นาฬาคิรี
ภาพพุทธประวัติจากวัดพระรามเก้า
เมื่อพระเทวทัตวางแผนการประทุษร้ายต่อพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ประสบผลสำเร็จทั้ง ๒ ครั้ง ในครั้งที่ ๓ พระเทวทัตได้ติดสินบนแก่ควาญช้างเพื่อให้มอมเหล้าพญาช้างนาฬาคิรีด้วยสุราถึง ๑๖ กระออม จนพญาช้างเกิดความคลุ้มคลั่งแล้วปล่อยให้ไปทุษร้ายพระพุทธองค์ขณะเสด็จพุทธดำเนินบิณฑบาตโปรดสัตว์พร้อมเหล่าภิกษุสงฆ์สาวก
เหล่ามหาชนได้เห็นพญาช้างวิ่งทะยานมาตามถนนต่างรีบตะโกนบอกต่อ ๆ กันไปและหลบเข้าที่ปลอดภัย ขณะพญาช้างส่งเสียงกึกก้องโกญจนาทวิ่งตรงเข้าหาพระบรมศาสดา พระอานนท์เถระพุทธอุปัฏฐากเกรงอันตรายจะเกิดแก่พระพุทธองค์ จึงวิ่งออกมาขวางพญาช้างหมายน้อมถวายชีวิตพลีแด่พระศาสดา แม้พระผู้มีพระภาคาจะตรัสเรียกถึง ๓ ครั้ง แต่พระอานนท์ก็มิยอมถอยกลับ
พระอานนท์นั้นเป็นผู้มีความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอย่างยิ่ง ท่านยอมสละชีพของท่านเพื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ เมื่อช้างนาฬาคิรีวิ่งเข้ามาทางพระพุทธองค์ พระอานนท์จึงได้เดินล้ำมาเบื้องหน้าพระศาสดา ด้วยคิดหมายจะเอาองค์ป้องกันสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มีพระพุทธดำรัสให้พระอานนท์หลีกไป อย่าป้องกันพระองค์เลย แต่พระอานนท์ได้กราบทูลว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ชีวิตของพระองค์มีค่ายิ่งนัก พระองค์อยู่เพื่อเป็นประโยชน์แก่โลก เป็นดวงประทีปของโลก เป็นที่พึ่งของโลก ของพระองค์อย่าเสี่ยงกับอันตรายครั้งนี้เลย ชีวิตของข้าพระองค์มีค่าน้อย ขอให้ข้าพระองค์ได้สละสิ่งซึ่งมีค่าน้อยเพื่อรักษาสิ่งที่มีค่ามาก เหมือนสละกระเบื้อง เพื่อรักษาซึ่งแก้วมณีเถิดพระเจ้าข้าฯ”
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสว่า
“อย่าเลยอานนท์ บารมีเราได้สร้างมาดีแล้ว ไม่มีใครสามารถปลงชีวิตของตถาคตได้ ไม่ว่าสัตว์ดิรัจฉานหรือมนุษย์หรือเทวดามารพรหมใด ๆ”
ในขณะนั้นช้างนาฬาคิรีวิ่งมาจนจะถึงพระองค์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว พระบรมศาสดาจึงใช้พุทธปาฏิหาริย์บันดาลให้พญาช้างวิ่งเสไปทางอื่น แล้วทรงแผ่เมตตาตรัสเรียกพญาช้างนาฬาคิรีให้ได้สติสร่างเมาสิ้นพยศทรุดกายลงนั่งยกงวงขึ้นถวายอภิวาทแทบบาทพระศาสดา พระผู้มีพระภาคทรงยกพระหัตถ์ขวาลูบกระพองศีรษะพญาคชสารพร้อมประทานโอวาท ให้หยุดกระทำปาณาติบาตละเลิกความโกรธ มีเมตตา จิตสร้างบุญกุศลไม่คิดเบียดเบียน พร้อมกับตรัสว่า
“นาฬาคิรีเอ๋ย เธอกำเนิดเป็นดิรัจฉานในชาตินี้ เพราะกรรมอันไม่ดีของเธอในชาติก่อนแต่งให้เธออย่าประกอบกรรมหนัก คือทำร้ายพระพุทธเจ้าเช่นเราอีกเลย เพราะจะมีผลเป็นทุกข์แก่เธอตลอดกาลนาน”
พญาคชสารได้ฟังพระโอวาทเกิดตื้นตันใจหลั่งน้ำตาไหลรินอาบหน้า ก้มเศียรเกล้าวันทาแล้วถวายบังคมพระยุคลบาท น้อมรับฟังพระพุทธดำรัสด้วยอาการดุษฎี เดินกลับหลังไปสู่โรงช้างดังเดิม (ในคัมภีร์อนาคตวงศ์กล่าวว่า ในอนาคตกาลนับจากพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้าไป จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้อีกหลายพระองค์ และช้างนาฬาคิรี จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าพระติสสพุทธเจ้า)
เหล่ามหาชนต่างแซ่ซ้องพนมมือขึ้นสาธุการด้วยความปีติในพุทธปาฏิหาริย์
ในพุทธประวัติกล่าวไว้ว่า พระบรมศาสดาทรงทราบถึงการหมายประทุษร้ายของพระเทวทัตอยู่ก่อนแล้วด้วยข่าวนี้ได้รั่วไหลไปสู่มหาชนจึงต่างนำความมากราบทูลพระพุทธองค์ซึ่งเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร พร้อมทั้งขอให้พระผู้มีภาคและเหล่าภิกษุสงฆ์งดการบิณฑบาตเพื่อความปลอดภัย มหาชนต่างนัดหมายว่าจะนำภัตตหารมาถวายโดยพร้อมเพรียงกัน แต่ด้วยพระเมตตาปรารถนาที่จะโปรดพญาคชสารนาฬาศิรี พระพุทธองค์จึงนำเหล่าภิกษุสงฆ์ออกบิณฑบาตในเช้าวันนั้น แล้วจึงเสด็จกลับมารับไทยทานของเหล่ามหาชนผู้มีศรัทธา
|