•• เรื่องของ "ยาคูลท์" ••
สินค้าที่ผมเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ...คุณค่าในขวดเล็กๆที่คุณอาจยังไม่รู้ !!!
(แอดมินไม่เข้าใจนะ ว่าทำไมไม่เปลี่ยนขนาดขวดหรือสีสันรูปทรงของสินค้าบ้าง หรือถ้าขวดมันใหญ่กว่านี้มันจะกัดกระเพาะผมรึป่าวหนอ)
ยาคูลท์...คือเครื่องดื่มที่แอดมินเห็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้วนะ สมัยนั้นเห็นยังไง ปัจจุบันก็ยังเห็นอยู่เหมือนเดิมอย่างนั้น สิ่งที่เปลี่ยนไปคือราคาตามยุคสมัย
ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมแม่ผมถึงซื้อติดตู้เย็นให้ผมไว้ทานบ่อยๆ แม่ผมบอกแค่เพียงทานๆไปเถอะมันมีประโยชน์ อย่าถามมาก !!! > <
อืม..แล้วประโยชน์ของมันเป็นยังไง มีอะไรบ้าง ??
...พอโตขึ้นมา เมื่อมีเวลาว่างๆเลยหาคำตอบให้ตัวเอง
จึงใด้รู้ว่ามันเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจริงๆนั้นแหละครับ
เนื่องจากมีแบคทีเรียดี ที่จะช่วยให้เกิดภาวะสมดุลในระบบการย่อยอาหาร
ยาคูลท์มีกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ประมาณปี ค.ศ.1930 ดร.มิโนรุ ชิโรตะ (คศ.1899-1982) จากคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยเกียวโตประเทศญี่ปุ่น ได้วิจัยพัฒนายาคูลท์ขึ้นเป็นครั้งแรก ด้วยเหตุที่ว่าในช่วงเวลานั้น ชาวญี่ปุ่นประสบกับปัญหาเกี่ยวกับโรคที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหารเป็นจำนวนมาก เนื่องจากขาดสารอาหาร การสาธารณะสุขและสภาพเศรษกิจ และในระหว่างปี คศ. 1930-1935 ดร.ชิโรตะสามารถจำแนกแยกแบคทีเรียจากลำไส้คนได้ถึง 300 ชนิด
ดร.มิโนรุ ได้จำแนกแบคทีเรียที่สามารถอยู่รอดปลอดภัยจากการเดินทางผ่านช่องท้องและน้ำดีที่มีฤทธิ์เป็นกรดไปสู่ลำไส้เล็ก ที่ๆมันสามารถทำงานได้ในระบบย่อย แบคทีเรียแต่ละชนิดถูกทดสอบความทนทานต่อกรดและน้ำดี และแบคทีเรียตัวที่หนังเหนียวที่สุดก็คือ Lactobacillus casei shirota strain นั่นเอง
การดื่มยาคูลท์ ไม่ควรดื่มเกินวันละ 2 ขวด เนื่องจากแท้จริงแล้วยาคูลท์นั้นมิใช่ขนม แต่เป็นนมที่ผ่านการหมักบ่มกับน้ำตาลและน้ำ และผสมกับเชื้อแบคทีเรียฝ่ายธรรมะ ที่ชื่อว่า Lactobacillus casei shirota strain ดังนั้นถ้า เลคโตบาสิลัสมากไป มันอาจจะแย่งที่อยู่ ทีนี้ละก็บ้านที่มันอาศัย หรือก็คือท้องของเราเองก็จะถูกแลคโตบาสิลัสทำปู้ยี้ปู้ยำ
ยาคูลท์ทำงานอย่างไร
ร่างกายของคนเรานั้น เมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไป ลำไส้เล็ก จะบีบรัด เพื่อแปลงอาหารที่เรากินเข้าไปให้เป็นสารที่เป็นประโยชน์เพื่อรอการดูดซึมแต่ในขณะเดียวกันก็จะมีสารที่เป็นโทษหลุดรอดออกมาด้วย ซึ่งถ้าร่างกายเราสมดุลของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ ระบบย่อยอาหารของเราทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะขจัดสารพิษออกไป
