ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2772
ตอบกลับ: 3
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

อาภัสรพรหม

[คัดลอกลิงก์]

โลกที่เราอยู่นี้คืออะไร?
โลกเกิดมาได้อย่างไร?
เราท่านเกิดมาได้อย่างไร?




พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสถึงวิวัฒนาการของโลกไว้ใน อัคคุญสูตร ซึ่งเป็นสูตรสำคัญสูตรหนึ่งใน คุมภีร์นิกาย สรุปใจความย่อๆมีใจความว่า


จักวาลนี้เดิมทีเป็นกลุ่มก๊าซไอน้ำ โลกเราก็เป็นกลุ่มก๊าซไอน้ำก้อนมหึมาก้อนหนึ่ง ในความเวิ้งว้างของอวกาศนั้น
มีสัตว์หมู่หนึ่งล่องลอยอยู่ไปมา ไม่มีร่างกาย มีแต่จิต ไม่ต้องกินอาหาร หากกินความปีติอิ่มเอิบใจเป็นอาหารจะเรียกว่าเสวยอารมณ์ทิพย์ก็ได้
สัตว์หมู่นี้ชื่อว่า อาภัสรพรหม มีแสงสว่างรัศมีในตัวเองคล้ายหิ่งห้อย แต่ทว่าแสงสว่างรุ่งเรืองกว่าหิ่งห้อยหลายร้อยหลายพันเท่า
ยุคนั้นเป็นยุคมืดตื้อ ไม่มีดวงอาทิตย์ไม่มีดวงจันทร์ไม่มีหมู่ดาวไม่มีกลางวันกลางคืน โลกและจักรวาลมีแต่กลุ่มก๊าซไอน้ำ
กาลนานมาพวกสัตว์ไม่มีร่าง มีแต่จิตเสวยอารมณ์ทิพย์พวกนี้ได้ล่องลอยมาเห็นโลกเข้าหรือจะเรียกว่าจุติมาก็ได้ ได้พบว่าบนผิวน้ำนั้นมีโอชะดินหรือง้วนดินลอยเป็นฝ้าอยู่เหนือน้ำเต็มไปหมด เหมือนผ้าที่อยู่บนผิวนมร้อนตอนที่มันเย็นลงนั้นแหละ
ง้วนดินนี้ระเหยขึ้นมาจากก้นทะเลด้วยอำนาจความร้อนภายในของโลก มีกลิ่นหอมหวนทวนลมยิ่งนัก
พวกอาภัสรพรหมเห็นเป็นของแปลกประหลาดจึงได้ลองลิ้มชิมรสง้วนดินดู พบว่ารสชาติหอมหวานยิ่งนัก (เข้าใจว่าคงจะยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้าละกระมัง)ต่างก็ติดอกติดใจรสชาติของง้วนดินเลยกินกันใหญ่ มีความหลงใหลในโอชะดินจนลืมคิดที่จะเหาะล่องลอยท่องเที่ยวไปในอากาศพากันเพลิดเพลินเจริญใจเสพโอชะง้วนดินไม่ไปไหน
เมื่อบริโภคง้วนดินนานๆเข้าก็ปรากฏเป็นรูปร่างหรือกายหยาบขึ้น รัศมีสีแสงในตัวก็หายไปทีละน้อยๆจนหมดสิ้นในที่สุดพอรัศมีหมดไปจิตหรือวิญญาณมีร่างกายหยาบครองด้วยวิตามินง้วนดินที่เสพเข้าไป ทำให้ไม่สามารถจะเหาะล่องลอยไปไหนมาไหนเหมือนหิ่งห้อยได้อีกต่อไปก็กลายเป็นสตัว์โลกไป
