วันที่ 4 เดือน 4

Sornpraram · โพสต์ 2015-4-6 06:31

วันที่ 4 เดือน 4

(4 เม.ย. 58) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.บุรีรัมย์ ว่า  ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากกว่า 1,000 คน  ขึ้นไปเฝ้ารอชมปรากฏการณ์มหัศจรรย์ดวงอาทิตย์ขึ้นตรงสาดแสงส่องผ่าน 15 ช่องประตูปราสาทพนมรุ้ง ที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์  ตามที่นักดาราศาสตร์ได้คำนวณและคาดการณ์ไว้ตั้งแต่เช้ามืด เมื่อมาถึงเวลา 06.05 น. ดวงอาทิตย์ได้เริ่มโผล่ขึ้นและสาดแสงส่องตรง 15 ช่องประตูปราสาท ตามความคาดหมายของผู้มารอเฝ้าชม  ประกอบกับวันนี้สภาพอากาศดีท้องฟ้าเปิด ไม่มีเมฆหมอกมาบดบังเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด  ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาเฝ้ารอชมเป็นอย่างมาก  โดยประชาชนและนักท่องเที่ยว ต่างเชื่อว่าเป็นปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นปรากฎการณ์ที่ศักดิ์สิทธิ์  หากใครได้ชมจะเป็นสิริมงคลกับคนเองและครอบครัว  ซึ่งทุกคนต่างก็รอรับพลังแสงแรกของดวงอาทิตย์อย่างมีความสุข

อย่างไรก็ตาม  ประชาชน และนักท่องเที่ยวที่มาเฝ้ารอชม  ต่างก็นำกล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์มือถือมาบันทึกภาพดวงอาทิตย์ขึ้นตรงสาดแสงส่อง 15  ช่องประตูปราสาท  ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความวุ่นวาย บางคนถึงกับผิดหวังที่ไม่ได้ชมภาพดวงอาทิตย์ขึ้น  เพราะถูกกล้องถ่ายภาพ โดยเฉพาะสมาร์โฟนบังจนแทบไม่เห็น  เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ต้องประกาศให้คนที่ถ่ายภาพเสร็จแล้วให้หลบออกด้านข้าง  แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องพยายามกั้นไม่ให้คนทะลักออกมาจากแนวกั้น  บรรยากาศเป็นไปอย่างทุลักทุเล

สำหรับปรากฎการณ์ดวงอาทิตย์ขึ้นตรง15ช่องประตูนั้นปีหนึ่งจะมี2ครั้ง คือ ในวันที่ 3 - 5 เมษายน และวันที่ 9 - 11 กันยายน และตกตรง 2 ครั้ง ระหว่างวันที่ 5-7 มีนาคม และ 6-8  ตุลาคม ครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ขึ้นตรงครั้งแรก

นายบัณฑิต ทองอะร่าม หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง  กล่าวว่า "วันนี้ประชาชน  นักท่องเที่ยวต่างก็สมหวัง จากที่มาเฝ้ารอชมปรากฏการณ์ตั้งแต่เช้ามืด พร้อมเชิญชวนผู้ที่ยังไม่เคยมาชม  และพลาดชมดวงอาทิตย์ขึ้นและตกตรง 15 ช่องประตูปราสาทพนมรุ้ง  ก็สามารถเดินทางขึ้นมาชมได้อีก  ในวันพรุ่งนี้ 5 เม.ย. ตามที่นักดาราศาสตร์ได้คำนวณและคาดการณ์ไว้ ว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงระหว่างวันที่  3 – 5 เม.ย.  พร้อมกันนี้ยังจะได้เที่ยวชมงานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้งที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงดังกล่าวด้วย"

ที่มา..http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1428142978

Sornpraram · โพสต์ 2015-4-6 06:38

         จันทรุปราคา 2558 หลายพื้นที่ทั่วโลกคึกคัก คนรอชมดวงจันทร์สีแดงอิฐ เช่นเดียวกับที่ประเทศไทย ชาวสังคมออนไลน์แห่โพสต์ภาพดวงจันทร์อันน่าตื่นตา

          เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่คนไทยให้ความสนใจกันมากกับการเกิดจันทรุปราคา

เมื่อช่วงหัวค่ำของวันที่ 4 เมษายน 2558

ซึ่งถือเป็นจันทรุปราคาเต็มดวงครั้งเดียวที่จะเกิดในปี 2558 นี้

         งานนี้คนไทยในหลาย ๆ จังหวัด จึงเฝ้าจับตาชมปรากฏการณ์นี้กันอย่างคึกคัก กระทั่งได้เห็นดวงจันทร์สีแดงอิฐเต็มดวงปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้าอย่างชัดเจน ทำให้แต่ละคนพากันบันทึกภาพและถ่ายคลิปแล้วนำมาโพสต์ลงในสังคมออนไลน์ และติดแท็ก #จันทรุปราคา กันอย่างมากมาย

         สำหรับปรากฏการณ์จันทรุปราคาครั้งนี้ ไม่ได้เกิดในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเห็นได้เกือบทั่วทวีปเอเชีย รวมทั้งทางตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ ด้านตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก ลองมาชมภาพที่นำมาฝากกัน

สำหรับประเทศไทย ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง ตั้งแต่เวลา 18.57 - 19.02 น. คิดเป็นระยะเวลาของจันทรุปราคาเต็มดวงในครั้งนี้ประมาณ 5 นาที ขณะนั้นดวงจันทร์อยู่สูงจากขอบฟ้าทางด้านทิศตะวันออกประมาณ 7 องศา และช่วงที่ดวงจันทร์อยู่ในเงามืดของโลกเต็มดวง จะมองเห็นดวงจันทร์เป็นสีแดงอิฐทั้งดวง จนสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทางด้านทิศตะวันออก ในทุกภูมิภาคของประเทศ เมื่อสิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงหลังเวลา 19.03 น.ไปแล้ว ดวงจันทร์จะเริ่มออกจากเงามืดของโลก เข้าสู่การเป็นช่วงจันทรุปราคาบางส่วนอีกครั้ง กระทั่งออกจากเงามืดของโลกทั้งดวงในเวลา 20.44 น. แล้วเปลี่ยนเป็นจันทรุปราคาเงามัว ซึ่งการสังเกตทำได้ยาก เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงความสว่างของดวงจันทร์จากเงามืดของโลกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ช่วงท้ายสุดดวงจันทร์จะพ้นจากเงามัวของโลกเวลา 21.58 น. ถือเป็นการสิ้นสุดของปรากฏการณ์จันทรุปราคาแบบเต็มดวงครั้งนี้โดยสมบูรณ์ โดยมีมุมเงย 31 องศา จากขอบฟ้าทางทิศด้านตะวันออก

ดร.นวลวรรณ เปิดเผยว่า ปรากฏการณ์ จันทรุปราคานี้ สำหรับประเทศไทยปีนี้เห็นได้ครั้งเดียว พลาดแล้วต้องรออีก 3 ปี คือ วันที่ 31 ม.ค. 2561

คนโบราณ เมื่อเกิดจันทรุปราคา หรือ ราหูอมจันทร์ เมื่อเต็มดวง ก็จะวิ่งไปเคาะต้นหมากรากไม้ เชื่อว่าจะให้ออกลูกดก

หรือเคาะกระเป๋าสตางค์ ให้มีเงินเต็มกระเป๋า ซึ่งก็เป็นความเชื่อของชาวบ้าน.