ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2300
ตอบกลับ: 4
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เรา...สามคน

[คัดลอกลิงก์]
ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง
หลวงตาเพิ่งกลับจากการบิณฑบาต  เห็นลูกศิษย์วัดนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น จึงเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร



ลูกศิษย์ตอบกลับมาว่า
"ผมถูกใส่ร้าย ผมไม่ได้ขโมยเงินในหอพระ
แต่ผมเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูบ่อย ๆ
ทุกคนก็หาว่าผมเป็นขโมย ไม่มีใครเชื่อผมเลย "

หลวงตานั่งลงข้าง ๆ พยักหน้าเข้าใจแล้วสอนลูกศิษย์ว่า
"เจ้ารู้ไหม ในตัวเรามีคนอยู่สามคน
คนแรกคือ คนที่เราอยากจะเป็น
คนที่สองคือ คนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น
คนที่สามคือ ตัวเราที่เป็นเราจริง ๆ "

ลูกศิษย์หยุดร้องไห้ นิ่งฟังหลวงตา




"คนเราล้วนมีความฝัน ความทะยานอยาก ตามประสาปุถุชนทั่วไป ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย
บางครั้งความฝันก็เป็นสิ่งสวยงาม
เป็นพลังที่ทำให้เราก้าวเดินเช่น บางคนอยากเป็นนักร้อง เป็นนักมวย เป็นดารา



ถ้าถึงจุดหมายเราก็จะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างสว่างไสวสวยงาม
ดังนั้นเราควรมีความฝันไว้ประดับตน เพื่อเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจ"

"มาถึงไอ้ตัวที่สอง จะเป็นเราแบบที่คนอื่นยัดเยียดให้เป็น
บางครั้งก็ยัดเยียดว่าเราดีเลิศ จนเราอาย
เพราะจิตสำนึกเรารู้ดีว่ามันไม่จริงหรอก แต่เราก็ยิ้มรับ
แต่บางครั้งไอ้ตัวที่สองนี้ก็มหาอัปลักษณ์ จนไม่อยากจะนึกถึง
ซ้ำร้ายยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะมันเป็นโลกในมือคนอื่น
มันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่คนอื่นยื่นให้"

"อย่างคนขับสิบล้อจอดรถอยู่ข้างทางเฉย ๆ
เช้ามาพบศพใต้ท้องรถ ก็ต้องขับรถหนี
ทั้งที่ศพนั้นถูกรถชนตายอีกฝั่งแล้วดันถลามาใต้ท้องรถ
แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนขับสิบล้อ
บางคนก็ตัดสินไปแล้วว่าเขาเป็นฆาตกร"




"สมัยที่หลวงตายังไม่ได้บวชเคยไปส่งเพื่อนผู้หญิงที่มีสามีแล้ว
เพราะเห็นว่าบ้านเป็นซอยเปลี่ยว
ส่งได้สองครั้งก็เป็นเรื่อง ชาวบ้านซุบซิบนินทา
หาว่าเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน
คนที่เห็นนั้นมองคนอื่นด้วยใจที่หยาบช้า ไร้วิจารณญาณ
ใจแคบ มองคนอื่นผ่านกระจกสีดำแห่งใจตัวเอง
ไม่สามารถมองเห็นคนที่สามที่เป็นตัวตนของเราจริงๆ
คนเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในสังคม เจ้าต้องจำไว้นะ
ทุกครั้งที่เราว่าคนอื่นเลว คนอื่นไม่ดี ก็เท่ากับเราประจานความมืดดำในใจตัวเองออกมา
เห็นสิ่งไม่ดีของใครจงเตือนตัวเองว่า
อย่าทำ อย่าเลียนแบบ นั่นแหละวิถีของนักปราชญ์
ถ้าเอาไปว่าร้ายนินทาเรียกว่าวิถีของคนพาล"

"แล้วเราต้องทำตัวอย่างไรละครับในเมื่อเราต้องเจอคนเหล่านั้นเรื่อยๆ"
ลูกศิษย์หยุดร้องไห้แล้ว เริ่มสนทนาโต้ตอบหลวงตา

"เจ้าต้องทำความเข้าใจจิตใจมนุษย์  เรียนรู้ว่าความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้
เราห้ามใจใครไม่ได้ สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำ  ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็น แต่คนอื่นคอยยัดเยียดให้เรา  เราก็ไม่ควรให้ความสำคัญ



เพราะเราสัมผัสได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง



ใจเราควรสงบนิ่ง ยังไม่ต้องชำระ
ใจคนอื่นต่างหากที่ควรซักฟอกให้ขาวสะอาดกว่าที่เป็นอยู่
เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่น่าสงสารมีเวลามองคนอื่น
แต่ไม่มีเวลามองตัวเอง จงแผ่เมตตาให้เขาไป เข้าใจใช่ไหม"

"เข้าใจครับหลวงตา" เด็กน้อยยิ้มมีความสุขอีกครั้ง
ขอบคุณครับ
นี่เลย
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้