แต่ถ้าความสมดุลในระบบย่อยอาหารของเราเสียไป สารพิษและสารอันตราย อาจถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้โดยง่าย ดังนั้นไอ้เจ้าแลคโตบาสิลัสก็เลยมาทำหน้าที่สร้างความสมดุลในระบบการย่อยอาหาร โดยเข้าไปแก้ปัญหาด้วยการปรับสมดุลของลำไส้ ช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของช่องท้องให้ สม่ำเสมอ ลดสารที่จะก่อให้เกิดความเสียหายที่ถูกผลิตโดยแบคทีเรียฝ่ายย่อยสลาย
การเก็บยาคูลท์ที่อุณหภูมิ 10 องศา จุลินทรีย์จะหลับ แล้วช่วงที่เราเอาออกมาดื่ม ณ อุณหภูมิห้อง 37-38 องศา มันจะตื่นก็พร้อมจะทำงานให้ร่างกายเราทันที
ถ้าตู้เก็บความเย็นไม่พอ หรือวางทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง จุลินทรีย์อาจมีปริมาณมากกว่าที่ระบุไว้ข้างขวด เพราะมันเติบโตขยายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ แต่ตัวพ่อตัวแม่จะเริ่มอ่อนแอลง เพราะออกลูกออกหลานจนเหนื่อย ....ฉะนั้นให้รีบดื่ม เพราะถ้าเราปล่อยให้ยาคูลท์ตากแดด จุลินทรีย์จะตาย ยังกินได้อยู่นะ แต่ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ...
ประโยชน์อย่างอื่นของยาคูลท์
ช่วยกำจัดกลิ่นในจุดซ้อนเร้นของผู้หญิง
มีหญิงสาวๆหลายคนที่กำลังประสบปัญหากับสิ่งนี้กับกลิ่นไม่พึงประสงค์จุดซ้อนเร้น ทำให้ขาดความมั่นใจ เคล็ดลับในการกำจัดกลิ่นซ่อนเร้นนั้นไม่ยากเลย กลิ่นจากจุดซ่อนเร้นนั้น เกิดได้จากที่เชื้อจุลินทรีย์ชนิดดีในช่องคลอดมีน้อยลง ซึ่งถูกทำลายโดยแบตทีเรียเลวจนเกิดเป็นกลิ่นออกมาในบางรายกลิ่นอาจจะแรงมาก แม้ในขณะเข้าใกล้ วิธีรักษาเพียงแค่เพิ่มเชื้อจุลินทรีย์เข้าไปทำลายแบตทีเรียที่เกิดอยู่โดยเชื้อจุลินทรีย์ชนิดดีที่ว่านี้ก็คือเชื้อ "แลคโตบาซิลัส" (Lactobacillus)ที่มีอยู่ในยาคูลท์นั่นเอง ดังนั้น เพียงแต่สาวๆทานยาคูลท์วันละขวด เพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีให้กับร่างกายให้เข้าไปทำลายแบตทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเท่านี้กลิ่นที่เพื่อนๆ ไม่พึงประสงค์ในจุดซ้อนเร้นก็จะหายไปเอง
วันนี้ใด้รู้จักยาคูลท์ที่มาและประโยชน์ของมันแล้ว แต่แอดมินดันลืมหาคำตอบว่าตกลงคนขายนั้น มีแต่สาวยาคูลท์ ไม่มีผู้ชายหรือหนุ่มยาคูลท์บ้างหรอ .... แต่อย่าไปสนใจเลยครับ 555
เอาเป็นว่าเราศึกษาแค่รู้ที่มา และประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพพอละกัน
สวัสดีครับ
-ภาพแห่งสยาม-
โพสต์ 2015-5-11 07:16
บุ๊คมาร์ก
เจ้าของ
