หลวงพ่อดีเนาะ
เป็นเรื่องของหลวงพ่อวัดหนึ่ง ซึ่งขึ้นชื่อลือชากันว่า ท่านเป็นพระที่มีแต่
ความสุข ไม่เคยมีความทุกข์
วันหนึ่งโยมมานิมนต์ท่านไปเทศน์ที่บ้าน บอกท่านว่าจะมารับแต่เช้า หลวง
พ่อก็นั่งรอจนสาย โยมก็ไม่มาสักที หลวงพ่อก็ว่า " ไม่มาก็ดีเนาะ เราฉัน
ข้าวของเราดีกว่า " ฉันข้าวได้ไม่กี่คำ โยมก็มารับพอดี กราบกรานขอโทษที่
มาช้า เหตุเพราะว่ารถเสีย หลวงพ่อวางช้อน " อือ ก็ดีเนาะ ไปฉันที่งานเนาะ"
นั่งรถไปได้สักพัก เครื่องรถก็ดับอีก คนขับรถบอก " รถเสียครับ " หลวง
พ่อก็บอกว่า " ดีเนาะ ได้หยุดพักชมวิวเนาะ " คนขับซ่อมรถได้สักพัก ก็ออก
ปากขอให้หลวงพ่อช่วยเข็นรถ ความจริงหลวงพ่อก็แก่ ข้าวก็ฉันได้ไม่กี่คำ
แต่ท่านก็ยิ้มแล้วบอกว่า " โอ้ดีเนาะ ได้ออกกำลังกายเนาะ "
แล้วก็ขมีขมันออกแรงช่วยเข็นรถ จนวิ่งได้ไปถึงบ้านงาน เวลาเลยเที่ยง
หมดเวลาฉันไปแล้ว เป็นอันว่าวันนั้นหลวงพ่ออดข้าว เจ้าภาพก็ร้อนใจ อะไรๆ
ก็เลยเวลามานาน นิมนต์ท่านขึ้นเทศน์ทันที " ดีเนาะ มาถึงก็ได้ทำงานเลย
เนาะ" หลวงพ่อว่าแล้วก็ขึ้นธรรมาสน์เทศน์จนจบ มีคนชงกาแฟถวาย แต่
เผลอตักเกลือใส่แทนนำ้ตาล หลวงพ่อจิบกาแฟไปหนึ่งคำ แล้วก็บอกโยมว่า
" โอ้ดีเนาะ ดีๆ " แล้วก็วางไว้
ธรรมเนียมของหลวงพ่อที่หลังๆเวลาท่านฉันอะไร ลูกศิษย์ก็อยากได้บ้าง
ว่ากันว่าเป็นสิริมงคลดีนัก เรียงหน้ารอกันเป็นแถว แล้วลูกศิษย์คนแรกก็ดื่ม
กาแฟ ก็พ่นพรวดออกมา " เค็มปี๋เลยหลวงพ่อ ฉันเข้าไปได้ยังไง ! "
หลวงพ่อว่า " ก็ดีเนาะ ฉันกาแฟหวานๆมานาน ฉันเค็มๆมั่งก็ดีเหมือนกัน "
ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก ลมแรง นำ้ท่วม หรือคนด่า หลวงพ่อท่านมอง
ไปในแง่ดีได้หมด
มีลูกศิษย์ใกล้ชิดคนหนึ่งไปทำผิด ถูกจับไปติดคุก ท่านก็ว่า " ก็ดีเนาะ
มันจะได้ศึกษาชีวิต "
หลวงพ่อดีเนาะ เป็นเกจิอาจารย์มีชื่อที่ใครๆก็รู้จัก ท่านมีลูกศิษย์ลูกหา
และผู้เคารพนับถือ มีเรื่องเกี่ยวกับการบำเพ็ญบารมี และการประพฤติปฏิบัติ
ตนของหลวงพ่อ และเนื่องจากหลวงพ่อดีมีคนเคารพนับถือมาก จึงมีผู้มา
ถวายจตุปัจจัยข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่าแก่ท่านมากมาย ในกุฏิของหลวงพ่อดี
