เราเกิดมาเพื่ออะไร : หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ

kit007

หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ
วัดป่าบ้านค้อ
ต.เขือน้ำ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

  

เข้าพรรษามาแป๊บเดียวครึ่งเดือนแล้ว
เหลืออีกสองเดือนกับไม่กี่วัน
มีความรู้สึกว่าแป๊บเดียว
เป็นเพราะว่าคนมี "งานทำ" นั่นแหละ
คนมีงานทำมันลืมวันลืมคืน ลืมปีลืมเดือน
คนไม่มีงานทำมันก็เป็นแต่เวลามันยาวนานเหลือเกิน
นั่งๆนอนๆกับพื้น นานค่ำแท้ นานสว่างแท้อยู่นั่น

แต่นั้นจึงว่า พวกเราทั้งหลายที่เป็นชาวพุทธ
ตระหนักให้ดีว่า หน้าที่ของเราที่เกิดมาในยุคนี้สมัยนี้
ให้มีคำถามกับตัวเองอยู่เสมอๆ ว่า

"เราเกิดมาเพื่ออะไร?"

"หวังอะไรจากการเกิดของเรา?"

นี่คำถาม ถามตัวเองบ่อยๆ
หาคำตอบจากตัวเองให้ได้ว่า
เราเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไร
นี่คำถามสั้นๆ เป็นการกระตุ้น
เตือนตัวเองอยู่เสมอๆ ว่าภาวนานุสติ
ถ้าเพียงคิดว่า เกิดมาเพื่อร่ำเพื่อรวย
เพื่อได้ เพื่อเอา ก็จะมีคำถามต่อไปว่า
ถ้ามาร่ำรวย ร่ำรวยไปเพื่ออะไร?
เพื่อเอา...เอาไปเพื่ออะไร?
หาคำตอบให้ได้

ถ้าตัวเองไม่มีคำถามตัวเองอย่างนี้
ไม่มีคำตอบอย่างนี้ มันก็จะหลง
หลงตัวเองอยู่กับโลกอันนี้
เพิ่มความอยากให้เกิดขึ้นมาก
ไม่อิ่ม ไม่พอ เพิ่มตัณหา

คือนักปฏิบัติเขาต้องมีคำถามตัวเองอย่างนี้แหละ
จะเดินถามตัวเองบ้าง นั่งถามตัวเองบ้าง
นอนถามตัวเองบ้าง ตรึกตรองครุ่นคิด
ถามตัวเองแล้วหาคำตอบตัวเองให้ได้

คำตอบนั้นต้องมีเหตุมีผล
อันเป็นหลัก "ธรรมาธิปไตย"
ถ้าคำตอบออกมาเป็น "อัตตาธิปไตย"
ล่ะเอาล่ะ...มีปัญหาแน่
มันจะเข้าข้างตัวเอง
นั่นหมายถึงกิเลสตัณหา
ความโลภจะเพิ่มเติมมากขึ้น

คนส่วนใหญ่ในโลกเขาก็ว่า
เกิดมาเพื่ออยู่ดีกินดี
ต่อมาก็เพื่อร่ำเพื่อรวย
เพื่อมีความสุขในกามคุณทั้งหลาย
ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฐฐัพพะ
ให้สมใจตามความอยากที่ตัวเองต้องการ
นี่ส่วนใหญ่ตอบอย่างนี้

ถ้านักปฏิบัติเขาจะหาคำตอบรูปแบบใหม่
คำตอบออกมาว่า เกิดมาเพื่ออะไร...
เกิดมาเพื่อ "บำเพ็ญบารมี"
เกิดมาเพื่อบำเพ็ญกุศล
เกิดมาเพื่อสร้างคุณงามความดีทุกประเภท


  


ที่มา จากพระธรรมเทศนา
https://www.youtube.com/watch?v=frZ3Iy35brU

                                                                                       
.....................................................................

ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=49191

ธี