถานบนดอยภูเพียงนี้ก็เช่นกันพระอรหันต์เจ้าพร้อมกับชาวเมืองทั้งหลายก็ได้นำพระธาตุมาประดิษฐานโดยได้ขุดหลุมเป็นรูปสี่เหลี่ยมลึก ๒๐ วา กว้าง ๕ วา แล้วก่อกู่แก้วสูง ๓ วา คร่อมพระธาตุไว้และได้สร้างยนต์จักรเพื่อรักษาองค์พระธาตุและถมดินปิดหลุมให้เรียบดังเดิม
หลังจากที่พระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว ๒๑๘ ปี พญาอโศกราชกษัตริย์เมืองปาตาริบุตร แห่งชมพูทวีป มีใจใคร่สร้างพระธาตุเจดีย์ จำนวน ๘๔,๐๐๐ หลังไว้ทุกเมืองตราบจนมาถึงเมืองนันทบุรีก็พร้อมชาวเมืองทั้งหลาย ขุดหลุมเป็นรูป ๔ เหลี่ยม ลึก ๑๐ วา กว้าง ๕ วา แล้วนำพระธาตุที่พระเจ้าอโศกราชบรรจุในผอูปทองคำฝังไว้ ทั้งยังได้หล่อทองคำเป็นรูปสิงห์ไว้กลางหลุม และสร้างยนต์จักรล้อมพระธาตุไว้แล้วก็ได้ถมดินให้เสมอดังเดิมและก่อเจดีย์สูง ๓ วาคร่อมไว้
ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ปรากฏว่ามีกษัตริย์พระองค์ใดสืบทอดพระศาสนาปล่อยให้ป่าไม้ปกคลุม เจดีย์ก็ชำรุดทรุดโทรมพังทลายเสียหายหมด จวบจนเวลาผ่านไป ๑,๙๐๐ ปี
ตำนานประวัติพระธาตุแช่แห้งตอนพระพุทธทำนายก็มีเพียงเท่านี้แล
คำนมัสการพระธาตุแช่แห้ง
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 จบ)
ยา ธาตุภูตาอะตุลานุภาวา จิรังปะติฏฐิตานันทะกัปปะเก ปุเรเทเวนะ คุตตาวะระพุทธะธาตุง จิรัง
วันทามิหันตังชินะธาตุโย โสตะถาคะตัง
อะหัง วันทามิสัพพะทา อะหัง วันทามิ ทูระโต
|