ตอนนี้เอง กลุ่มก๊าซไอน้ำทั้งหลายในห้วงจักรวาล ได้ก่อปฏิกริยาด้วยพลังงานสสารธาตุในตัวเองกลายเป็นลูกไฟดวงใหญ่มหึมาขึ้น จะเรียกว่าดาวฤกษ์ก็ได้ เรียกว่าดวงอาทิตย์ก็ได้ เมื่อเกิดดาวฤกษ์หรือดวงอาทิตย์ขึ้นก็เกิดดวงจันทร์ เกิดดวงดาวน้อยใหญ่ขึ้นตามมาด้วยกฎธรรมชาติของจักรวาลเอง โดยหาได้มีใครสร้างขึ้นมาไม่
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นมา โลกที่เต็มไปด้วยน้ำก็เริ่มระเหยกลายเป็นไอเพราะถูกแสงแดดแผดเผา
ตอนนี้อาภัสรพรหมที่หลงใหลติดใจในรสชาติง้วนดินได้กลายสภาพเป็นสัตว์น้ำ พวกแรกที่เกิดขึ้นในโลกแต่จะเป็นสัตว์อะไรนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสถึงรายละเอียดพระองค์ทรงกล่าวแต่เพียวว่าเป็นสัตว์ที่ยังไม่มีเพศ ยังไม่มีความรู้สึกในด้านกามโลกีย์
กาลนานต่อมาอีกไม่รู้เท่าไหร่ ความร้อนของดวงอาทิตย์ที่แผดเผา ทำให้น้ำในโลกระเหยจนงวดเข้า เกิดแผ่นดินงอกขึ้นมาเป็นทวีป
สัตว์กลุ่มแรกหรือพวกอาภัสรพรหมที่มาติดใจในรสชาติง้วนดินได้ขึ้นมาเป็นสัตว์บก วิวัฒนาการทางรูปร่างเปลี่ยนไปตามธรรมชาติสิ่งแวดล้อม นอกจากจะกินง้วนดินเป็นอาหารแล้ว ยังกินพืชพันธุ์อย่างอื่นที่งอกขึ้นมาจากพื้นดินหล่อเลี้ยงชีพ ทำให้ร่างกายก็แปลกเปลี่ยนไปเรื่อยๆอย่างช้าๆ
จนในที่สุดได้เกิดแบ่งเป็นเพศตัวผู้และตัวเมียขึ้น ความเป็นสัตว์โลกโดยมบูรณ์ได้เริ่มขึ้นตอนนี้เอง คือเป็นสัตว์มนุษย์ จากนั้นการสืบพันธุ์แพร่ขยายชาติเชื้อก็ดำเนินไปตามกฎธรรมชาติ
ง้วนดินอันโอชารสได้หมดไปจากโลกแล้วในตอนนี้ มีแต่พืชพันธ์ต่างๆเป็นอาหารหล่อเลี้ยงชีพ ไม่โอชารสเหมือนง้วนดินในยุคแรกเลยต่อมาเหล่าสัตว์ไร้ร่างมีแต่จิตทั้งหลายคืออาภัสราพรหมที่อยากจะมาเกิดในโลก จึงจำใจต้องเข้าเกิดในท้องมนุษย์ พวกแรกนี้แทนบริโภคง้วนดิน การเข้าเกิดในท้องนี้ก็ฉวยโอกาสตอนที่มนุษย์ชายและหญิงสมสู่ร่วมประเวณีกันนั้นเอง โดยเข้าปฏิสนธิในครรภ์ฝ่ายหญิง
ต่อจากนั้นก็เกิดตัวตนออกลูกออกหลานแพร่ขยายพันธุ์กันมาเรื่อยๆเมื่อมีเกิด ก็มีตาย คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย majoy เมื่อ 2015-4-17 08:31

ตามตำนานจีนก็พูกถึง ผานกู่กับหนี่วา เทพผู้สร้างโลกและสิ่งมีชีวิต

บางตำราวาดภาพเทพนี้ ครึ่งบนเป็นคน ครึ่งล่างเป็นงู
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-4-19 10:13 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-4-17 08:24
ตามตำนานจีนก็พูกถึง ผานกู่กับหนี่วา เทพผู้สร้างโลกแ ...

น่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน...แต่สร้างให้ตำนานเข้ากับวัฒธรรม ของตัวเอง
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-4-20 09:14 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
กฎธรรมชาติ
ครั้นแล้วกฎแห่งธรรมชาติวิวัฒนาการของมนุษย์ได้เริ่มขึ้นใหม่อีกกฎหนึ่งในตอนนี้
นั้นคือกฎแห่งกรรมดี..กรรมชั่วหรือกฎธรรมชาติเมื่อมนุษย์แพร่ขยายพันธุ์ขึ้นในโลกมากมาย การแก่งแย้งชิงดีชิงเด่น แก่งแย่งกันทำมาหากินก็มากขึ้น มีการฆ่าฟันทำร้ายข่มเหงรังแกกันเป็นของธรรมดาสัตว์โลกปุถุชนกฎแห่งกรรมดี..กรรมชั่วหรือกฏหมายธรรมชาติที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติอย่างน่าอัศจรรย์ในตอนนี้คือ...นรกโลกและเทวโลก
โลกทั้งสองที่เกิดขึ้นใหม่สดๆร้อนๆคือ นรกโลกและเทวโลกนี้ จัดไว้เป็นที่อยู่ของมนุษย์โลกที่ตายไปแล้ว เพื่อชดใช้กรรมดีและกรรมชั่วของตนที่เคยได้ทำไว้สมัยที่มีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ นรกโลกและเทวโลกนี้ไม่มีใครสร้างเป็นโลกละเอียดปรมาณูหรือโลกวิญญาณที่เกิดขึ้นมาเองด้วยตัวของมันเอง โดยธรรมชาติกฎแห่งสากลจักรวาลอันเป็นหลักวิวัฒนาการ
มนุษย์คนไหนทำดี กฎหมายธรรมชาติคือทำดีได้ดีก็จัดส่งให้ไปเกิดในเทวโลก มนุษย์คนไหนทำชั่วคือทำชั่วได้ชั่ว กฏหมายธรรมชาติก็ส่งไปอยู่ในนรกโลกคือมนุษย์ตายไปแล้วสูญร่างกายหยาบ
ส่วนจิตวิญญาณที่มาจากอาภัสรพรหมนั้นยังคงอยู่เพื่อรับกรรม คือกฏแห่งการกระทำของตนเอง

พรหมโลก
ขณะที่กฎแห่งธรรมชาติให้กำเนิดนรกโลกและเทวโลกขึ้นในจักรวาลนี้ พรหมโลกนั้นได้มีขึ้นอยู่ก่อนแล้ว คือโลกของอาภัสรพรหม หรือโลกของสัตว์ที่ไม่มีร่างหากมีแต่จิต เสวยอารมณ์ปีติอิ่มเอมใจเป็นอาหารทิพย์>>
เป็นภูมินรกและภุมเทวดาได้เกิดขึ้นแล้วเช่นนี้ พวกอาภัสรพรหมที่คิดอยากจะท่องเที่ยวหรือจุติมาปฏิสนธิในโลกมนุษย์เหมือนอย่างแต่ก่อนก็เปลี่ยนไปคือไม่อยากจะมา เพราะโลกมนุษย์มีความเป็นสัตว์โลกหยาบช้าสกปรกมาก มีกิเลสชั่วร้ายมาก แก่งแย้งการทำมาหากินกันมาก ข่มเห่งรังแกกันมาก>>
ฉะนั้นการเวียนว่ายตายเกิดจึงเกิดขึ้นเป็นวงโคจรหรือวัฏฏะขึ้นระหว่างมนุษย์โลก นรกโลกและเทวโลก>>
ส่วนอาภัสรพรหมแห่งพรหมโลกที่อยากจะจุติมาเกิดในมนุษย์โลกบ้าง จะมาได้ก็ด้วยอาศัยพลังของตัณหาคือความอยาก>>
ความอยากหรือตัณหาของพรหมนี้คือกิเลส อยากจะมาประกอบกรรมดีในโลกมนุษย์เพื่อทดลองบำเพ็ญความดี คือว่าอยากมาร่วมทุกข์ร่วมสุขวุ่นวายกับพวกมนุษย์ ไม่ใช่คิดอยากจะมากินง้วนดินอันโอชารสเหมือนพวกอาภัสรพรหมรุ่นแรกเพราะว่าตอนนี้ง้วนดินในโลกมนุษย์ไม่เหลือหลออะไรอีกแล้ว>>
อาภัสรพรหมที่นึกสนุกอยากจะมาเกิดในมนุษย์โลกนี้มีเป็นส่วนน้อย ส่วนมากมักเลื่อนชั้นตัวเองขึ้นไปอยู่ภูมิที่สูงขึ้นไปอีกภูมิหนึ่งคือภูมิของ มหาพรหม>>

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้