จึงมีข้าวของเงินทองที่เตะตา ล่อโจรให้อยากลองของมากมาย แต่ดูเหมือน
หลวงพ่อท่านไม่ค่อยจะสนใจวัตถุรอบกายของท่านแต่อย่างใด
อยู่มาวันหนึ่ง หลวงพ่อดีก็ถูกโจรที่ชอบปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์มากมาย ถือปืน
บุกเข้าประชิดตัวหลวงพ่อบนกุฏิ พร้อมทั้งประกาศว่า " นี่คือการปล้น อย่าได้
ขัดขืนนะหลวงพ่อ " หลวงพ่อก็ยิ้มกับโจรด้วยอารมณ์ดี และไม่มีอาการ
สะทกสะท้าน ท่านกล่าวกับโจรอย่างนิ่มนวลว่า " ปล้นก็ดีเนาะ " โจรชัก
แปลกใจในคำพูดและท่าทีของหลวงพ่อ โจรถามว่า " ถูกปล้น ทำไมว่าดีหละ
หลวงพ่อ " หลวงพ่อตอบว่า " ทำไมจะไม่ดีหละ ก็ข้าต้องทนทุกข์ทรมาน เฝ้า
ไอ้สมบัติบ้าๆนี่ตั้งนานแล้ว เอ็งเอาไปเสียให้หมด ข้าจะได้ไม่ต้องเฝ้ามันอีก "
แต่โจรก็ขู่อีกว่า " ไม่ใช่ปล้นอย่างเดียว ฉันต้องฆ่าหลวงพ่อด้วย เพื่อปิด
ปากเจ้าทรัพย์ " หลวงพ่อดีก็ตอบเหมือนเดิม " ฆ่าก็ดีเนาะ " โจรแปลกใจจึง
ถามว่า " ถูกฆ่ามันจะดีได้อย่างไรหละหลวงพ่อ " หลวงพ่อตอบว่า " ข้ามันแก่
แล้ว ตายเสียได้ก็ดี จะได้ไม่ทุกข์ร้อนอะไร " โจรรู้สึกอ่อนใจเลยบอกว่า
" ถ้าอย่างนั้น ฉันไม่ฆ่าหรอก " หลวงพ่อก็พูดเหมือนเคยว่า " ไม่ฆ่าก็ดีเนาะ "
โจรก็ถามอีกว่า " ทำไมฆ่าก็ดี ไม่ฆ่าก็ดีอีก " หลวงพ่อบอกว่า " การฆ่ามันเป็น
บาป เอ็งจะต้องชดใช้เวรทั้งชาตินี้และชาติหน้า อย่างน้อยตำรวจจะต้องตาม
จับเอ็งเข้าคุก เข้าตาราง หรือไม่ก็ถูกฆ่าตาย ตายแล้วก็ยังตกนรกอีก "
โจรเลยเปลี่ยนใจ " ถ้าอย่างนั้น ฉันไม่ปล้นหลวงพ่อแล้ว " หลวงพ่อดีก็
ตอบอีกว่า " ไม่ปล้นก็ดีเนาะ "
ในที่สุดโจรคนนั้นก็สำนึกบาป เข้ามอบตัวกับตำรวจ เมื่อพ้นโทษออกมาก็
ขอให้หลวงพ่อดีบวชให้ และบำเพ็ญศีลภาวนาตลอดมา ส่วนหลวงพ่อมีคนให้
ฉายาท่านว่า " หลวงพ่อดีเนาะ "
หลวงพ่อมองโลกในแง่ดี ไม่เคยจับผิดใคร ไม่เคยว่าใคร เจอปัญหาอะไรๆ
ก็พูดว่า " ดีเนาะ " จนกระทั่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จากพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวให้เป็น " พระเทพวิสุทธาจารย์สาธุอุทานธรรมวาที " ซึ่งแปลว่า
" ดีเนาะ "
( จากหนังสือ " จิตสงบ...พบธรรมะ )
ท่านคือ พระเทพวิสุทธาจารย์ ( หลวงปู่ดีเนาะ ) วัดมัชฌิมาวาส
อ. เมือง จ. อุดรธานี