“พวกท่านจงจำไว้ การที่จะไม่ให้ตายนั้นก็คือการที่ไม่ต้องเกิด วิธีที่จะไม่ต้องมาเกิดมีอยู่เพียงทางเดียวเท่านั้น คือทางแห่งธรรมะ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงชี้แนะทางสว่างอันแสนประเสริฐให้แก่พวกเราชาวพุทธเพื่อให้เจริญรอยตามแนวทางของพระองค์....” ว่ากันว่ามนุษย์เราหากคิดจะตัดใจต่อสิ่งใดแล้วไม่ใช่เรื่องอยากที่จะทำ อย่างเช่นการตั้งใจจะตัดกิเลสถือศีล ๕ ผมเชื่อว่าเพื่อนๆทุกท่านก็คงจะทำได้ แม้แต่การออกบวช หากเราตั้งใจจริงเราก็สามารถทำได้ แต่สิ่งที่ตัดออกยากจากจิตใจมนุษย์กลับเป็นเรื่องใกล้ตา ใกล้ตัว คือ.. “การตัดความรัก ความเป็นห่วงครอบครัว” “จริงอยู่เรื่องพวกนี้ตัดยาก แต่พวกท่านลองคิดดูสิ คนรักของท่านตายไป ท่านต้องตายตามไปหรือเปล่า พ่อแม่ของท่านตายไป ท่านต้องตายตามไปหรือเปล่า หรือแม้แต่ถ้าเราตายไป คนรัก หรือพ่อแม่เราคงไม่ตายตามเราไปหรอก...มีเยอะแยะไปที่คนอื่นเมื่อพ่อแม่เขาตายไป ลูกๆเขาก็สามารถครองตัวจนมีความเจริญรุ่งเรือง...” วัดถ้ำพรสวรรค์ ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาตะบองนาค ในสมัยที่หลวงพ่อธุดงค์เข้ามาจำพรรษา ยังคงเป็นป่ารกทึบและอยู่ห่างไกลจากชุมชนมาก บนเทือกเขาตะบองนาคจะมีถ้ำอยู่หลายแห่ง ซึ่งเป็นถ้ำรกร้างว่างเปล่าตลอดจนเป็นที่อยู่อาศัยของพวกค้างคาวและงู มีอยู่ครั้งหนึ่งหลังจากหลวงพ่อบิณฑบาตกลับมา ขณะที่ท่านกำลังนั่งฉันข้าวอยู่ที่หน้าผาปากถ้ำตะบองนาค ได้มีงูจงอางขนาดใหญ่มาชูคอแผ่แม่เบี้ยอยู่ตรงหน้าท่าน หลวงพ่อบอกพวกเราว่าท่านตกใจและกลัวมาก มีสองทางให้ท่านเลือกคือ "กระโดดหน้าผาเสี่ยงไปตายเอาดาบหน้ากับนั่งรอเวลาให้งูจงอางตัวนั้นเข้ามากัดท่าน..." “ภาวะช่วงนั้น ทำให้จิตของเราตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัว กำลังคิดอยู่ว่าการตายแบบไหนจะทรมานน้อยกว่ากัน... ก็ได้คิดว่าคนเราเกิดมาก็ตายทั้งนั้น บางคนคิดว่าเกิดมาแล้วก็ต้องเจริญเติบโต แต่พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสว่า “คนเราเกิดมาล้วนเดินไปสู้ความตาย”....” ครับในความเป็นจริง ความตายนั้นเราจะต้องการหรือไม่ต้องการ สวรรค์เขาก็กำหนดให้เรามาแล้วตั้งแต่เราเกิด ในความเชื่อชาวพุทธท่านว่าเมื่อคนเราปฏิสนธิ มันก็เริ่มต้นเดินทางไปสู่ความตายอยู่แล้ว เรียกว่าไม่ต้องไปเร่งวันเร่งคืนความตายก็มาเยือนอยู่แล้ว สิ่งที่ควรคำนึงคือขณะที่อยู่สิครับ เราควรจะทำอะไรกันดี.. ในระหว่างนั้นท่านมีความรู้สึกว่า.. “ความตายจะช่วยให้ท่านพ้นทุกข์พ้นกรรม”.. จึงได้แผ่เมตตาอยู่ในใจว่า หากท่านและงูจงอางตัวนั้นไม่เคยเป็นอริกันมาก่อน ขอให้งูจงอางตัวนั้นจงไปตามทางของเขาเถิด เมื่ออธิษฐานจบแล้วท่านจึงลืมตาขึ้น ก็พบว่างูจงอางตัวนั้นได้หายไปแล้ว ท่านจึงได้ฉันอาหารตามปกติแล้วจึงกลับเข้าไปในถ้ำเพื่อแผ่ส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ทำบุญใส่บาตรและสรรพสัตว์ทั้งหลายตามกิจของสงฆ์ต่อไป.. หลวงพ่อเล่าอดีตย้อนหลังให้พวกเราฟังถึงสาเหตุที่ท่านได้มาอยู่ที่เขาตะบองนาคแห่งนี้ว่า สมัยที่ท่านออกเดินธุดงค์ ท่านได้พบกับหลวงพ่อเลิน เจ้าอาวาสวัดน้ำวิ่ง อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ในระหว่างการสนทนาสมภารเลินได้แนะนำว่าที่เขาตะบองนาคแห่งนี้เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม เพราะมีความสงบและเป็นที่วิเวกดี เพราะคำว่า “ดี” ทำให้ท่านสงสัยว่า “ดี” นั้นคือดีอย่างไร... สมภารเลินได้ให้ลูกศิษย์พาหลวงพ่อมาที่ปากถ้ำเขาตะบองนาค เมื่อมาถึงลูกศิษย์ของสมภารเลินต่างรีบลากลับกันหมด ทิ้งให้ท่านอยู่เพียงลำพัง... หลวงพ่อจึงได้ตัดสินใจเข้าไปอยู่ในถ้ำ ซึ่งมีปากทางเข้าถ้ำที่แคบและเตี้ยมาก แต่เมื่อเข้าไปถึงกลางถ้ำกลับรู้สึกเย็นสบาย จึงได้ทดลองนั่งทำสมาธิ ก็รู้สึกชื่นฉ่ำ จิตของท่านดิ่งสู่สมาธิอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ออกมาจากถ้ำ เมื่อพบชาวบ้านที่เข้ามาหาของป่า จึงทราบว่าในถ้ำแห่งนี้เคยมีพระธุดงค์เข้ามาอยู่ แต่ก็ไม่เคยมีองค์ไหนที่อยู่รอดสักราย บางรายออกมาแล้วก็รีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว บางรายก็ออกมาเล่าว่าพอเข้าไปอยู่แล้วมีความรู้สึกว่าถูกรบกวนจากสิ่งลึกลับบางอย่างจนมีความรู้สึกว่ากลัวทำให้อยู่ไม่ได้... “คนเรานี้ที่กลัวอะไรต่อมิอะไรต่างๆนาๆนั้น หาได้กลัวในสิ่งเหล่านั้นไม่ แต่แท้จริงแล้วกลัวความตายนั่นเอง พวกท่านจงฟังไว้เมื่อเราบวชเป็นศิษย์ตถาคตแล้ว และตั้งใจจะออกเดินธุดงค์ด้วยความบริสุทธิ์ หากจะต้องตายด้วยเหตุใดๆก็ตาม เราก็จะต้องยอมรับความตายนั้นโดยดี และหากกุศลผลบุญของเรามีเท่านี้จะตายไปก็สมควรแก่กาลแล้ว...” ปิดตาสองรู ปิดหูสองข้าง ปิดปากเสียบ้าง จะได้นั่งนอนสบาย อันจิตมนุษย์ดุจดั่งลิงนิ่งไม่ได้ จงเตรียมจิตไว้เมื่อไม่สมอารมณ์หวัง ปากอย่าพูด ตาอย่าดู หูอย่าฟัง สติรั้งช่างเถิดประเสริฐนัก..... เชื่อว่าคำกลอนบทนี้เพื่อนๆหลายท่านคงจะเคยผ่านตา แต่สำหรับที่วัดถ้ำพรสวรรค์ คำกลอนบทนี้ถือว่าเป็นคาถาอาคมบทแรกสำหรับพระบวชใหม่ ที่หลวงพ่อจะมอบให้ไว้ป้องกันตนเองจากภัยอันตรายต่างๆ คาถาบทนี้หลวงพ่อบอกว่าจะไม่บังเกิดผลอันใดเลยหากพระทุกองค์ไม่ยอมปฏิบัติ หลวงพ่อท่านบอกว่าการที่พระบวชใหม่หลายๆรูปมาอยู่รวมกัน มันเป็นการเอาลูกของชาวบ้านเขามาเลี้ยง ต่างคนต่างจิตต่างใจต่างความคิด การสำรวมและระมัดระวังตัวอยู่ทุกอิริยาบถ จะช่วยให้บรรเทาความบาดหมางหรือหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง.. อย่างที่ผมพ่นให้ฟังแหละครับว่า ในระหว่างที่หลวงพ่อจำศีลปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำ ชาวบ้านแถบนั้นต่างมีศรัทธาอุปถัมภ์หลวงพ่อ ก็คงจะเป็นจังหวะเรื่องของ “เจ้าป่า” ที่อยู่ยงคงกระพัน หรือการที่หลวงพ่อสามารถอยู่ร่วมกับบรรดางูทั้งหลายโดยไม่มีอันตราย จะว่าไปแล้วคำเล่าลือดังกล่าวได้ขยายวงออกไปอย่างกว้างขวาง ทำให้ผู้ที่มีคตินิยมในด้านความขลัง มักจะแวะเวียนเข้ามากราบหลวงพ่ออยู่เป็นประจำ... “คนเราต้องการที่พึ่ง จึงต้องออกหาที่พึ่งพา วัตถุมงคลเป็นนามธรรมและรูปธรรม เป็นที่พึ่งทางใจให้กับญาติโยมได้เคารพนับถือ หากคิดให้ดีแล้ววัตถุมงคลจึงเป็นบ่อเกิดของกำลังใจ เหมือนกับคนเราอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ก็ต้องมาจากการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน |